
ในโลกโค้ชฟุตบอลยุคใหม่ มีเส้นทางหนึ่งที่ถูกมองว่ายอดเยี่ยมที่สุดในการเติบโตขึ้นมาเป็นตัวท็อปของวงการ คือการได้ทำงานใกล้ชิดกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยอดกุนซือผู้ปฏิวัติฟุตบอลสมัยใหม่ด้วยแนวคิด "คอนโทรลเกมผ่านบอล" จนกลายเป็นเทรนด์ฟุตบอลที่โค้ชแทบทุกคนบนโลกนี้อยากเดินรอยตาม
แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะถูกเลือกเข้าไปอยู่วงในของเป๊ป และที่ยากยิ่งกว่านั้น คือหลังเรียนรู้จากเป๊ป ก็มีน้อยคนที่จะเติบโตจนขึ้นมาเป็นโค้ชแถวหน้าในยุโรปได้จริง
สุดสัปดาห์นี้ เชลซี ของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า และ อาร์เซน่อล ของ มิเกล อาร์เตต้า อดีตมือขวาคนสนิทของเป๊ปทั้งคู่ กำลังจะดวลกันในพรีเมียร์ลีก และนี่ไม่ใช่แค่การเจอกันของสองสโมสรใหญ่ แต่คือการปะทะกันของสองโค้ชที่ผ่านสำนักเดียวกัน ก่อนเติบโตเป็นตัวเองอย่างเต็มวัย
นี่คือเรื่องราวเส้นทางที่ทั้งคู่เดินจาก "ศิษย์ของเป๊ป" ไปสู่การเป็น "กุนซือระดับแถวหน้า" ในปัจจุบัน
ทำไมเป๊ปจึงเลือกอาร์เตต้าและมาเรสก้า?
หนึ่งในนิสัยของเป๊ปคือ ... เขาเลือกทีมงานของตัวเองละเอียดพอ ๆ กับการเลือกนักเตะจอมทัพเข้ามาเป็นกำลังสำคัญใน 11 ตัวจริงของเขา และสาเหตุที่ มิเกล อาร์เตต้า กับ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ถูกเลือกนั้น มีทั้ง บุคลิก ความคิด และทักษะเฉพาะทาง ที่เป๊ปมองเห็นตั้งแต่แรก

สำหรับ มิเกล อาร์เตต้า ซึ่งเป็นมือขวาของ เป๊ป ที่ แมนฯ ซิตี้ ในปี 2016 ในตอนแรกด้วยความใหม่ถอดด้ามแบบเพิ่งแขวนสตั๊ดมาหมาด ๆ เขาจึงได้เป็นผู้ช่วยคนที่ 3 ทำงานมือขวาของ เป๊ป ร่วมกับ ไบรอัน คิดด์ และ โดเมเน็ค ฟอนต์ ก่อนที่ 2 รายหลังจะค่อย ๆ ปลดระวางไปในเวลาอีกไม่นานนัก
อาร์เตต้า เคยได้รับคำชมจาก เป๊ป แบบไม่กั๊กว่า "เป็นหนึ่งในคนที่ฉลาดที่สุดที่เขาเคยร่วมงานด้วย" และขยายความคำพูดนั้นว่า อาร์เตต้า เป็นคนที่เข้าใจจังหวะเกม การยืนตำแหน่ง และการแก้ปัญหาแบบเดียวกับที่เป๊ปคิด
ที่สำคัญคือ อาร์เตต้าเข้าใจรายละเอียดการเล่นแนวรุกอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะวิธีสร้างพื้นที่ให้ตัวรุก ซึ่งเป็นจุดที่เป๊ปต้องการคนมาช่วยวิเคราะห์ในยุคที่ แมนฯ ซิตี้กำลังพัฒนาระบบ False 9 และเกมบิลด์อัพหลังจากหมดยุคตัวทะลวงแนวรับคู่แข่งอย่าง ยาย่า ตูเร่
นอกจากความฉลาด ละเอียด และมองฟุตบอลในทิศทางเดียวกันแล้ว เหตุผลที่ เป๊ป จีบ อาร์เตต้า มาเป็นมือขวาก็เพราะว่า ในวันที่ เป๊ป เข้ามาทำ แมนฯ ซิตี้ ในตอนแรก เขาแทบไม่รู้จักฟุตบอลอังกฤษเลย แต่ อาร์เตต้า เล่นอยู่ในอังกฤษเกือบตลอดอาชีพค้าแข้ง สามารถพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วเท่ากับภาษาสเปน แถมยังเคยเป็นรุ่นน้องของ เป๊ป ในอคาเดมี่ ลา มาเซีย ที่ บาร์เซโลน่า ด้วย
เหตุนี้เขาจึงถูกมองว่า เป็นคนที่เหมาะจะเข้ามารับบทบาทผู้ย่นระยะความห่าง ระหว่างกุนซืออย่าง เป๊ป และทีมนักเตะที่ต่างฝ่ายต่างก็ต้องมาเริ่มนับ 1 ด้วยกันใหม่ทั้งหมด
ฟากฝั่งของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ได้เข้ามาทำงานกับ เป๊ป หลังจาก อาร์เตต้า อำลาตำแหน่งมือขวาและเลือกไปเป็นเฮดโค้ชของ อาร์เซน่อล ช่วงปลายปี 2019 โดยเริ่มจากการเป็นผู้จัดการทีมชุด U-21 ในปี 2020 คุมทีมอยู่ 1 ปี ก่อนตัดสินใจไปเป็นเฮดโค้ชให้ ปาร์ม่า แต่ล้มเหลว โดนปลดในเวลาไม่ถึงครึ่งปี ทว่าเป๊ปยังเห็นแวว ดึงตัวมาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมในปี 2022

ในขณะที่อาร์เตต้าโดดเด่นด้านการอ่านเกมรุก มาเรสก้าคืออีกมุมหนึ่งของฟุตบอลเป๊ป เขาเป็นโค้ชที่หมกมุ่นกับโครงสร้างเกมรุก, ระยะห่างระหว่างผู้เล่น และความแม่นยำของเส้นทางการจ่ายบอล
เป๊ปชื่นชมมาเรสก้าในฐานะ "โค้ชที่เข้าใจระบบ Position Play แบบเป็นหลักการลึกที่สุดคนหนึ่ง" พร้อมขยายความคำพูดนั้นว่า มาเรสก้า มีความละเอียดระดับ ทุกระยะ 5 เมตรในสนามต้องมีเหตุผล ทำให้มาเรสก้าถูกดึงมาเป็นผู้ดูแลทีมเยาวชนของแมนฯ ซิตี้ จนกระทั่งไต่ระดับขึ้นมาเป็นมือขวาคนสนิท
ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่น และเป็นคนที่ เป๊ป เลือก รวมถึงไว้ใจ มันค่อนข้างชัดว่าทั้งคู่ฉายแววบนเส้นทางโค้ชตั้งแต่อายุยังน้อย และไม่นานนั้นพวกเขาต่างก็เริ่มเส้นทาง "โค้ชใหญ่" ของตัวเอง พร้อมกับมีลายเซ็นตามหลังว่า "อดีตมือขวาคู่บารมี" ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
เพราะสอนให้คิด ไม่ได้สอนให้เลียนแบบ
การทำงานกับเป๊ปไม่ใช่แค่การเรียนรู้ แต่คือการถูกท้าทายทุกวัน เพราะเป๊ปเปลี่ยนไอเดียแทบทุกสัปดาห์ สิ่งที่อาร์เตต้าและมาเรสก้าบอกเหมือนกันคือ เป๊ปทำให้พวกเขาเรียนรู้สองอย่างคือการมองฟุตบอลให้ลึกไปถึงโครงสร้าง ไม่ใช่แค่ตำแหน่งของนักเตะเท่านั้น

อธิบายเร็ว ๆ ก็คือ ฟุตบอลของ เป๊ป ทุกอย่างจะสัมพันธ์กันและเล่นร่วมกันแทบตลอด ฟูลแบ็กต้องรู้ว่าเมื่อไรควรซัพพอร์ตมิดฟิลด์ ปีกต้องรู้ว่าเมื่อไรควรยืนกว้างเพื่อดึงกองหลัง หรือมิดฟิลด์ต้องรู้ว่าเส้นทางบอลจะเปลี่ยนแกนและเคลื่อนใหม่เมื่อไร
ส่วนอีกข้อสำคัญที่ทั้งสองคนได้จาก เป๊ป มาเต็ม ๆ คือ การควบคุมเกมผ่านทิศทางบอล เป๊ปสอนว่าการครองบอลไม่ใช่ครองเพื่อเอา % บนหน้าสถิติเท่านั้น แต่คือการควบคุมคู่แข่งให้วิ่งตามแบบที่คุณต้องการจังหวะช้า - เร็ว, การเพิ่มนักเตะในเกมรุก (Overload) การล็อกคู่แข่งให้เล่นในพื้นที่จำกัด สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดคือเครื่องมือที่ทั้งคู่หยิบมาใช้ต่อ
แม้เส้นทางของทั้งคู่จะต่างกัน แต่ทีมที่พวกเขาสร้างก็ใช้ "แก่น" เดียวกัน นั่นคือ "การคอนโทรลเกมด้วยไอเดียและโครงสร้าง" ก่อนที่ต่างคนจะต่างใส่รายละเอียดและไอเดียที่อยู่ในกึ๋นของตัวเองมา
อาร์เซน่อล ของ อาร์เตต้า เปรียบเสมือน "เป๊ปเวอร์ชั่นดุดันและไฮเพรส" โดยเพิ่มสิ่งที่เป็นไอเดียอาร์เตต้าล้วน ๆ อาทิ ความดุดันของเกมเพรสระดับสูง รวมถึงการขึ้นเพรสตั้งแต่แดนบน, ความละเอียดเกมรับที่คล้าย แอตเลติโก มาดริด มากกว่าแมนฯ ซิตี้ และที่สำคัญ รวมถึงเห็นภาพชัดที่สุดในวันนี้ ก็คือการสร้างทีมให้แข็งแกร่งเชิงกายภาพ คุณจึงได้เห็น อาร์เซน่อล มีนักเตะตัวใหญ่ แข็งแรง และเล่นลูกกลางอากาศดี จนกลายเป็นราชาเซ็ตพีซเหมือนดังทุกวันนี้
ขณะที่ เชลซี ของ มาเรสก้า นั้นเปรียบได้กับ "เป๊ปเวอร์ชั่นละเอียดและสร้างเกมจากโครงสร้างที่มั่นคง" ไม่เร่งจังหวะจนสวยงามเหมือนกับ แมนฯ ซิตี้ ในเวอร์ชั่นร่างทอง แต่ก็แลกมาด้วยความยืดหยุ่นเชิงกลยุทธ์ นักเตะสามารถเปลี่ยนวิธีการเล่นตามสถานการณ์ต่าง ๆ หรือบางครั้งฟุตบอลของเขาก็ยืดหยุ่นจนสามารถปรับแท็คติกในสนามได้ทันทีโดยไม่ต้องเปลี่ยนตัว และแน่นอนที่พวกเขาไม่ทิ้งลาย คือการเล่นระบบเพรสซิ่งที่ดุเดือดด้วยกลุ่มนักเตะหนุ่มพลังงานสูง แม้จะยังไม่เนียนตาและมีข้อผิดพลาดบ้าง แต่ก็ถือว่าเป็นการสร้างที่สามารถต่อยอดไปยังสิ่งที่เขาคิดในหัวได้

เพราะสอนให้คิด ไม่ได้สอนให้ทำตาม ที่สุดแล้วการทำงานอย่างใกล้ชิดกับ เป๊ป ก็สร้างประโยชน์มากมายให้กับปรัชญาฟุตบอลของ 2 กุนซือหนุ่มแห่งยุค และตอนนี้พวกเขาอยู่ในจุดที่ต้องมาขับเคี่ยวกันโดยตรงแล้ว
ความเก่งกาจของทั้งคู่ทำให้ เป๊ป ต่างก็ให้เครดิตทั้ง 2 คนและไม่เคยยกว่าตัวเองเป็นอาจารย์เหมือนที่ใครบอกกัน หนำซ้ำ เป๊ป ยังเป็นคนบอกว่า ตัวเขาเองก็ได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่างจากทั้ง อาร์เตต้า และ มาเรสก้า ด้วย
จากศิษย์สู่ผู้ใหญ่เต็มตัว
ผ่านมาจนถึงตอนนี้ คำค่อนขอด หรือการแซวว่าเป็นร่างก๊อปปี้ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า สำหรับทั้ง อาร์เตต้า และ มาเรสก้า ลดน้อยลงไปมากจนแทบไม่มีใครใช้คำนี้แล้ว เหตุผลก็เพราะว่าพวกเขาไม่ใช่แค่ลูกน้องของ เป๊ป แต่พวกเขาคือเพื่อนร่วมงาน ที่มีดีในแบบของตัวเอง จนกระทั่งใช้ทุกอย่างที่ได้พบเจอสร้างลายเซ็นฟุตบอลของตัวเองได้สำเร็จ

อาร์เตต้า กลายเป็นโค้ชสายปั้นทีม ที่ถึงแม้จะกินเวลานานกับ อาร์เซน่อล (6 ปี) แต่ยิ่งเมื่อเวลาผ่านไป ฟุตบอลของเขาก็เขี้ยวลากดินมากขึ้นเรื่อย ๆ จากทีมที่ไม่ได้ลุ้น กลายเป็นขาประจำท็อป 4 แม้ อาร์เตต้า อาจจะโดนตั้งคำถามที่เขาพาทีมคว้ารองแชมป์ 3 ปีซ้อน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าทีมของเขาลงล็อกแล้วในแง่ของแท็คติกและผลงานในสนาม
เหนือสิ่งอื่นใดที่ไม่ชม อาร์เตต้า ไม่ได้เลย ก็คือการเป็นโค้ชที่ไม่ใช่แค่เปลี่ยนนักเตะให้เก่งแค่ในเกม แต่เขาสามารถเปลี่ยนวัฒนธรรมทั้งสโมสร ตอนนี้อาร์เซน่อล ลบภาพของทีมเด็กที่พลาดง่าย ๆ แพ้ความกดดัน กลายเป็นทีมที่มีทัศนคติของผู้ชนะ ยืนยันด้วยผลงานโดดเด่น เป็นทีมที่แข็งแกร่งเบอร์ต้น ๆ ในยุโรปไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ขณะที่ มาเรสก้า นั้นก็เติบโตและสร้างตัวตนในฐานะโค้ชสายระบบที่สร้างโครงสร้างฟุตบอลแบบใหม่ในพรีเมียร์ลีก แม้จะไม่ได้เลือกนักเตะเองตามต้องการจากนโยบายการซื้อดาวรุ่งของสโมสร แต่ มาเรสก้า ก็ยังทำงานที่ยากเหมือนกับจับปูใส่กระด้ง จนตอนนี้ เชลซี เข้ารูปเข้ารอย ได้โครงสร้างหลักของทีมในหลายตำแหน่งแล้ว

ต้องยอมรับว่าการที่ อาร์เตต้า ออกสตาร์ทก่อน มีส่วนทำให้อาร์เซน่อลดูเป็นทีมที่มีระบบและคาแร็คเตอร์ที่ชัดเจนกว่า แต่ มาเรสก้า ที่เพิ่งทำ เชลซี ได้แค่ 2 ปี ก็ก้าวหน้าขึ้นมาก และจะมีอะไรยืนยันความยอดเยี่ยมของเขาได้ดีมากกว่าถ้วยแชมป์สโมสรโลกที่พวกเขาคว่ำ "โนหนึ่ง" ของยุโรปอย่าง เปแอสเช แบบหมดรูป ด้วยแท็คติกเฉพาะทางที่วางมาแก้ทรงในนัดชิงชนะเลิศโดยเฉพาะ เรียกได้ว่าถ้าจะวัดกันแบบนัดต่อตัด มาเรสก้า ก็ถือเป็นกุนซือที่ทำทีมเล่นเกมใหญ่ได้โดดเด่นไม่แพ้ใคร
เป๊ปเคยพูดว่า "ถ้าพวกเขาได้เป็นโค้ชใหญ่ จะทำได้ดีกว่าผมในหลาย ๆ ด้าน" และตอนนี้คำพูดนั้นกำลังเริ่มใกล้ความจริงขึ้นทุกวัน เพราะในขณะที่ ซิตี้ ของเป๊ปกำลังหาทรงและเป๋ไปเยอะจากยุคก่อนหน้านี้ อาร์เซน่อล และ เชลซี กลับเข้ารูปเข้ารอย และดูน่าสนใจเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
สุดสัปดาห์นี้ การดวลกันของเชลซีกับอาร์เซน่อล จึงไม่ใช่แค่เกมสำคัญเพื่อ 3 คะแนน แต่คือการต่อสู้ของสองศิษย์ที่เติบโตจนกลายเป็นตัวเอง และกำลังประกาศให้โลกรู้ว่า พวกเขาก้าวพ้นออกจากเงาของ เป๊ป ได้เรียบร้อย และยังกลายเป็นโค้ชระดับแถวหน้าของพรีเมียร์ลีกอย่างแท้จริง
เกมนี้จึงเต็มไปด้วยความหมาย หลายมุมแทคติก และความภูมิใจในเส้นทางที่ทั้งคู่เลือกเดิน ในที่สุด ... ลูกศิษย์ทั้งสองกำลังก้าวขึ้นมาท้าทายอาจารย์แบบเต็มตัวแล้ว
แหล่งอ้างอิง
https://www.bbc.com/sport/football/articles/c3d51m58vxjo
https://sports.yahoo.com/articles/enzo-maresca-credits-pep-guardiola-173000511.html
https://ekkonocoaching.com/chelsea-enzo-maresca-tactical-analysis/
https://www.beinsports.com/en-nz/football/premier-league/articles/pep-guardiola-says-he-learned-a-lot-from-mikel-arteta-ahead-of-sunday-reunion-2023-10-07
https://www.reddit.com/r/championsleague/comments/1ke0pu6/who_do_you_think_is_the_worst_pep_student_maresca/?rdt=44577
https://www.premierleague.com/en/news/4032229