F1: The Movie ภาพยนตร์เกี่ยวกับการแข่งขันรถสูตรหนึ่ง ถือเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งในแง่รายได้และเสียงวิจารณ์ในปี 2025
อย่างไรก็ตาม โตโต้ โวล์ฟฟ์ หัวหน้าทีมและซีอีโอของทีม Mercedes ที่มีส่วนร่วมในการสร้างหนังเรื่องนี้ด้วย เปิดเผยหนึ่งในเรื่องราวเบื้องหลังว่า พลอตของภาพยนตร์เรื่องนี้เดิมทีไม่ใช่อย่างที่เห็น และกว่าที่จะมาเป็นแบบที่เห็นได้ เซอร์ ลูอิส แฮมิลตัน แชมป์โลก F1 7 สมัยชาวอังกฤษ แถมเป็นหนึ่งในโปรดิวเซอร์ของหนังเรื่องนี้ มีส่วนสำคัญไม่น้อย
"เดิมที ซอนนี่ เฮย์ส ตัวละครของ แบรด พิตต์ จะเป็นหนึ่งในคู่แข่งแย่งแชมป์โลกด้วยครับ แต่ลูอิสพูดว่า 'มันไม่ควรเป็นแบบนั้นนะ คุณแก่เกินกว่าที่จะเป็นนักแข่ง F1 แล้วด้วยซ้ำ' ซึ่งผมจะบอกว่า แบรดก็ไม่ปลื้มเท่าไหร่หรอก เพราะเขาคิดว่า ตัวละครนี้ควรอยู่ในช่วงร่างทองของการเป็นนักแข่ง F1 สิ"
"แต่ต้องยอมรับเลยว่า การดัดแปลงสู่การเป็นบทภาพยนตร์นั้นเยี่ยมมาก เพราะมันดูน่าเชื่อถือ และบทบาทของเขาก็น่าเชื่อถือเช่นกัน"
ความเห็นของแฮมิลตัน ทำให้พลอตเรื่องฉบับฉายจริง กลายเป็นการที่ ซอนนี่ เฮย์ส ได้รับโอกาสให้มาแข่ง F1 อีกครั้ง หลังเคยลงแข่งในยุค 1990 ก่อนเจออุบัติเหตุครั้งใหญ่ เพื่อมาขัดเกลา โจชัว เพียร์ซ ที่แสดงโดย เดมสัน อิดริส นักแข่งรุกกี้ให้ดีขึ้นในทุกด้านแทน
ไม่เพียงเท่านั้น ผู้บริหารชาวออสเตรียยังบอกด้วยว่า แม้แต่กระแสตอบรับภายในวงการ F1 เองต่อหนังเรื่องนี้ยังออกมาดีเช่นกัน
"ทั้งนักแข่ง F1 ทุกคนและเหล่าหัวหน้าทีม เราได้ดูรอบปฐมทัศน์ในช่วงการแข่งขันที่โมนาโก และเราชอบมันมาก ไม่มีอะไรที่ไม่น่าชอบเลย"
"มันเป็นความบันเทิงที่ดี และรายได้ที่ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างได้นั้นก็ยอดเยี่ยมมาก"
ตลอดการฉาย F1: The Movie ทำรายได้ทั่วโลกราว 629 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากทุนสร้างราว 200-300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และกำลังจะเข้าสตรีมมิ่งของ Apple TV วันที่ 12 ธันวาคม ที่จะถึงนี้