ย้อนกลับไปในช่วงปี 2000s ถึง 2010s โรนัลดินโญ่ คือไอค่อนของโลกฟุตบอล ไม่ว่าคุณจะเป็นคอบอลหรือเป็นคนที่ไม่สนใจเกมลูกหนัง เชื่อว่าคุณก็ต้องเคยได้ยินชื่อของ โรนัลดินโญ่ สักครั้ง
นักเตะที่มีภาพลักษณ์ที่จดจำง่าย มีสไตล์ฟุตบอลที่ตื่นตาตื่นใจ และ ครองยุทธภพแห่งลูกหนังที่ใครต่อใครก็ซูฮก ... กลับถูก บาร์เซโลน่า ขายออก เพื่อเปิดทางให้เด็กอายุ 19 ปีได้สร้างยุคสมัยใหม่ของสโมสรขึ้นมา
เด็ก 19 ปี คนนั้นชื่อว่า ลิโอเนล เมสซี่ ... ย้อนกลับไปในดีลประวัติศาสตร์ที่ บาร์เซโลน่า ปล่อย โรนัลดินโญ่ ออกจากสโมสร ณ ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง ?
ติดตามที่ Main Stand
Football Iconic
การย้ายจาก เปแอสเช ที่ตอนนั้นโลกยังเรียกชื่อเต็มเป็นหลักว่า ปารีส แซงต์ แชร์กแม็ง ของ โรนัลดินโญ่ คือ 1 ในดีลประวัติศาสตร์ของโลกลูกหนัง นักเตะบราซิล กับ บาร์เซโลน่า นั้นเป็นของคู่กัน ... ทั้งสองทีมที่มี DNA ของทีมที่ใช้ทักษะมากกว่าพละกำลัง ใช้ความเข้าใจเกมมากกว่าความดุเดือดเลือดพล่าน ซึ่ง โรนัลดินโญ่ ตอบโจทย์ทุกอย่างในวันที่เขาย้ายไป บาร์เซโลน่า ในปี 2003
ไรอัน โทลมิช นักเขียนแนวหน้าของ GOAL สรุปความสุดยอดของ โรนัลดินโญ่ ไว้อย่างคร่าว ๆ แต่เห็นภาพชัดที่สุด เขาบอกว่า
"หากคุณเคยเห็น โรนัลดินโญ่ ลงเล่น คุณจะรู้ว่าเรากำลังพูดถึงใคร" เขาเปิดหัวแบบนี้ ซึ่งถ้าใครเคยดูภาพของ โรนัลดินโญ่ น่าจะโผล่มาในหัวทันที
"นี่คือเทพเจ้าแห่งการคอนโทรลลูกบอล ผมไม่เคยเห็นใครทำได้ดีกว่าเขา และมีนักเตะในระดับเขาไม่กี่คน คนที่สามารถสร้างสิ่งมหัศจรรย์ได้ทุกครั้งที่บอลอยู่กับเท้า ทำให้ทั้งโลกนิ่งสงบ หยุดหายใจ และมองเป็นตาเดียวกัน"
"โรนัลดินโญ่ เป็นมากกว่าคนที่ทำหน้าที่ยิงประตู แต่คือผู้รังสรรค์ฉากในตำนานของฟุตบอลมากมาย คนที่เมื่อได้สัมผัสลูกฟุตบอลแฟนบอลจะต้องลุกขึ้น ด้วยการผสมผสานกันของ ความเร็ว ทักษะ และการเป็นผู้อยู่บนจุดสูงสุดของนักกีฬาทั่วโลก ณ ตอนนั้น ... นักฟุตบอลหลายคนโชว์สิ่งต่าง ๆ ที่เหลือเชื่อในสนามซ้อม แต่ โรนัลดินโญ่ นั้นแตกต่างเขาทำสิ่งเหล่านั้นต่อหน้าการเผชิญหน้ากับกองหลังที่ดีที่สุดในโลกได้สบาย ๆ นั่นแหละคือความสุดยอดของเขาล่ะ"
ในโลกที่ฟุตบอลเป็นมากกว่าเกมกีฬา แต่เป็นธุรกิจสร้างความบันเทิงอีกรูปแบบหนึ่ง นักเตะอย่าง โรนัลดินโญ่ จึงถูกจดจำ อย่างที่ โทลมิช บอก ไม่ใช่แค่คุณภาพในเชิงผลลัพธ์ หรือถ้วยรางวัลที่กวาดเรียบทุกแชมป์ที่ลงแข่งขัน แต่วิธีการของ โรนัลดินโญ่ นั้นเต็มไปด้วยสีสัน ความเอ็นเตอร์เทน และการคาดเดาไม่ได้ ความสามารถระดับที่ทำให้แม้แต่คนที่ดูบอลไม่เป็นยังสนุกกับฟุตบอลได้ คือคุณสมบัติที่ โรนัลดินโญ่ ถูกยกย่องให้เป็น "ไอค่อน" แห่งฟุตบอลยุค 2000s
สิ่งที่อธิบายมาทั้งหมดมันชวนให้คิดว่า "ถ้าสุดยอดขนาดนั้น ทำไม โรนัลดินโญ่ จึงไม่สามารถสร้างความสำเร็จในระยะยาวแบบกินเวลาเป็นสิบ ๆ ปีได้ ?" ... คำตอบของคำถามนี้คือ ในยุคที่เขาเก่งกาจถึงขีดสุด คือจุดเริ่มต้นของโลกยุค "โมเดิร์นฟุตบอล" ซึ่งผู้เล่นที่ดีที่สุดในโมเดิร์นฟุตบอล มีคำจำกัดความที่แตกต่างออกไปจากฟุตบอลยุคเก่ากล่าวคือ "พรสวรรค์อันดับ 1 ของโลก" ก็ใช่จะการันตีได้ว่าคุณจะประสบความสำเร็จมากที่สุด และสำคัญกับทีมจนแทบขาดไม่ได้
โรนัลดินโญ่ เจอปัญหานั้นในช่วงเวลาที่เขายังอายุไม่ถึง 30 ปี ด้วยซ้ำ ... เรื่องมันเริ่มจากการที่ แฟรงค์ ไรจ์การ์ด กุนซือของ บาร์เซโลน่า ที่เปรียบดังกุนซือคู่บุญของ โรนัลดินโญ่ ดันนักเตะอายุ 16 ปี จากศูนย์ฝึกลา มาเซีย ที่ชื่อว่า ลิโอเนล เมสซี่ ขึ้นมา
วันเปลี่ยนแผ่นดิน
เราต้องบอกอีกครั้งว่า โรนัลดินโญ่ คือที่สุดแห่งยุค แต่วัฏจักรของทุกสิ่งนั้นไม่มีสิ่งไหนคงอยู่ตลอดไป
ในโลกของฟุตบอลหลังจากที่ โรนัลดินโญ่ พา บาร์เซโลน่า คว้าทุกเเชมป์ที่ลงเล่น คว้าเเชมป์โลกกับ บราซิล คว้ารางวัลที่การันตีว่าเขาเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดในโลกอย่าง บัลลงดอร์ มันเป็นเหมือนช่วงเวลาที่แม้แต่เขาเองรู้สึกว่าตัวเองได้มาถึงจุดสูงสุดของฟุตบอลแล้ว ไม่เหลืออะไรให้เขาพิชิตอีกต่อไป แม้เขาจะเล่นฟุตบอลด้วยความสุขและรอยยิ้ม แต่ความพยายามในการทำอะไรให้สำเร็จ มันไมได้มากตอนที่เขาหนุ่ม ๆ อีกต่อไป
ไรจ์การ์ด เองก็รู้สึกแบบนั้น ... เพราะในวันที่ โรนัลดินโญ่ โฟกัสกับการเป็นแชมป์น้อยลง ทีมของเขาก็อ่อนศักยภาพลงด้วย
ต้องย้อนกลับไปตอนที่ ไรจ์การ์ด คุมทีม สิ่งหนึ่งที่ทำให้ทีมของเขาคว้าความสำเร็จมากมายไม่ใช่ระบบทีมแบบ ติกิ-ตากา แบบที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า สร้างไว้ แม้จะคล้าย ๆ แต่ก็ไม่ได้มีระบบระเบียบเท่า บอลของ ไรจ์การ์ด สนุกสนาน เน้นการทำลายล้าง และลื่นไหลไปกับคุณภาพนักเตะระดับโลกที่เต็มทีมไปหมด
เอาแค่แนวรุกพวกเขามีอย่าง ซามูเอล เอโต้, เธียร์รี่ อองรี, ไอเดอร์ กุ๊ดยอห์นเซ่น กองกลาง มี เดโก้, ชาบี เอร์นันเดซ, ยาย่า ตูเร่, อันเดรียส อิเนียสต้า และอีกหลาย ๆ คน สนักเตะพวกนี้สร้างความแตกต่างได้มากมาย แต่คนที่มีบทบาทมากที่สุดกับทีมชุดนั้นคือ โรนัลดินโญ่ ที่แบกหน้าที่สร้างสรรค์เกมรุกของทีมเอาไว้ ซึ่งในวันที่ โรนัลดินโญ่ พิชิตทุกอย่างและแพสชั่นเริ่มจางลง บาร์เซโลน่า ที่เคยเก่งที่สุด ก็ดรอปลงด้วย
ฤดูกาล 2006-07 และ 2007-08 บาร์เซโลน่า ไม่ได้เเชมป์ระดับเมเจอร์มาครองเลยแม้แต่รายการเดียว นี่คือสิ่งที่ผิดธรรมชาติและเปลี่ยนผันเร็วเกินไป มันแสดงให้เห็นว่ามีปัญหาเกิดขึ้น ซึ่งทำให้ ไรจ์การ์ด ต้องเลือกที่จะถ่ายเลือดใหม่ เป็นช่วงเวลาที่ ลิโอเนล เมสซี่ นักเตะที่ขึ้นชุดใหญ่ในปี 2004-05 ที่ซึมซับช่วงเวลาที่ทีมคว้าความสำเร็จมากมายมาครอง เติบโตขึ้น มีศักยภาพมากขึ้น และมีความพร้อมที่จะเป็นตัวความหวังของทีมคนต่อไป
เมสซี่ คือเด็กอัจฉริยะอีกคนที่สื่อทั่วโลกจับตา ความตื่นตาตื่นใจของเขาในช่วงวัยรุ่น ถ้าจะพูดกันแบบตรง ๆ ก็ต้องบอกว่าฉายแววมาตั้งแต่อายุ 16-17 ปี แล้ว นักเตะที่ลากบอลติดเท้า ตัดสินใจดี มีแนวคิดในการเล่นเหมือนกับผู้ใหญ่แบบนี้หาไมได้บ่อย ๆ นัก ซึ่งเมื่อเป็นแบบนั้น มันก็อดไม่ได้ที่ใครจะมองว่าเขาจะกลายเป็น "หมายเลข 10 ของ บาร์เซโลน่า คนต่อไป"
ยิ่งเมื่อ ไรจ์การ์ด มอบหมายให้ โรนัลดินโญ่ เป็นเหมือนพี่เลี้ยงของ เมสซี่ ด้วย ... และคุณอย่าได้เข้าใจผิดว่า โรนัลดินโญ่ เอาแต่เที่ยวเล่นไม่สนใจฟุตบอลตามข่าว เพราะหน้าที่พี่เลี้ยงของ เมสซี่ นี้ เขาทำมันอย่างสุดความสามารถเหมือนกัน และว่ากันว่าเขารอรับอาสาทำอย่างเต็มใจอีกด้วย
"ผมคือแฟนพันธ์แท้ของ ลีโอ มาตั้งแต่ตอนที่เขาอยู่กับทีมเยาวชน ผมมักจะบอกกับ เดโก้(นักเตะกองกลางของ บาร์เซโลน่า) ว่าเดี๋ยวเราไปดูไอเด็กนี่เล่นกัน พอได้เห็นพวกเราก็คุยกันว่าเราสามารถเห็น ลีโอ ไปถึงระดับจุดสูงสุดของโลกได้" โรนัลดินโญ่ กล่าวเริ่ม
คุณคิดว่านักเตะอย่าง โรนัลดินโญ่ จะสอนอะไรให้กับ เมสซี่ ได้ดีที่สุด ? เลี้ยงบอล, ยิงบอล, อ่านเกม หรือการจ่ายบอลเหรอ ? ไม่ใช่เลย โรนัลดินโญ่ บอกว่า เมสซี่ คือเด็กที่ไม่จำเป็นต้องไปสอนเรื่องทักษะพื้นฐานอีกแล้ว ดังนั้น โรนัลดินโญ่ จึงเป็นพี่เลี้ยงในแง่ของการเป็นเอ็นเตอร์เทนเนอร์ชั้นดี ทำให้ เมสซี่ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้แฟน ๆ ไปพร้อมกับผลลัพธ์ในสนาม ซึ่ง โรนัลดินโญ่ สรุปว่าเขาแค่ "สอนให้เมสซี่เล่นบอลด้วยความสนุก" เท่านั้นเอง
"นักเตะอย่าง ลีโอ ไม่ต้องการคำแนะนำเรื่องวิธีการเล่นหรอก คุณเลิกห่วงเขาเรื่องนี้ได้เลย คำแนะนำเดียวที่ผมมอบให้เขาในเวลานั้นคือ ลงไปเล่นด้วยความสนุก ปล่อยใจให้เป็นอิสระ ทำให้เกิดความรู้สึกว่าเมื่อบอลมาอยู่กับเท้า ทุกอย่างจะพั่งพรูออกมาเองตามธรรมชาติ"
"ผมแทบไม่ได้เป็นพี่เลี้ยง แต่เเทบจะเป็นเพื่อนกับเขา ผมใช้เวลาร่วมกันกับ เมสซี่ มากมาย การเดินทางเล่นเกมเยือนเราจะนั่งด้วยกัน เราไปมาหาสู่กัน ผมไม่เคยเข้มงวดกับเขา เพราะเขารู้ว่าอะไรเป็นอะไรอยู่แล้ว ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันผมจดจำได้แต่เสียงหัวเราะและความเพลิดเพลินเท่านั้นแหละ" โรนัลดินโญ่ กล่าว
แม้จะหัวเราะเหมือนกันแต่เป้าหมายนั้นต่างกัน อย่างที่บอกว่า โรนัลดินโญ่ กำลังเดินทางสู่ขาลง ไม่ว่าเขาจะรู้ตัวหรือไม่แต่ ไรจ์การ์ด คิดแบบนั้น ขณะที่ เมสซี่ กำลังไต่เพดานบิน เปลี่ยนจากแข้งดาวรุ่งเป็นซูเปอร์สตาร์ของทีม ... เมื่อเป้าหายต่าง การใช้ชีวิตก็แตกต่างกันออกไปด้วย
โรนัลดินโญ่ และ ซีเนียร์ของทีมชุดนั้นอย่าง เดโก้ มีไลฟ์สไตล์คล้าย ๆ กัน หลังพิชิตทุกสิ่งพวกเขาก็ใช้เวลากับการปาร์ตี้มากขึ้น มีการกินดื่มที่หนักขึ้นตามสไตล์นักเตะละติอเมริกา ... ไม่ว่าจะเคยสร้างคุณงามความดีไว้แค่ไหน แต่ฟุตบอลคือเรื่องของปัจจุบัน บาร์เซโลน่า เองก็รับทราบเรื่องนี้ดี พวกเขาพยายามประคบประหง เมสซี่ เพื่อให้เด็กคนนี้ไต่ระดับจนสุดทาง ขณะที่กับ โรนัลดินโญ่ นั้น พวกเขาเริ่มมองหาลู่ทางการเอา โรนัลดินโญ่ ออกจากทีมแล้ว
ขายตำนานสโมสร เพื่อสร้างตำนานเบอร์ 1 ของโลกลูกหนัง
อย่างที่ได้กล่าวเอาไว้ข้างต้น เมื่อ โรนัลดินโญ่ อ่อนกำลัง บาร์เซโลน่า ของ ไรจ์การ์จ ก็ผลงานรูดตาม ช่วงใกล้จบฤดูกาล 2007-08 เริ่มมีข่าวว่า แม้แต่ ไรจ์การ์ด เองก็จะอยู่ไม่ได้ บาร์เซโลน่า ต่อหากเขาไม่สามารถคว้าเเชมป์ ลา ลีกา หรือ แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ ซึ่งทีมของเขาหมดลุ้นเเชมป์ ลา ลีกา ตั้งแต่เดือน เมษายน แล้ว (ปีนั้น มาดริด คว้าเเชมป์ทิ้งห่าง บาร์เซโลน่า ถึง 18 แต้ม) ขณะที่ใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกรอบน็อคเอาต์ พวกเขาเจองานไม่ยากใน 2 รอบแรก ด้วยการผ่าน เซลติก และ ชาลเก้ 04
จนกระทั่งมาถึงรอบ 4 ทีมสุดท้าย ที่พวกเขาถูกลูกยิงไกลของ พอล สโคลส์ ส่งตกรอบด้วยสกอร์รวม 0-1 โดยที่ โรนัลดินโญ่ ไม่ได้ลงแม้แต่นาทีเดียวในทั้ง 2 เลก ไรจ์การ์ด เองก็ออกมายอมรับกับสื่อว่าการอำลานักเตะที่ดีที่สุดที่เขาเคยร่วมงานด้วยกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า ปีนั้น โรนัลดินโญ่ ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงทั้งปีแค่ 20 เกมจากทุกรายการ ... แถมยังบาดเจ็บตลอด ซึ่งเป็นผลจากการไม่ดูแลร่างกาย และอ่อนซ้อมลงกว่ายุคแรก ๆ พอสมควร
"ทุกอย่างมันชวนให้คิดแบบนั้นอย่างเลี่ยงไม่ได้(โรนัลดินโญ่ จะย้ายออกหลังจบซีซั่น)" ไรจ์การ์ด กล่าวก่อนที่ บาร์เซโลน่า จะลงสนามเจอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด
"นี่คือสิ่งที่ผมเสียดายที่สุด ผมรักเขาเสมอไม่เปลี่ยนแปลง และมั่นใจว่าจะไม่มีใครลืมสิ่งที่เขาเคยทำให้กับสโมสรนี้ ผมหวังเขาจะยังแสดงให้โลกเห็นว่าเขายังเล่นได้ เวลานั้นจะมาถึงแน่ โรนัลดินโญ่ จะตอบสนองให้โลกรู้ว่าเขายังมีดี" แม้จะเป็นคำชม แต่เป็นการบอกอ้อม ๆ ว่าระดับของ โรนัลดินโญ่ ไม่ดีพอสำหรับ บาร์เซโลน่า ในตอนนี้เเล้ว
ทุกอย่างที่ ไรจ์การ์ด คาดเดาเอาไว้ผิดนิดหน่อย หลังจบฤดูกาลด้วยมือเปล่าเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน บาร์เซโลน่า ปล่อย โรนัลดินโญ่ ออกไปจากทีมโดยมี เอซี มิลาน มารับช่วงคว้าตัวต่อ ... แต่ ไรจ์การ์ด เองก็ไม่สาามารถรักษาตำแหน่งของเขาไว้ได้เหมือนกัน สโมสรมองว่า ไรจ์การ์ด ที่ไม่มี โรนัลดินโญ่ ในช่วงพีก ก็ไม่ดีพอสำหรับสโมสรเช่นกัน พวกเขาจึงหันกลับไปยังโค้ชที่เป็น DNA ของสโมสร กุนซือหนุ่มที่ยังไร้ความสำเร็จในเวลานั้นที่ชื่อว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เข้ามาคุมทีมในฤดูกาล 2008-09
เมื่อคุณมองเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในเวลาปัจจุบัน คุณจะรู้ได้ทันทีว่าเขาจะเอายังไงกับ โรนัลดินโญ่ นักเตะที่อ่อนซ้อม ร่างกายไม่แข็งแรงพอ และไม่ตอบโจทย์ฟุตบอลที่อาศัยวินัยและการเล่นเป็นทีมมากเป็นพิเศษตามสไตล์ของเขา
อเล็กซานเดอร์ เคล็บ นักเตะที่ย้ายจาก อาร์เซน่อล มาอยู่กับ บาร์เซโลน่า เล่าถึงยุคการเปลี่ยนผ่านครั้งนั้นว่าเกิดขึ้นเพราะสโมสรได้เลือกแล้ว โรนัลดินโญ่ คืออดีต และ เมสซี่ คือปัจจุบันและอนาคต พวกเขาจำเป็นต้องก้าวไปข้างหน้า และทิ้งตำนานอย่าง โรนัลดินโญ่ เอาไว้ข้างหลัง ไม่ใช่เพราะไม่เก่งเหมือนเดิมอย่างเดียวเท่านั้น แต่เป็นเพราะการคงอยู่ของ โรนัลดินโญ่ นั้นมีอิทธิพลกับทีมมากเกินไป การใช้ชีวิตกินอยู่ อาจจะทำให้นักเตะรุ่นหลังเอามาอ้างได้ว่า "ทำไม โรนัลดินโญ่ ยังทำได้เลย" ... ดังนั้นการตัดไฟแต่ต้นลมจึงเริ่มขึ้น
"เป๊ป และ บาร์เซโลน่า ต้องการปกป้องอนาคตของสโมสรอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ อย่างไม่ต้องสงสัย" เคล็บ กล่าว
"โรนัลดินโญ่ และ เดโก้ คือ 2 นักเตะที่เมาและมาซ้อมตอนเช้าเป็นประจำ ผมว่านี่เป็นเหตุผลสำคัญเลยที่ทั้งคู่ถูกขายออกจากทีมในปี 2008 สโมสรกลัวว่าความสนิทของทั้งคู่ จะฉุด ลิโอเนล เมสซี่ ลงต่ำกว่าที่ควรจะเป็นได้" เคล็บ กล่าว
เป๊ป อาจจะเป็นกุนซือหนุ่มในเวลานั้น แต่เขาเด็ดเดี่ยวและเชื่อมั่นในแนวทางของตัวเองเป็นอย่างมาก เขาถึงกับให้สัมภาษณ์หลังรับงานว่า ผู้เล่นชุดใหญ่ของ บาร์เซโลน่า ทุกคนในปีที่แล้ว คือนักเตะที่เขาพร้อมจะปล่อยออจากทีมและจะไม่ขวางหากมีใครขอย้ายออก
"ผมไม่เถียงว่าพวกเขาเคยอยู่ในระดับที่สูงมาก แต่ผมและทีมงานของสโมสรกำลังจะสร้างทีมใหม่ เดโก้, โรนัลดินโญ่ และ ซามูเอล เอโต้ ไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมของเรา" เป๊ป ยังคงเป็นเป๊ปตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบัน ถ้าเขาคิดว่าใครไม่ดีพอ เขาพร้อมจะปล่อยแบบไม่มีการรั้งกันไว้ใด ๆ ทั้งสิ้น
การผลักดัน ลิโอเนล เมสซี่ และ บาร์เซโลน่า ชุดที่ถูกเรียกว่า "ทีมจากต่างดาว" เกิดขึ้นหลังจากวันนั้น วันที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เข้ามาและล้มล้างระบบเก่าอย่างสิ้นเชิง แม้แต่นักเตะทีเก่งที่สุดในโลกอย่าง โรนัลดินโญ่ ก็ไม่มีข้อยกเว้น ซึ่งท้ายที่สุดของเรื่อง มีการถาม เป๊ป ว่า นักเตะแบบไหนที่เขาจะพยายามหามาแทนสตาร์ที่เขาปล่อยออกจากทีมเหล่านี้
เป๊ป ตอบแบบขำ ๆ และสร้างเสียงหัวเราะให้ผู้ถามว่า "ผมจะหากองหน้าที่ยิงได้ปีละ 60 ลูกมาร่วมทีม" พูดเสร็จแล้วเขาก็หัวเราะ...
และหลังจากนั้น 3 ปี ลิโอเนล เมสซี่ คือนักเตะที่ยิงประตูในรอบปฎิทินได้มากที่สุดตลอดกาลของโลกที่ 85 ลูก ในตำแหน่งที่ เป๊ป สร้างมาเพื่อเขาอย่าง "ฟอลส์ ไนน์"
มาถึงตรงนี้คุณคิดว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เล่นมุกหรือคิดแบบนั้นจริง ๆ ?
แหล่งอ้างอิง
https://onefootball.com/en/news/barcelona-sold-drunk-ronaldinho-and-deco-to-protect-messi-26116397
https://www.skysports.com/football/news/3487702/rijkaard-in-ronaldinho-admission
https://www.quora.com/Why-did-Ronaldinho-leave-Barcelona
https://www.republicworld.com/sports/football/why-did-ronaldinho-leave-barcelona-was-he-involved-in-drugs-released/
https://bleacherreport.com/articles/30185-pep-guardiola-says-ronaldinho-deco-and-etoo-are-free-to-go
https://www.eurosport.com/football/ballon-d-or/2023/ronaldinho-reflects-on-the-rise-of-lionel-messi-at-barcelona-we-always-expected-he-would-be-the-best_sto9862935/story.shtml