จอร์จี้ ฮาจี้ ถือว่าเป็นนักฟุตบอลที่โด่งดังที่สุดคนหนึ่งของโรมาเนีย ฮาจี้ เกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 1965 ในเมืองซาเซเล ประเทศโรมาเนีย โดยเริ่มอาชีพค้าแข้งกับฟารุล คอนสตันซา (Farul Constanța) ก่อนที่จะกลายมาเป็นนักเตะคนสำคัญให้กับทั้งสเตอัว บูคูเรชตี (Steaua București) และสโมสรใหญ่ๆ ในยุโรป เช่น เรอัล มาดริด, บาร์เซโลน่า และกาลาตาซาราย
ในนามทีมชาติ ฮาจี้เป็นส่วนสำคัญในยุคที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของโรมาเนีย เขามีบทบาทสำคัญในการพาโรมาเนียผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศของฟุตบอลโลกปี 1994 ฮาจี้ แสดงทักษะการเล่นที่ยอดเยี่ยมและทำประตูมหัศจจรย์หลายลูก ฮาจี้พาโรมาเนียเข้าร่วมฟุตบอลโลก 3 สมัย (1990, 1994, 1998) และฟุตบอลยูโร 3 สมัย (1984, 1996, 2000)
แม้จะแขวนสตั๊ดไปแล้ว แต่ฮาจี้ยังคงมีส่วนสำคัญในการผลักดันฟุตบอลของโรมาเนีย เนื่องจากนับตั้งแต่ที่ฮาจี้เลิกเล่นทีมชาติ โรมาเนีย ก็ไม่ผ่านรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกอีกเลย เขาจึงตัดสินใจทำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ และเริ่มก่อตั้ง Gheorghe Hagi Academy
[โรงเรียนโดยตำนาน เพื่อสร้างตำนาน]
ในปัจจุบันมีเด็กอายุระหว่าง 6-18 ปี กว่า 600 คนในอะคาเดมีของ ฮาจี้ เด็ก 11 คนในแต่ละกลุ่มอายุตั้งแต่ 13-18 ปี จะได้รับโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมพิเศษ พวกเขาจะได้รับที่พัก การศึกษา โภชนาการ การรักษาพยาบาล และอื่นๆ อีกมากมาย
“อะคาเดมีแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยมีเป้าหมายเพื่อให้เยาวชนมีโอกาสประสบความสำเร็จ” ฮาจี้กล่าวกับ Sky Sports “เราปูทางให้พวกเขาเดินตาม แต่ความทะเยอทะยานนั้นพวกเขาต้องสร้างขึ้นมาเอง ความปรารถนาที่จะเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในโลกย่อมสร้างความแตกต่างได้”
“โรมาเนียมีนักเตะที่มีพรสวรรค์มากมาย แต่ไม่มีใครที่เก่งแต่เกิด นักเตะที่ดีที่สุดล้วนมาจากพรแสวงและความทะเยอทะยาน ทุกคนต้องการโอกาส เพราะชีวิตเป็นเรื่องของโอกาส”
แนวคิดของฮาจี้นั้นล้วนมาจากอิทธิพลของ โยฮัน ครัฟฟ์ ตอนที่เคยทำงานด้วยกันที่ บาร์เซโลน่า เขาเชื่อว่าการเล่นฟุตบอลให้ง่ายนั้นมีประสิทธิภาพมากที่สุด ในตอนที่ยังเป็นนักเตะ ฮาจี้ มักจะถูกเรียกว่า “มาราโดน่าแห่งคาบสมุทรบอลข่าน” แต่ในฐานะผู้บริหาร ฮาจี้ นั้นเลือกที่จะเดินรอยตามแนวทางฟุตบอลของตำนานชาวดัทช์ และจากการเดินทางไปศึกษาจากอะคาเดมี่ชั้นนำ ฮาจี้ ก็ได้พัฒนาแนวทางฟุตบอลของตัวเอง
“คุณต้องรู้ว่าคุณต้องการนักเตะแบบไหน คุณกำลังมองหาอะไรในตัวนักเตะ เรามีโค้ชที่คอยแนะนำผู้เล่นหลายคน เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับสโมสรเยาวชนต่างๆ ในประเทศ เราทำทุกๆอย่างแบบเป็นขั้นเป็นตอน”
หลักการฝึกอบรมของอะคาเดมีชัดเจน มีระเบียบวิธีปฏิบัติ โดยยึดถือหลักการ 3ที (3Ts) คือ เวลา (time) เยาวชน (teenager) และ พรสวรรค์ (talent) จากการวางระบบที่เป็นแบบแผน ทำให้นักเตะที่จบการอะคาเดมีมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นและมีคุณภาพมากขึ้น
ยานิส ฮาจี้ ลูกชายของจอร์จี้ ฮาจี้ ก็เป็นหนึ่งในนักเตะที่จบจากอะคาเดมีแห่งนี้ รวมถึงนักเตะโรมาเนียที่มีรายชื่อไปแข่งยูโร 2024 หลายคนก็จบจากที่นี่เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น อเล็กซานดรู ชิคาลดาอู, ฟลอริเนล โกมัน หรือ เดนิส ดรากูช และ ราซวาน มาริน ที่พึ่งจะยิงคนละลูกพาโรมาเนียบุกถล่มยูเครนไปเมื่อวันจันทร์ที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา
“เราคืออะคาเดมีที่ดีที่สุดในประเทศ เราไม่ได้พูดเองนะ ทางสหพันธ์พูดเองเลย ซึ่งปีแล้วปีเล่าเราติดอันดับหนึ่งในอะคาเดมีชั้นนำ เราภูมิใจมาก นี่หมายความว่าเรากำลังมาถูกทางและทำให้เชื่อว่าอะไรๆ จะดีขึ้นเรื่อยๆ”
[ปูทางสู่อนาคต]
ตอนนี้มีผู้เล่นทั้งหมด 20 คนถูกเรียกติดทีมชุดใหญ่แล้ว นอกจากนี้ ในการแข่งขันฟุตบอลยูโร รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปีในปี 2019 มีนักเตะจากอะคาเดมี่ของฮาจี้ถึง 10 คน และนักเตะที่จบจากอะคาเดมีกว่า 60 คนก็กำลังโลดแล่นอยู่ในลีกสูงสุดของโรมาเนียอีกด้วย
นอกจากนี้ฮาจี้ยังเป็นผู้จัดการทีมของฟารูล กอนสตันซา ทีมในลีกสูงสุดของโรมาเนีย ทำให้นักเตะที่จบจากอะคาเดมีหลายคนมักจะลงเล่นให้สโมสรแห่งนี้หลังจากจบการศึกษา ซึ่งนักเตะเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญอย่างมากในการพาฟารูล กอนสตันซาคว้าแชมป์ลีกในปี 2023
“วัตถุประสงค์ของสโมสรแห่งนี้ คือการให้โอกาสแก่นักเตะจากอคาเดมี่ทุกๆปี และเพราะเด็กหนุ่มเหล่านี้ทำใหเราได้แชมป์ลลีกมาถึงสองครั้ง โดยเป็นแชมป์ที่อายุน้อยที่สุดในยุโรปอีกด้วย”
“คุณรู้สึกอย่างไรบ้างที่ผู้เล่นจากอะคาเดมี่ของคุณหลายคนได้มีส่วนร่วมในยูโร 2024” นักข่าวถาม
“ดีใจมาก ภาคภูมิใจสุดๆ อย่างที่ผมบอก นักเตะโรมาเนียมีพรสวรรค์แต่คุณต้องค้นหาพวกเขาให้เจอ ให้โอกาส พวกเขามีพื้นที่ในการพัฒนา เติบโตในสภาพแวดล้อมที่ดีเพื่อช่วยให้พวกเขาแสดงผลงานได้ดี” ฮาจี้ตอบ
“ขณะนี้เรามีสนาม 11 สนาม ซึ่งทั้งหมดมีไฟกลางคืน และเรายังคงสร้างสนามอื่นๆ ต่อไป จะมีโรงเรียนในพื้นที่ด้วย เรามีโรงแรมของเราเองภายในอะคาเดมี่ พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นทั้งหมดสำหรับพัฒนาการของพวกเขา”
“เยาวชนคือสมบัติของชาติ” เขากล่าว “พวกเขาคืออนาคต เราต้องช่วยผลักดันให้พวกเขาไปยังจุดสูงสุดเท่าที่ศักยภาพของพวกเขาจะไปได้”