สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า กำลังทดสอบเทคโนโลยีใหม่ เพื่อช่วยตรวจสอบว่าลูกฟุตบอลออกนอกสนามก่อนเกิดประตูหรือไม่ รวมถึงยกระดับความแม่นยำและความรวดเร็วในการตัดสินจังหวะล้ำหน้า
เทคโนโลยีดังกล่าวภายใต้ชื่อ "Out of Bounds" ถูกนำมาทดสอบในการแข่งขัน ฟ่า อินเตอร์คอนติเนนตัล คัพ จำนวน 3 นัด ที่ประเทศกาตาร์ ที่เพิ่งผ่านพ้นไปเมื่อกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โดยใช้ระบบติดตามตำแหน่งลูกบอลและผู้เล่นแบบเดียวกับระบบล้ำหน้าแบบกึ่งอัตโนมัติขั้นสูง
นอกจากนี้ ฟีฟ่ายังได้ขยายการใช้งานระบบ "Real-time 3D Recreation" ซึ่งช่วยจำลองภาพเสมือนจริงแบบสามมิติ เพื่อให้ผู้ตัดสิน VAR และผู้ชมทางโทรทัศน์เห็นภาพการตัดสินล้ำหน้าได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยมีการสร้างมุมมองเสมือนจริงจากฝั่งผู้รักษาประตูของทั้งสองทีม
เทคโนโลยีดังกล่าวพัฒนาโดยฟีฟ่าร่วมกับ Hawk-Eye Innovations และยังอยู่ในขั้นตอนการทดสอบ โดยยังไม่มีการยืนยันว่าจะถูกนำไปใช้ในลีกภายในประเทศต่าง ๆ เมื่อใด
อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีนี้ถูกมองว่าอาจช่วยลดข้อโต้แย้งที่เกิดขึ้นบ่อยในพรีเมียร์ลีก โดยเฉพาะกรณีที่ VAR ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าบอลออกนอกสนามหรือไม่จากมุมกล้องที่มีอยู่ เช่น เหตุการณ์ที่อาร์เซนอลไม่พอใจการตัดสินในเกมพบกับนิวคาสเซิลเมื่อฤดูกาล 2023-24
ในศึกอินเตอร์คอนติเนนตัล คัพ รอบชิงชนะเลิศที่ผ่านมา ฟาเบียน รุยซ์ ของปารีส แซงต์ แชร์กแมง ถูก VAR ปฏิเสธประตู หลังระบบแสดงให้เห็นว่าลูกบอลออกนอกสนามก่อนหน้านั้น ซึ่งถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างการใช้งานจริงของเทคโนโลยีใหม่นี้
ฟีฟ่ายังทดลองระบบแจ้งเตือนล้ำหน้าด้วยเสียงแบบทันทีไปยังผู้ช่วยผู้ตัดสิน เพื่อลดการปล่อยให้เกมดำเนินต่อในจังหวะล้ำหน้าที่ชัดเจน โดยหวังว่าจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของนักเตะ จากเหตุการณ์ปะทะที่ไม่จำเป็น
ฟีฟ่าคาดหวังว่าเทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยให้การตัดสินมีความถูกต้อง โปร่งใส และปลอดภัยมากขึ้นในอนาคตของเกมฟุตบอล
เรื่อง : ชญานนท์ ลีเลิศไพศาล นักศึกษาฝึกงาน
