News

"ผมกรีดร้อง" โยอาน วิสซ่า เล่าย้อนเหตุการณ์โดนสาดน้ำกรดก่อนย้ายมา เบรนท์ฟอร์ด เมื่อปี 2021

ย้อนกลับไปในปี 2021 ได้มีเหตุการณ์สุดระทึกเกิดขึ้นกับ โยอาน วิสซ่า เมื่อมีหญิงสาวรายหนึ่งเดินทางไปที่บ้านของเขาในยามวิกาลก่อนจะสาดน้ำกรดใส่หน้า จนต้องนำตัว โยอาน วิสซ่า ส่งโรงพยาบาลโดยด่วน และอาจทำให้อดีตแข้งลอริยองต์ รายนี้ต้องตาบอดไปตลอดชีวิต

 


แต่โชคดีที่ โยอาน วิสซ่า สามารถรักษาตัวให้หายดีพร้อมย้ายมาอยู่กับ เบรนท์ฟอร์ด ในเดือนต่อมา ด้วยค่าตัว 8.5 ล้านปอนด์ อย่างไรก็ตามเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โยอาน วิสซ่า ได้ออกมาเล่าย้อนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ ศาลในเมืองแวนน์ แคว้นบริตตานี ประเทศฝรั่งเศส หลังสามารถนำตัวผู้ก่อเหตุที่ชื่อ ลาติต้า มาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้

ตามรายงานจาก The Sun โยอาน วิสซ่า เริ่มเล่าย้อนความว่า "ผมเปิดประตูออกไปแล้วก็มีของเหลวบางอย่างกระเซ็นเข้าหน้า ตอนนั้นผมกรีดร้องออกมาและรู้สึกหายใจไม่ออก ภรรยาของผมพยายามโทรเรียกรถพยาบาลฉุกเฉิน และบอกให้ผมไปล้างตาใต้ฝักบัว"

"และตอนที่มาถึงโรงพยาบาล คนที่ดูแลผมบอกว่าตาของผมไหม้ มีบาดแผล ต้องมีคนคอยมาช่วยล้างดวงตาให้ทุก ๆ หนึ่งชั่วโมง มันเป็นฝันร้ายสำหรับผมมาก ตั้งแต่นั้นมาผมก็ตื่นตระหนกทุกครั้งที่ได้ยินเสียงต่าง ๆ และสิ่งเดียวที่ทำให้ผมผ่านพ้นไปได้ก็คือการรู้ว่าลูก ๆ ของผมปลอดภัยดี"

"ผมผ่าตัดตาทั้งสองข้าง และหมอบอกว่าผมต้องใช้ยาหยอดตาไปตลอดชีวิต ผมใช้เวลากว่าหกเดือนถึงจะมองเห็นได้ชัดเจนอีกครั้ง หากไม่ได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว ผลที่ตามมาจะเลวร้ายกว่านี้มาก และในวันต่อ ๆ มามันก็เลวร้ายมากสำหรับผม เพราะผมรู้ดีว่าจะไม่มีวันรู้สึกเหมือนเดิมอีกต่อไป"

"ผมจำผู้หญิงที่ก่อเหตุได้ทันทีแม้ตอนนั้นเธอจะสวมแว่นกันแดดรวมถึงเป็นเวลาห้าทุ่มก็ตาม ผมต้องการความยุติธรรม ทำไมเรื่องนี้ถึงเกิดขึ้นกับผม ผมกับภรรยาจะต้องทนกับผลข้างเคียงนี้ไปตลอดชีวิต แถมเรื่องวุ่นวายนี้ยังทำให้การย้ายมาเล่นให้ เบรนท์ฟอร์ด ล่าช้าลงอย่างมาก ผมพลาดช่วงปรีซีซัน"

"เมื่อผมมาถึง เบรนท์ฟอร์ด โทมัส แฟรงค์ บอกว่าเขาได้จัดทีมชุดแรกเอาไว้แล้ว เขาเห็นใจและเข้าใจผมเรื่องการปรับตัว แต่ผมก็ได้รับบาดเจ็บอย่างรวดเร็วเพราะรู้สึกไม่ค่อยดี"

"หลังจากถูกทำร้ายผมก็รู้สึกว่าตัวเองสัญชาตญาณความเป็นพ่อมากกว่านักฟุตบอล และบอกกับตัวเองว่าอย่างน้อยลูกๆ ของผมก็ไม่ได้รับบาดเจ็บ แม้ว่าผมอาจจะต้องตาบอดก็ตาม"

"นับตั้งแต่นั้นผมก็เริ่มเก็บตัวมากขึ้น ผมอยู่ร่วมกับคนแปลกหน้าไม่ได้อีกต่อไป และในตอนนี้ผมก็ยังไม่สามารถแสดงความรักออกมาได้เหมือนเมื่อก่อน เมื่อผมเริ่มก้าวเดิน ผมจะระแวงด้านหลังโดยสัญชาตญาณ และตอนกลางคืนผมไม่สามารถนอนหลับได้หากอยู่คนเดียว"

"ลูก ๆ ของผมมักถามผมว่าใบหน้าไปโดนอะไรมา แต่พวกเขายังเล็กเกินไปที่จะบอกว่าเกิดอะไรขึ้น ผมและภรรยาต้องไปพบนักจิตวิทยา และปรากฏว่าเธอเป็นโรคซึมเศร้า เราแต่งงานกันไม่นานหลังจากเหตุการณ์นั้น เพราะคุณไม่มีทางรู้หรอกว่าโชคชะตาจะเล่นตลกอะไรกับคุณ"

ทั้งนี้ผู้ก่อเหตุยังถูกกล่าวหาเพิ่มเติมอีกว่า พยายามลักพาตัวลูกสาววัยทารกของ โยอัน วิสซ่า ซึ่งถ้าหากข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นความจริง คนร้ายอาจได้รับโทษมากถึง 30 ปี

 

Author

รณกฤต ตุลยะปรีชา

วัยรุ่นคู้บอน

Graphic

ปฐวี ยอดเนียม

Man u is No.2 But YOU is No.1