ในช่วงที่ เมสัน เมาท์ ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นเชลซีชุดใหญ่ ดาวเตะอิงลิชชนผู้นี้ค่อย ๆ ยกระดับฟอร์มการเล่นของตัวเองจนกลายเป็นนักเตะเบอร์ต้น ๆ ของพรีเมียร์ลีก ได้ติดทีมชาติชุดใหญ่ รวมถึงกวาดแชมป์สโมสรระดับทวีปอย่างยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มาครองได้
แต่ “เส้นทางลูกหนังย่อมมีขึ้นมีลง” คำกล่าวนี้เกิดขึ้นได้กับนักฟุตบอลทุกคน รวมถึงจอมทัพหมายเลข 19 แห่งสแตมฟอร์ด บริดจ์ รายนี้ จากสถานการณ์ในฤดูกาล 2022/23 เขามีผลงานที่ดร็อปลงไป และส่งผลกระทบต่อเรื่องสัญญาในอนาคต
จนเกิดเป็นเครื่องหมายคำถามว่าเมาท์จะบรรลุข้อตกลงเรื่อง “สัญญาใหม่” กับสโมสรเมื่อไร หรือมันใกล้ถึงถึงเวลาแล้วที่ตลาดนักเตะรอบต่อ ๆ ไปชื่อของเขาจะกลายเป็นนักเตะของสโมสรอื่น
เกิดอะไรขึ้นกับ เมสัน เมาท์ จากดาวเด่นระดับแถวหน้าที่เคยถูกยกย่องว่ามีโอกาสเดินตามรอยตำนานอย่าง แฟรงค์ แลมพาร์ด แต่มาวันนี้ชื่อของเขากลับปรากฏเป็นข่าวเรื่องความไม่แน่นอนในอนาคตค้าแข้งกับสิงห์บลูส์
ติดตามเรื่องราวนี้ไปพร้อม ๆ กันกับ Main Stand
เมดอินค็อบแฮม
สมัยที่ เมสัน เมาท์ ลงเล่นให้ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ในเวที เดอะ แชมเปี้ยนชิพ 2018/19 เขาเป็นกำลังสำคัญภายใต้การคุมทีมของ แฟรงค์ แลมพาร์ด ด้วยผลงาน 11 ประตูกับอีก 6 แอสซิสต์ รวมทุกรายการ และเกือบจะพาทัพ “แกะเขาเหล็ก” เลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกได้ แต่ดันไปพ่ายต่อ แอสตัน วิลล่า ในเกมเพลย์ออฟนัดชิงฯ 2-1 เสียก่อน
อย่งไรก็ดี นั่นถือเป็นเครื่องการันตีถึงความสุดยอดของเด็กสร้างจากศูนย์ฝึกอคาเดมีค็อบแฮมของเชลซีได้ในระดับหนึ่งแล้ว และถึงเวลาที่เมาท์ในวัย 20 ต้น ๆ จะก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในนักเตะสิงห์บลูส์ชุดใหญ่ ในฤดูกาล 2019/20 ซึ่งคาบเกี่ยวกับช่วงเวลาที่สโมสรเผชิญโทษแบนห้ามซื้อนักเตะพอดิบพอดี
อีกทั้งเขายังได้รับการขยายสัญญาระยะยาวเพิ่มเติมอีก 5 ปีด้วยกัน
และการได้ร่วมงานกันอีกครั้งกับแลมพาร์ดก็เหมือนกับการ “มองตาก็รู้ใจ” แลมพาร์ดรู้จักคู่มือการใช้งานดาวโรจน์ผู้นี้ไม่น้อยไปกว่าใคร และเมาท์ก็ตอบแทนความไว้วางใจได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ
“รู้สึกเหลือเชื่อไปหมดเลย ผมอยู่กับสโมสรมานานมาก ในที่สุดก็ได้ขึ้นมาอยู่กับทีมชุดใหญ่แล้ว นี่คือสิ่งที่ผมต้องการมาเสมอ และตอนนี้มีแฟน ๆ ที่สวมเสื้อพร้อมติดชื่อของผมที่ด้านหลังด้วย!” เมาท์ เปิดใจหลังลงเล่นต่อหน้าแฟน ๆ ในสแตมฟอร์ด บริดจ์ เป็นครั้งแรก
53 คือตัวเลขการลงสนามรวมทุกรายการของเมาท์ในฤดูกาลแรกร่วมกับสโมสรที่เขาเคยลงซ้อมมาตั้งแต่อายุได้ 6 ขวบ ดาวเตะเบอร์ 19 ทำสถิติกลายเป็นนักเตะเยาวชนคนแรกของสโมสรที่ได้ลงประเดิมสนามในทีมชุดใหญ่และลงเล่น 50 นัดในฤดูกาลเดียวกัน
ความร้อนแรงของของเมาท์ยังทวีความระอุอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสองฤดูกาลต่อจากที่ได้เดบิวต์ เริ่มจากฤดูกาล 2020/21 ที่แม้เชลซีจะมีการเปลี่ยนแปลงตัวกุนซือจาก แฟรงค์ แลมพาร์ด มาเป็น โธมัส ทูเคิ่ล ทว่าเมาท์ยังคงเป็นแกนหลักของสโมสรเรื่อยมา
แถมในเกมส่งท้ายการเป็นเฮดโค้ชสิงโตน้ำเงินครามของ “ซูเปอร์ แฟรงค์” มรดกสุดท้ายที่เขาทิ้งไว้ให้กับทีมรวมถึงเมาท์คือการมอบปลอกแขนกัปตันให้ ในศึกเอฟเอ คัพ รอบ 4 ที่ เชลซี ชนะ ลูตัน ทาวน์ 3-1
ฟอร์มการเล่นของเมาท์สานต่อความโดดเด่นมายังยุคที่เชลซีมีทูเคิ่ลเป็นกุนซือด้วยเช่นกัน ซูเปอร์สตาร์ทีมชาติอังกฤษรายนี้ปรับตัวเข้ากับบทบาทใหม่ภายใต้แผนการเล่น 3-4-2-1 ของกุนซือชาวเยอรมันได้อย่างไม่เคอะเขิน ด้วยจุดเด่นเรื่องการเพรสซิ่งที่ชาญฉลาด แถมยังเล่นบ็อกซ์ทูบ็อกซ์ได้ดี วิ่งเยอะ มีความขยัน แถมยังมีส่วนกับประตูของทีมในช่วงเวลาสำคัญ ๆ อยู่เสมอ
และถ้าให้เอ่ยถึงผลงานชิ้นโบว์แดงของสโมสรในขวบปีดังกล่าว ต้องยกให้ศึกแชมป์เปี้ยนส์ลีก ที่เชลซีก้าวขึ้นมาชูโทรฟี่เจ้าสโมสรยุโรปใบนี้ได้เป็นสมัยที่สองในประวัติศาสตร์
โมเมนต์น่าจดจำของเมาท์คงหนีไม่พ้นประตูตอกฝาโลงใส่ เรอัล มาดริด ในรอบรองชนะเลิศ นัดสอง ไปจนถึงช็อตแอสซิสต์อันลือลั่นให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ ซัลโวในเกมนัดชิงชนะเลิศ คว้าชัยเหนือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-0
เมสัน เมาท์ ปิดฉากผลงานส่วนตัวในฤดูกาล 2020/21 ด้วยผลงาน 9 ประตูกับอีก 9 แอสซิสต์ ดีพอสำหรับการได้รับโหวตจากแฟนบอลให้คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของสโมสรประจำฤดูกาล กลายเป็นแข้งจากอคาเดมีคนแรกที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ ต่อจากที่ จอห์น เทอร์รี่ เคยทำได้เมื่อปี 2006
มากไปกว่านั้น เมาท์ยังได้รางวัลดังกล่าวอีกครั้งในฤดูกาลต่อมา (2021/22) ซึ่งทั้งหมดนี้มาจากประสบการณ์ลูกหนังที่ถูกบ่มเพาะมาโดยตลอด ภายใต้การกุมบังเหียนของ โธมัส ทูเคิ่ล ส่งให้เขากลายเป็นนักเตะสารพัดประโยชน์ที่เล่นเกมรุกก็ได้ เล่นเป็นตัวประสานแดนกลางก็ดี
เมาท์คว้าดาวซัลโวสูงสุดอันดับสามของสโมสร (13 ประตู) และเป็นเจ้าของแอสซิสต์สูงสุดที่ 18 ครั้ง ตลอดการลงเล่นรวมทุกรายการ 53 เกม แปรเปลี่ยนเป็นแชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ รวมถึงฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ มาครองร่วมกับทีม
‘ผมไม่เคยตั้งเป้าว่าจะคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี ผมตั้งเป้าหมายให้ตัวผมเองทำประตูได้ ทำแอสซิสต์ได้ และได้ลงสนามช่วยทีม ถ้าผมก้าวไปถึงเป้าหมายเหล่านี้ได้ผมจะรู้ว่าระดับการเล่นของผมสูงขึ้นและอยู่ในช่วงที่ตัวเองทำผลงานได้ดี นั่นเป็นสิ่งที่ผมคิด’ เมาท์ ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อทางการของสโมสร
“อนาคต” ที่ยังคุยกันไม่ลงตัว
อย่างที่ทุกคนทราบกันดี เชลซีเผชิญสถานการณ์ยุ่งเหยิงอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยง จากเหตุการณ์กองทัพรัสเซียเข้ารุกรานประเทศยูเครน จนเป็นเหตุให้สโมสรเปลี่ยนมือเจ้าของจาก โรมัน อบราโมวิช มาเป็นกลุ่มทุนจากสหรัฐอเมริกา นำทีมบริหารโดย ท็อดด์ โบห์ลี่
จากนั้นทีมก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงแนวทางการทำทีมหลายอย่าง กลายเป็นการบริหารทีมแบบ “อเมริกันสไตล์” ทั้งยังมีการเปลี่ยนเก้าอี้กุนซือจาก โธมัส ทูเคิ่ล มาเป็น แกรห์ม พอตเตอร์ อีกด้วย
สำหรับ เมสัน เมาท์ สถานการณ์ที่สำคัญและเกี่ยวข้องกับตัวเขาที่สุดในช่วงเวลาดังกล่าวคือเรื่อง “สัญญา” ที่มีกับสโมสร
สัญญาฉบับปัจจุบันของมิดฟิลด์สัญชาติบริติชที่มีกับเชลซีเกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยที่เขาถูกดันขึ้นทีมชุดใหญ่อย่างเป็นทางการในปี 2019 ในระยะเวลา 5 ปี โดยขณะนี้เหลืออยู่อีกราว ๆ 18 เดือนหรือปีครึ่ง นั่นหมายความว่าสัญญาของเขาจะหมดลงในซัมเมอร์ปี 2024
ว่ากันว่าค่าเหนื่อยร่วมกับสัญญาฉบับปัจจุบันนั้น เมาท์ได้รับอยู่ที่ประมาณ 75,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ เรียกได้ว่าเป็นตัวเลขที่ไม่ได้สูงเทียบเท่ากับกลุ่มนักเตะที่ทีมเซ็นมาร่วมทีมในช่วงหลังมานี้
ขณะที่อีกหนึ่งแข้งที่เคยเผชิญสถานการณ์เดียวกันอย่าง รีซ เจมส์ ปัจจุบันจรดปากกาเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับทีมไปแล้วตั้งแต่เดือนกันยายน 2022 ด้วยอายุสัญญา 6 ปี แถมยังขยับค่าเหนื่อยจาก 58,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์มาเป็นตัวเลขรวมที่ 250,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ และกลายเป็นกองหลังที่ได้รับค่าตอบแทนสูงสุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรด้วย
ข้อตกลงระหว่างเจมส์กับสโมสรนั้นเสร็จสิ้นไปแล้ว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผลงานของฟูลแบ็กทีมชาติอังกฤษยังคงมาตรฐานเดิมจากฤดูกาลก่อน ๆ อย่างสถิติจากจุดเด่นเรื่องการจ่ายบอลของเขาที่นับเฉพาะในพรีเมียร์ลีก ก่อนเข้าเดือนมีนาคม 2023 เจมส์มีอัตราการผ่านบอลสำเร็จสูงถึงร้อยละ 91
ปัญหาเดียวที่เข้ามารบกวนช่วงเวลาในสนามเห็นจะมีแค่อาการบาดเจ็บเท่านั้น แถมข้อตกลงเรื่องอายุสัญญาที่สโมสรตั้งไว้ ทั้งสองฝ่ายก็มองในมุมเดียวกัน
มองกลับมาที่เพื่อนร่วมอคาเดมีค็อบแฮมและทีมชาติอังกฤษอย่าง เมสัน เมาท์ กันอีกครั้ง สื่อหลากสำนักต่างก็เสนอข่าวในทำนองเดียวกันว่าทั้งสิงห์บลูส์รวมถึงฝั่งของตัวนักเตะเองเจรจาถึงเรื่องสัญญาใหม่กันมาตั้งแต่มิถุนายน 2022 เคยมีข่าวการเจรจาเริ่มมีทิศทางที่ดีในเดือนพฤศจิกายน 2022 แต่ก็ชะงักกันไปก่อน เพราะนักเตะต้องไปโฟกัสกับฟุตบอลโลก
จากนั้นก็ยังหาข้อสรุปกันไม่ได้เสียที นำมาซึ่งความคาราคาซังมาจนถึงวันนี้
“ข้อเสนอเรื่องสัญญาหลายฉบับถูก เมสัน เมาท์ ปฏิเสธไปในช่วงซัมเมอร์ปี 2022 จากนั้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เชลซีมีความชัดเจนในเรื่องนี้อีกครั้ง เรื่องสัญญาใหม่จะชัดเจนขึ้นอีกครั้งในช่วงซัมเมอร์ หากไม่ชัดเจนอีก เขาก็อาจถูกขาย” เดวิด ออร์นสตีน นักข่าวสายฟุตบอลชื่อดัง เผย
สองเหตุผลสอดรับ
มีเหตุผลใหญ่ ๆ อยู่สองประการที่ทำให้การตกลงกันระหว่างสโมสรกับเมาท์ยังหาข้อสรุปไม่ได้
ประการแรก ด้วยแนวทางการบริหารทีมสไตล์เจ้าของใหม่ที่เน้นเรื่องสัญญาระยะยาว 6-8 ปี รวมไปถึงโบนัสที่มีรายละเอียดต่าง ๆ ตามแต่ละข้อตกลงระหว่างกัน มากกว่าการมอบสัญญาระยะสั้นหรือปูค่าเหนื่อยเป็นเงินก้อนทีเดียวไปเลยเหมือนยุคก่อน
นั่นก็เพื่อคุมเรื่องเพดานค่าเหนื่อยนักเตะไม่ให้สูงจนเกินไปตามกฎระเบียบต่าง ๆ เช่น กฎไฟแนนเชียล แฟร์เพลย์ (FFP) เป็นต้น
นอกจากนี้ยังถือเป็นความ “ระแวดระวัง” เรื่องการทุ่มค่าเหนื่อยแสนแพงให้กับผู้เล่น ซึ่งบางคนที่ได้ค่าเหนื่อยสูง ทว่าผลงานในสนามกลับสวนทางกัน หรือในทำนองฟอร์มการเล่นไม่ได้เด่นสมค่าเหนื่อยที่ได้รับ
เป็นเหตุให้หลายฝ่ายสามารถวิเคราะห์และคาดเดาไม่ยากเลยว่าทั้งเรื่องระยะเวลาของสัญญาใหม่ รวมไปถึงค่าเหนื่อย กอปรกับโบนัสยิบย่อย มันตรงกันข้ามกับความต้องการของ เมสัน เมาท์
รายงานจากสื่อบางสำนักบอกว่าเมาท์ไม่เต็มใจที่จะลงนามในข้อตกลงที่ยืดเยื้อเกินห้าปี และการเรียกร้องค่าเหนื่อยของเขาก็ดูจะไม่สมเหตุสมผลกับที่สโมสรตั้งเอาไว้
“ผมคงกังวลมากถ้าผมเป็นแฟนเชลซีหาก เมสัน เมาท์ จะไม่ได้เป็นนักเตะเชลซีในฤดูกาลหน้า ระยะเวลาของสัญญาเป็นเรื่องใหญ่ เจ้าของต้องการให้นักเตะต่อสัญญา 6, 7, 8 ปี เมาท์ไม่ต้องการได้สัญญายาวขนาดนั้น” ไซมอน จอห์นสัน นักข่าวสายเชลซี จาก The Athletic ลงความเห็น
เหตุผลอีกประการหนึ่งที่มีส่วนไม่มากก็น้อยต่อการตกลงเรื่องสัญญาใหม่เพื่อให้มีความลงตัว คือผลงานส่วนตัวของ เมสัน เมาท์ จากที่เคยพกดีกรีแข้งยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสรถึงสองสมัย
มาวันนี้ ฟอร์มการเล่นของเขากลับตกลงอย่างน่าใจหาย
ดูได้จากผลงานปัจจุบันของสโมสร เพราะอย่างที่แฟนฟุตบอลอังกฤษทราบกันดี ในช่วงหลังฟุตบอลโลก 2022 จบลง มาจนถึงเกมส่งท้ายเดือนกุมภาพันธ์ 2023 ทีมสิงห์บลูส์ทำสถิติชนะคู่แข่งรวมทุกรายการไปแค่ 2 เกมเท่านั้น อันดับตกลงไปอยู่กลางตารางมาพักใหญ่แล้ว โดยที่เมาท์ก็ไม่อาจโชว์ฟอร์มแบบเทพจุติช่วยทีมในช่วงคับขันนี้ได้เลย
สถิติ 3 ประตู กับอีก 6 แอสซิสต์ ในช่วงเวลาปัจจุบัน มันแปรเปลี่ยนเป็นค่าเฉลี่ยการมีส่วนร่วมกับประตูของทีมในทุก ๆ 3.44 เกม ตัวเลขนี้มัน “ต่าง” กับฤดูกาลก่อนที่เขาเคยมีค่าเฉลี่ยมีส่วนร่วมกับประตูในทุก ๆ 1.83 เกม
ฟอร์มการเล่นที่ดร็อปลงของดาวเตะวัย 24 ปี มันมีข้อสังเกตที่ชวนให้ขบคิดอยู่ไม่น้อยเช่นกัน อย่างเรื่องสัญญาใหม่ที่ยังไม่ลงตัวที่อาจส่งผลกระทบต่อสมาธิของเมาท์อย่างยากจะหลีกเลี่ยง
ที่สำคัญคือเรื่องของ “ไทม์มิ่ง (Timing)” ที่ไม่เป็นใจ เพราะเขาดันมาฟอร์มไม่ดีในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ การคุยสัญญาจึงไม่ได้ราบเรียบไปเสียทั้งหมด สโมสรเองก็ย่อมมีธงในใจว่า ถ้าอยากได้ข้อเสนอตามที่ต้องการก็ต้องเล่นให้คุ้มค่ากับตัวเลขที่ควรจะได้เสียก่อน
มากกว่านั้น ยังมีข้อสังเกตอื่นอีกที่ทำให้เมาท์ผลงานไม่เหมือนเดิม อย่างเรื่องตำแหน่งและสไตล์การเล่นที่ดีที่สุดของเขาร่วมกับทีม
สำหรับ เมสัน เมาท์ ที่เคยแจ้งเกิดในพรีเมียร์ลีกได้จากการเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกในยุคแฟรงค์ แลมพาร์ด เคยทำหน้าที่ได้ดีในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกทั้งฝั่ง “ซ้าย” และ “ขวา” ในยุคโธมัส ทูเคิ่ล ส่วนยุคของแกรห์ม ภายใต้ระบบการเล่นที่หลากหลายตามแต่แนวทางของกุนซือที่มีมาตั้งแต่ 4-3-3, 3-4-2-1 ไปจนถึงระบบปัจจุบัน 4-2-3-1 แน่นอนว่าพอเปลี่ยนรูปแบบ สไตล์การเล่นมันก็ต้องเปลี่ยนไปด้วย
จะเห็นว่าเมาท์ไม่มีตำแหน่งที่ตายตัว ข้อดีประการหนึ่งคือเชลซีมีนักเตะสารพัดประโยชน์ในแผงรุก แต่ก็เป็น “ดาบสองคม” อยู่เหมือนกัน เพราะมองอีกแง่ ไม่มีใครรู้ว่าตำแหน่งที่ดีที่สุดของเมาท์คือตำแหน่งไหนกันแน่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับภาพในฤดูกาล 2022/23 ก็ยิ่งชัดเจนว่ากองกลางลูกหม้อสโมสรรายนี้แทบจะเป็นตัวสำรองของทีมไปโดยสมบูรณ์แล้ว ตำแหน่งประจำที่เคยเล่นอย่างมิดฟิลด์ตัวรุกเบอร์ 10 ถูกทดแทนด้วย เจา เฟลิกซ์ ที่ลงเป็นตัวจริง
หรือหากจะให้เล่นริมเส้นซ้าย-ขวา เชลซีก็มีตัวรุกคู่แข่งทั้ง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง, ฮาคิม ซีเย็ค, มิไคโล่ มูดริค และ คริสเตียน พูลิซิช ไปจนถึง โนนี่ มาดูเอเก้ เป็นตำแหน่งถนัดอยู่แล้ว
ส่วนคู่มิดฟิลด์ก็ยิ่งยากลำบาก สัมปทานมีทั้ง เอ็นโซ แฟร์นานเดซ, มาเตโอ โควาซิช, รูเบน ลอฟตัส-ชีค, เดนิส ซาคาเรีย หรือแม้แต่ คอเนอร์ กัลลาเกอร์ และจอมเก๋าที่ใกล้จะกลับมาสมบูรณ์เต็มที่อย่าง เอ็นโกโล่ ก็องเต้
เมื่อทุกสิ่งอย่างมันดูสอดคล้องกันไปหมด นำมาซึ่งสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนักที่ เมสัน เมาท์ กำลังเผชิญ
ทำให้กระแสข่าวยังคงถาโถมขึ้นในทุก ๆ วัน ว่าความชัดเจนของ เมสัน เมาท์ จะเริ่มเด่นชัดขึ้นอีกครั้งในช่วงซัมเมอร์ 2023 เพราะเชลซีก็คงไม่อยากเสียดาวเตะผลผลิตอคาเดมีสโมสรไปแบบฟรี ๆ ในอนาคต ความสมน้ำสมเนื้อที่สุดในการขายก็คือตลาดนักเตะรอบต่อไป
แต่ก็อย่าเพิ่งตัดโอกาสต่อสัญญาด้วยเช่นกัน พอล วินสแตนลี่ย์ ในฐานะผู้อำนวยการแผนกจัดหาพรสวรรค์ระดับสากลและการซื้อขายของสโมสร เป็นหัวเรือใหญ่ในการเจรจาเรื่องอนาคตกับทางตัวแทนของเมาท์อยู่เรื่อย ๆ
อย่างไรก็แล้วแต่ สิ่งสำคัญที่ เมสัน เมาท์ จำเป็นต้องทำมากที่สุดในเวลานี้คือเค้นฟอร์มของตัวเองมาช่วยทีมกลับสู่ฟอร์มที่ดีอีกครั้ง เพราะหากเขาทำได้เมื่อไร ทุกอย่างก็จะดูง่ายขึ้นอย่างยากจะปฏิเสธ
แหล่งอ้างอิง
https://theathletic.com/4236782/2023/02/22/mount-chelsea-contract-form-potter/
https://theprideoflondon.com/2023/02/21/chelsea-sell-mason-mount/
https://www.theguardian.com/football/2023/feb/10/chelsea-fans-owners-mason-mount-west-ham-declan-rice
https://en.wikipedia.org/wiki/Mason_Mount
https://www.football.london/chelsea-fc/transfer-news/mason-mount-not-signed-new-26289078
https://www.chelseafc.com/en/news/article/mounts-summer-of-sport-and-targets
https://www.chelseafc.com/th/news/article/mason-mount-on-realising-his-childhood-dreams-and-working-to-imp