Feature

มนต์ขลัง UCL Night : หาเหตุผลถึงวลีอมตะ "ฟุตบอลยุโรป" เล่นยากกว่า "ฟุตบอลลีก" ? | Main Stand

อาร์เซน่อล ไล่ยิงทีมในลีก น้อย-ใหญ่ เละเทะหลังจากเปิดปฏิทินปี 2024 และเมื่อมาถึงเกมยุโรปที่พวกเขาจะต้องเจอกับ เอฟซี ปอร์โต้ ไม่ว่ามองจากเหลี่ยมไหน ปอร์โต้ ก็น่าจะเละตามทีมอื่น ๆ ในพรีเมียร์ลีกแน่ ๆ 

 


ที่ไหนได้ทีมอันดับ 3 จาก ลีกโปรตุเกส ที่เล่นในลีก 3 เกมหลังชนะแค่หนเดียว กลับเอาชนะทีมที่ฟอร์มดุที่สุดในพรีเมียร์ลีกได้ ชนิดที่ อาร์เซน่อล ไม่ได้ยิงเข้ากรอบเลยแม้แต่ครั้งเดียว 

ว่ากันว่านี่คือมนต์ขลังฟุตบอลยุโรปหรือที่เรียกว่า "UCL Night" ที่ทำให้รายการนี้เล่นยากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะกับทีมจากลีกอังกฤษ ... ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ? เราจะลองค้นประวัติศาสตร์ของประโยคคลาสสิกนี้ เพื่อหาคำตอบมาให้คุณ 

ติดตามไปพร้อมกับ Main Stand ได้ที่นี่

 

กว่าจะรู้จักโมเดิร์นฟุตบอล 

จะมีใครบอกความแตกต่างของฟุตบอล 2 รายการนี้ได้มากไปกว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่พาทีมคว้าเเชมป์พรีเมียร์ลีกมาแบบนับไม่ถ้วน แต่กับรายการ ยูโรเปี้ยน คัพ หรือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก กลับยากเย็นแสนเข็ญ กว่าจะได้เเชมป์ครั้งแรก ต้องรอถึงปี 1999 หรือ 13 ปี นับตั้งแต่เข้ามาคุมทีมเมื่อปี 1986 และตลอดอาชีพกุนซือของเขาก็คว้าแชมป์ เเชมเปี้ยนส์ลีก ได้แค่ 2 หนเท่านั้น ตลอดการคุมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด เกือบ 28 ปี  

เฟอร์กี้ เคยพูดถึงเหตุผลนี้ว่า ฟุตบอลอังกฤษโดยเฉพาะก่อนยุค 2010s เป็นฟุตบอลที่มีวิธีกายการเล่นไม่หลากหลายซับซ้อน จากหน้าไปหลัง - จากหลังไปหน้า เป็นฟุตบอลไดเร็กต์ ในแบบที่ภาษาบ้าน ๆ เรียกว่า "เว้ากันซื่อ ๆ" แสดงให้เห็นวิธีการบุกแบบตรงไปตรงมา เล่นบอลเร็ว บุกจากริมเส้น และใช้ผู้เล่นในกรอบเขตโทษให้เยอะเพื่อเพิ่มโอกาสทำสกอร์ ... ถ้าคุณดูฟุตบอลอังกฤษยุค 1990s หรือแม้กระทั่งยุคนี้ เชื่อว่าคุณน่าจะนึกภาพตามที่ เฟอร์กี้ บอกได้ไม่ยากนัก

การเล่นแบบบอลหน้าเดียว ขาดความซับซ้อนเชิงแท็คติก ทำให้การมาเล่นในยุโรปของทีมในอังกฤษมีปัญหา พวกเขามีความดุดันไม่แพ้ใคร แต่ในโลกฟุตบอลนั้นมีแท็คติกหรือกลยุทธ์มากมายในการเล่นงานคู่แข่ง ซึ่งคู่แข่งที่เปิดหน้าสู้ เล่นเกมบุกเป็นหลัก ย่อมเปิดจุดอ่อนในหลังบ้านให้โจมตีได้โดยง่าย 

เฟอร์กี้ อธิบายเพิ่มว่าในฟุตบอลยุโรปนั้น มีทีมจากหลายประเทศเข้าร่วมแข่งขัน DNA ของนักเตะแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน วิธีการเล่นฟุตบอลในแต่ละประเทศก็ไม่เหมือนกัน ดังนั้นแท็คติกแบบ "เว้าซื่อ ๆ" แบบบอลอังกฤษ จึงมักจะแพ้ทางทีมในยุโรป โดยเฉพาะทีมจากลีกหัวแถวมีความเชี่ยวชาญเชิงกลยุทธ์มากกว่า ยิ่งถ้าทีมของคุณไม่มีประสบการณ์ในการเล่นถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก คุณจะเจอกับระดับของเกมที่แตกต่าง และปรับตัวกับความเขี้ยวลากดินของทุก ๆ ทีมไม่ทัน 

"ในเกมยุโรปมันเป็นอะไรที่แตกต่างเสมอ  บางเกมต่อให้คุณเล่นได้ดีมาก เปิดเกมบุกใส่เตรียมได้ประตู แต่แล้วเมื่อคุณเปิดโอกาส หลังบ้านของคุณก็พังทันที ... ผู้เล่นของ แมนฯ ยูไนเต็ด กว่าจะใช้เวลาเพื่อคุ้นเคยกับสิ่งนี้มากขึ้นก็หลายปี ในช่วงหลัง ๆ  เมื่อคุณมีประสบการณ์ คุณจะรู้และระวังการสวนกลับเร็วที่เป็นจุดสลบของคุณเมื่อหลายปีก่อนได้" เฟอร์กี้ กล่าวย้อนไปในการทำทีมของเขา 

เฟอร์กี้ อธิบายเพิ่มเติมว่าฟุตบอลยุโรปนั้นมีความล้ำหน้าไปอีกหนึ่งก้าวเชิงแท็คติก ซึ่งในตอนนั้นเขาอธิบายว่า ฟุตบอลของเขาคือการเล่นแบบขอให้ชนะไว้ก่อน จะเสียประตูก็ไม่เป็นไร แตกต่างกับทีมอื่น ๆ ในยุโรปในช่วงยุคนั้น ที่เล่นอย่างใจเย็น มีสมาธิ รักษาสกอร์เอาไว้ ไม่เปิดหน้าแลกตลอดเกมเหมือนที่ทีมจากอังกฤษเป็น นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการเดินทาง การสเกาท์คู่แข่ง และอะไรอีกหลายอย่างมากมายที่ทำให้เกมยุโรป เป็นของแสลงของ แมนฯ ยูไนเต็ด ทีมที่ดีที่สุดในอังกฤษยุค 1990s และ 2000s ซึ่งแน่นอนว่าขนาดทีมดีที่สุด ยังโดนหมัดน็อกตกรอบอยู่บ่อย ๆ ทีมอื่นจะเหลือหรือ ?  

สถิติยืนยันได้ว่านับตั้งแต่ปี 1990 ถึงปี 2010 ช่วงเวลาเต็ม ๆ ราว 20 ปี ทีมจากอังกฤษคว้าเเชมป์ยุโรปได้เพียงแค่ 3 ครั้งเท่านั้น (แมนฯ ยูไนเต็ด 2 ครั้ง, ลิเวอร์พูล 1 ครั้ง) ... ซึ่งช่วงหลังจากนั้นก็เป็นอะไรที่แตกต่างออกไป พัฒนาการมาพร้อมกับเงินทุนที่มากขึ้น ฟุตบอลอังกฤษตีตลาดโลกเต็มตัว กลายเป็นลีกที่มีความนิยมมากที่สุดในโลก จากนั้นการจ้างโค้ชดี ๆ นักเตะเก่ง ๆ ก็เข้ามาแก้ไขเรื่องดังกล่าวได้  

 

มนต์ขลัง UCL 

หลังเข้าสู่ยุค 2010s เป็นต้นมา ทีมจากอังกฤษยกระดับตัวเองขึ้นมามากตามปัจจัยที่กล่าวมาในข้างต้น พวกเขาพาเหรดเข้าไปเล่นในรอบลึก ๆ กันได้มากกว่าเดิม มีทีมหน้าใหม่อย่าง เชลซี, อาร์เซน่อล, สเปอร์ส และ แมนฯ ซิตี้ สอดแทรกเข้ามาเล่นในรอบลึก ๆ ได้มากขึ้น แต่ที่สุดแล้ว หากมองถึงการเป็นแชมป์ นับตั้งแต่เข้ายุคโมเดิร์นฟุตบอล (ยุค 2010s) จนถึงตอนนี้ ก็ผ่านมาแล้ว 10 กว่าฤดูกาล แต่ทีมจากอังกฤษ ก็ยังได้เเชมป์แค่ 4 หน เท่านั้น แชมป์ส่วนใหญ่ตกเป็นของทีมจากสเปน (7 ครั้ง) ทั้ง ๆ ที่มูลค่าลีก และมูลค่าทีมแต่ละทีม ห่างทีมลีกอื่น ๆ แต่ทำไมการเป็นแชมป์ยุโรป จึงยากเย็นนัก ?

ประการเเรก สิ่งที่โค้ชทุกคนบอกตรงกัน ไม่ว่าจะเป็นพรีเมียร์ลีก หรือลีกไหน ๆ ก็บอกว่า การเล่นในระดับยุโรปคือการเเข่งขันที่เข้มข้น เต็มไปด้วยทีมระดับคุณภาพจากทั่วทุกทวีป ยิ่งในฟุตบอลยุคใหม่ ยิ่งมีคุณสมบัติเพิ่มขึ้นมากมายหากคุณจะสามารถเป็นแชมป์ในรายการนี้ได้ 

อย่างแรกเลยคือ "ขนาดทีม" ฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ถูกออกแบบมาให้แข่งขันกันในช่วงกลางสัปดาห์ ดังนั้นเหล่าทีมชั้นนำไม่ว่าจะจากพรีเมียร์ลีก และลีกอื่น ๆ จะต้องจัดสรรขุมกำลังเป็นอย่างดี เพราะส่วนใหญ่มักจะตั้งความหวังไว้ที่การเป็นแชมป์ลีกไว้อันดับ 1 จากนั้นพวกเขาจึงค่อยมองมาที่ถ้วย บิ๊ก เอียร์ 

คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือของ เรอัล มาดริด ที่พาทีมราชันชุดขาวคว้าถ้วยหูใหญ่ถึง 2 สมัย ในปี 2014 และ 2022 อธิบายถึงการตั้งเป้าหมายสำหรับทีมของเขาว่า "เราต้องตั้งเป้าด้วยการเป็นแชมป์ฟุตบอลลีกให้ได้ ส่วนในฟุตบอลยุโรป มันเป็นรายการที่ยากจะคาดเดา" แม้กระทั่งกุนซือที่คว้าแชมป์นี้มานับไม่ถ้วนก็ยังยอมรับว่า แชมเปี้ยนส์ลีก ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้ 

อธิบายเพิ่มเติมคือ ฟุตบอลรายการนี้มีรายละเอียดซ่อนอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการสเกาท์คู่แข่งที่ทำได้ยากกว่าการเล่นในลีกที่เจอกันบ่อย ๆ เจอกันแต่ทีมเดิม ๆ ไหนจะมีเรื่องการเดินทางในเกมเยือน ที่บางนัดแต่ละทีมต้องเดินทางกันเป็นวัน ดังนั้นเรื่องการจัดสรรกำลังพล การสเกาท์คู่ต่อสู้  และการวางแผนเชิงกลยุทธ์ ทำได้ยากยิ่ง เมื่อมาถึงตรงนี้คุณจะเห็นหนึ่งสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ในรายการนี้นั่นก็คือเรื่องของ "ประสบการณ์" 

ว่ากันว่าประสบการณ์ของนักเตะในแชมเปี้ยนส์ลีกสำคัญเป็นอย่างมาก ตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุดคือ เรอัล มาดริด เเชมป์ยุโรป 14 สมัย และถูกขนานนามว่า "ราชายุโรป" หรือมี "เกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นเกมเหย้า" 

ในแต่ละซีซั่น พวกเขาอาจจะไม่ใช่ทีมที่ดีที่สุดในทวีป ในรอบแบ่งกลุ่มอาจจะเหนื่อยหน่อย เวลาเจอกับทีมเล็ก ๆ พวกเขาอาจจะไม่ถึงขั้นไล่ถล่มได้สบาย ๆ ชนิดยิงประตูจนเป็นข่าวหน้าหนึ่ง แต่กลับกัน เมื่อมาถึงเกมที่ใหญ่ที่ต้องตัดสินผลแพ้ชนะภายใต้ความกดดันถึงขีดสุด หรือเกมระดับรอบชิงชนะเลิศ พวกเขากลับเล่นเหมือนกับเป็นของง่าย และแทบจะจบด้วยการเป็นผู้ชนะแทบทุกครั้งไป 

เรื่องนี้มันเป็นเหมือน DNA ที่ส่งกันรุ่นต่อรุ่นและยากจะอธิบาย ดานี่ เซบายอส นักเตะของ มาดริด เล่าให้ฟังว่าในตอนที่เขาเล่นนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ครั้งแรก ก่อนเกมเขาหัวใจเต้นเเรงมาก เข้าห้องน้ำบ่อยกว่าปกติ และมีความกังวลอย่างเห็นได้ชัด แต่เมื่อเขาเห็นเพื่อนร่วมทีมที่มีประสบการณ์ช่ำชองในรายการนี้อย่าง ลูก้า โมดริช, โทนี่ โครส, คาริม เบนเซม่า, ธิโบต์  กูร์กตัวส์ และคนอื่น ๆ เขาก็สงบลง 

"ผมแทบหลับตาไม่ได้ คิดจะนอนกลางวันสักงีบก็หลับตาไม่ลง จนกระทั่งผมออกมาเห็นเพื่อนร่วมทีม และพบว่าพวกเขากำลังนั่งเล่นไพ่กัน ทำราวกับว่านี่เป็นแค่อีกเกม ๆ หนึ่ง ถึงตอนนั้นผมเอะใจและบอกกับตัวเองว่า ไม่ต้องกังวลมากจนเกินไปหรอก นี่คือความมั่นใจของนักเตะในทีม ๆ นี้ และมันเหมือนโรคติดต่อที่ส่งไปถึงผู้เล่นทุกคนในห้องแต่งตัว" เซบายอส กล่าว

ขณะที่ คาร์โล อันเชล็อตติ ที่ผ่านการเข้าชิงมาหลายครั้งทั้งตอนเป็นนักเตะและโค้ชก็พูดเหมือนกับ ที่ เรอัล มาดริด การคว้าแชมป์ยุโรป ง่ายกว่าที่อื่น เขาอธิบายเรื่องนี้ "ความกังวลของผมหมดไปเมื่อเห็นหน้านักเตะพวกนี้ มันง่ายกว่าที่จะคว้าเเชมป์ยุโรปกับทีมอย่าง เรอัล มาดริด" 

ประสบการณ์ หรือ DNA เป็นเรื่องอธิบายยาก แต่ที่แน่ ๆ ถ้าคุณได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับ เรอัล มาดริด คุณก็คงเห็นภาพที่ เซบายอส หรือ อันเชล็อตติ สื่อ คุณมีกลุ่มนักเตะที่ลงเล่นรายการนี้มาเป็น 100 นัด ผ่านนัดชิงชนะเลิศมาแล้ว 4-5 ครั้ง บางคนก็มากกว่านั้น มันย่อมดีกว่าการรวมพลของกลุ่มนักเตะที่ขาดประสบการณ์ในรายการนี้อยู่แล้ว 

 

เวทีของมืออาชีพ 

สด ๆ ร้อน ๆ กับ อาร์เซน่อล ที่บุกมาแพ้ เอฟซี ปอร์โต้ แบบเหลือเชื่อ ถ้าดูจากฟอร์มในลีก เราจะได้เห็นภาพที่ชัดขึ้น พวกเขาอยู่ในเกมลีกที่ต้องจัดเต็มทุกนัดเพื่อลุ้นเเชมป์ ในขณะที่เดียวกันพวกเขาก็ต้องจัดทีมแบบเน้น ๆ ไม่แพ้เกมลีกใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกรอบน็อกเอาต์กับ ปอร์โต้ 

ปัญหาอย่างแรกทีเห็นคือเรื่องของขนาดทีมตามที่กล่าวไป การเล่น 2-3 เกมต่อสัปดาห์ทำให้พวกเขาอ่อนล้า และส่งผลต่อฟอร์มการเล่นชัดเจน อาร์เซน่อล พวกเขาครองบอลในแบบที่ตัวเองเป็น พยายามดุดันในแบบที่ทำในลีก แต่ความฟิตส่งผลชัดเกินไป พวกเขายิงไม่เข้ากรอบเลยสักลูก นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักกับปืนใหญ่ชุดนี้ 

และแน่นอนในรอบน็อกเอาต์แบบนี้ จริง ๆ แล้วการเสมอเวลาเป็นทีมเยือนไม่ได้ส่งผลเสียหายมากเท่าไหร่ เพราะพวกเขายังมีเกมในบ้านให้เก็บ ถ้ากลับไปด้วยสถานการณ์เท่า ๆ กัน เกมเลกที่ 2 จะง่ายกว่ามาก 

แต่จนแล้วจนรอด อาร์เซน่อล ก็ไม่ได้แม้แต่ผลเสมอ การแพ้ 0-1 ทำให้เกมเลกที่ 2 ยากขึ้นเยอะ จริงอยู่ที่พวกเขายังคงเป็นต่อ แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ และฟุตบอลยุโรปก็คาดเดาไม่ได้แบบที่กุนซือชั้นนำหลายคนบอก ... อาร์เซน่อล เสียหายกับการรักษาสกอร์ 0-0 เอาไว้ไม่ได้อย่างมาก 

เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เกิดกับ อาร์เซน่อล ทีมเดียวเท่านั้น กับ แมนฯ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ว่ากันว่าเป็นทีมที่ดีที่สุดในอังกฤษมาตลอดช่วง 5 ปีหลังสุด มีขุมกำลังใหญ่โตก็เหมือนกัน

กว่าที่เป๊ป จะได้เเชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก ครั้งแรกกับ แมนฯ ซิตี้ เขาก็ต้องรอถึงปี 2023 หรือ 7 ปีตั้งแต่เข้ามาคุมทีมเมื่อปี 2016 เหตุผลหลัก ๆ เพราะว่าเขาใช้แรงขับเคี่ยวในฟุตบอลลีกเยอะมาก อีกทั้ง แมนฯ ซิตี้ ยังมีฟุตบอลถ้วยในประเทศอีก 2 รายการ ที่พวกเขาไม่เคยเล่นแบบหลุดคอนเซ็ปต์ของตัวเอง ดังนั้นต่อให้ขุมกำลังที่ใครต่อใครก็อิจฉาอย่าง ซิตี้ ก็ยังไม่สามารถคว้าเเชมป์ยุโรปได้ง่าย มีการอกหักแบบเหลือเชื่อให้เห็นบ่อยครั้ง แพ้ทีมอย่าง ลียง, โดน เรอัล มาดริด พลิกชนะในช่วงไม่กี่นาทีทั้ง ๆ ที่ทำได้ดีกว่าตลอด เรื่องแบบที่ไม่มีทีมในลีกทำกับพวกเขาได้บ่อย ๆ ... เราจะได้เห็นทีมอย่าง แมนฯ ซิตี้ เจอเกมตึง ๆ ก็ในแชมเปี้ยนส์ลีกรอบน็อกเอาต์แบบแพ้คัดออกนี่แหละ 

แม้กระทั่งในนัดชิงชนะเลิศ ฤดูกาล 2022/23 ที่พวกเขาชนะ อินเตอร์ มิลาน ซึ่งใครต่อใครก็มองว่า แมนฯ ซิตี้ เป็นต่อทุกด้าน แต่พวกเขาก็เฉือนชนะเพียงประตูเดียว พร้อมด้วยคำสารภาพของ เควิน เดอ บรอยน์ หลังเกมว่า "ผมและทีมเล่นได้ไม่ดีตามมาตรฐาน" ซึ่งมันชัดเจนว่าเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีก โดยเฉพาะในรอบน็อกเอาต์ที่เจอกับทีมคุณภาพสูนั้นมันยากขนาดไหน 

หากให้เปรีบเทียบแบบเห็นภาพที่สุดคือ การเล่นในเกมลีกเป็นสถานการณ์ที่แต่ละทีมคุ้นเคย และเจอประสบการณ์มาแล้วทุกรูปแบบ บ่อยครั้งคุณเล่นกับทีมที่ตั้งใจมาตั้งรับเพื่อหวังแค่ไม่โดนยิงประตูเอาไว้ก่อน อีกทั้งรูปแแบบการเเข่งขันของเกมลีก เป็นการแข่งขันแบบเกมยาว ต่อให้คุณพลาดเกมนี้ ไม่ได้แปลว่าฟ้าถล่ม คุณยังสามารถกลับมาเก็บแต้มในเกมต่อไปได้ และมีโอกาสได้ตัดแต้มกับเหล่าคู่แข่งโดยตรง 

ฟุตบอลลีกเหมือนกับการสอบในชั้นเรียนแบบเก็บคะแนนที่คุณรู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง ต้องทำกี่คะแนนเผื่อผ่านคะแนนรวม

อย่างไรก็ตาม แชมเปี้ยนส์ลีกคือการสอบปลายภาค เป็นการสอบแบบชี้เป็นชี้ตาย คุณสอบตกไม่ได้เด็ดขาด ดังนั้นความดดันจึงสูงขึ้นมากหลายเท่า ไม่มีที่ว่างให้กับข้อผิดพลาดใด ๆ ถ้าคุณใจไม่นิ่งพอ ไม่ได้เตรียมตัวมามากพอ ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียว สามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ 

ยิ่งถ้าคุณไม่เคยเป็นแชมป์มาก่อน ว่ากันว่านี่คือรายการที่ยากที่สุดสำหรับครั้งแรก … คุณเห็นด้วยหรือไม่ ? 

 

แหล่งอ้างอิง :

https://www.uefa.com/uefachampionsleague/news/0239-0e972fe47268-0a58cd1bc251-1000--sir-alex-on-modern-football-and-the-all-time-classics/
https://www.uefa.com/uefachampionsleague/news/025a-0ea665103f23-7a8ebb119c37-1000--the-win-that-started-it-all-for-manchester-united/
https://www.marca.com/en/football/champions-league/2022/10/12/6346e870e2704e0c578b458f.html
https://www.espn.com/soccer/story/_/id/37629037/destiny-magic-miracle-real-madrid-won-champions-league-hard-way
https://the-elastico.com/which-is-harder-champions-league-or-premier-league/

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ