จาก โรเมโร่, เกป้า ถึง บายินดีร์ … เรื่องราวของตำแหน่งที่ไม่มีใครอยากอยู่ แต่หลายคนหนีไม่พ้น
ทำไมการเป็นโกลมือ 2 จึงยากเย็น และมีโอกาสแสดงความผิดพลาดในการแข่งขันจริงมากมายนัก ?
นี่คือความจริงจากคนที่เคยสัมผัสอาชีพและตำแหน่งที่ไม่มีใครอยากจะเป็น ติดตามเรื่องของ "ประตูมือ 2" กับ Main Stand
งานที่ใจสำคัญพอ ๆ กับฝีมือ
ว่ากันว่าการเป็นผู้รักษาประตูสำรองนั้นเป็นความรู้สึกที่คนไม่เคยมีสถานะนี้ไม่มีวันเข้าใจ ... จริงอยู่ที่คุณเป็นนักฟุตบอลอาชีพ คุณต้องซ้อมอย่างเต็มที่ ดูแลตัวเองตลอดเวลาอยู่นอกสนาม และทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับสถานะของตัวเอง แต่ประตูสำรองไม่เหมือนกับนักเตะสำรอง ตรงที่โอกาสของพวกเขาแต่ละครั้งต้องรอนานมาก กว่ามันจะมาถึง
ช่วงเวลาก่อนที่โอกาสจะมาถึงนี่แหละเป็นเรื่องที่ยากเย็นที่สุด เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า คือคนที่สัมผัสเรื่องนี้มาด้วยตัวเอง เขาเคยเป็นผู้รักษาประตูมือ 1 ของ เชลซี ที่ทีมซื้อมาด้วยราคาที่แพงที่สุดในโลกสำหรับตำแหน่งนี้ (และทุกวันนี้สถิติยังเป็นของเขา) ช่วงนั้นชีวิตของเกป้าถือเป็นขาขึ้น แต่แล้วไม่นานนักเขาก็ได้สัมผัสตำแหน่งที่ตัวเขาไม่คิดว่าจะมาถึงเขาเร็วขนาดนี้ นั่นคือการเป็น "ผู้รักษาประตูมือ 2" ให้ เชลซี อยู่หลายฤดูกาล
"การเป็นผู้รักษาประตูสำรองเป็นงานที่ยากและมักจะไม่ค่อยมีใครเห็นคุณค่า คุณไปทำงานทุกวันและฝึกซ้อมหนักพอ ๆ กับผู้รักษาประตูตัวจริง แต่เมื่อการแข่งขันมาถึง เขาได้ลงเล่น แต่คุณได้อยู่บนม้านั่ง"
"ตำแหน่งอื่นโรเตชั่นได้ แต่กับผู้รักษาประตูสำรอง คุณต้องรอเวลาหลายสัปดาห์ หรือหลายเดือน กว่าที่โอกาสของคุณจะมาถึง" เกปา ว่าแบบนั้น และอธิบายต่อว่า ความยากของการเป็นโกลมือ 2 ก็คือ เมื่อโอกาสนั้นมาถึง ความคาดหวังและคำถามจะเกิดขึ้นกับผู้รักษาประตูมือ 2 ในทันที ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าใครแกร่งพอที่จะรับความกดดันนั้นได้
เพราะกลุ่มผู้รักษาประตูมือ 2 ที่ได้ลงสนามเป็นตัวจริงในวันที่ตัวหลักไม่พร้อม จะถูกจับตามองเป็นพิเศษ แน่นอน มันรวมถึงการจับผิดต่าง ๆ นานาด้วย ทางรอดเดียวของประตูสำรองคือต้องทำผลงานให้ดีมาก ๆ ดีกว่ามาตรฐานที่มือ 1 ทำเอาไว้ด้วยซ้ำ เพื่อให้โอกาสหน้าเป็นของพวกเขา
และในทางกลับกัน หากพวกเขาผิดพลาดในวันที่ได้โอกาสสำคัญ มันก็ยิ่งทำให้โอกาสที่กว่าจะมาถึงก็ยากอยู่แล้ว ยากเย็นขึ้นไปอีก ซึ่งมันเหมือนกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับ อัลตาย บายินดีร์ ผู้รักษาประตูมือ 2 ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เพิ่งโดนลูกเตะมุมของ อาร์เซน่อล เล่นงานในเกมนัดเปิดสนาม ... โอกาสสำคัญที่เขาจะยึดมือ 1 จาก อองเดร โอนาน่า มาถึงแล้ว แต่สุดท้าย เขาก็พลาดแบบฝังตัวเองลงหลุมอีกครั้ง
เหตุผลที่ บายินดีร์ ไม่สามารถคว้าโอกาสของตัวเองได้ ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร มีผู้รักษาประตูมือ 2 หลายคนที่ไม่พร้อมพอที่จะพิสูจน์ว่าตนเองพร้อมเป็นมือ 1 ในสถานการณ์เช่นนี้ เพราะทันทีที่พวกเขาก้าวลงสนาม พวกเขาจะถูกคาดหวังมากกว่าคนอื่น ๆ ว่าจะต้องเล่นให้ดีกว่ามือ 1 ที่ได้โอกาสลงสนามในทุกสัปดาห์ ซึ่งแน่นอนว่ามันทำไม่ได้ง่าย ๆ เนื่องจากสิ่งที่เรียกว่า "จังหวะ และความรู้สึกในเกมแข่งขันจริง" เป็นสิ่งที่ไม่สามารถสร้างได้ในสนามซ้อม ซึ่งนั่นเป็นเดิมพันที่สูงมากระหว่างคำว่า "ทำได้" กับ "ทำไม่ได้"
เกป้า ให้ความเห็นในกรณีนี้เพิ่มเติมกับ The Athletic ว่า "สำหรับผู้รักษาประตูมือ 2 เมื่อคุณเล่นได้ดี คำชมก็จะเกิดขึ้นแต่มันก็ไม่มากนัก เพราะทุกคนคาดหวังแบบนั้นอยู่แล้ว แต่กลับกันถ้าคุณเล่นได้ไม่ดี ก็จะมีคำถามเกี่ยวกับความเฉียบคม (ความเจนสนามสำหรับการแข่งขันจริง) ความน่าเชื่อถือ และความคิดของคุณ ทุกอย่างล้วนถูกตั้งคำถาม และบางครั้งมันก็รู้สึกเหมือนกับว่าไม่มีทางชนะ"
สิ่งที่ เกป้า บอก สะท้อนให้เห็นว่าการเป็นมือ 2 นอกจากการเตรียมตัว การลับคมฝีมือให้พร้อมแล้ว เรื่องหัวจิตหัวใจสำคัญมาก เพราะต้องสู้กับความกดดันของตัวเอง และความกดดันที่คนอื่นมองมาที่พวกเขาเหล่าประตูมือ 2 ด้วย ถ้าใครที่ก้าวผ่านไปได้ พิสูจน์ตัวเองว่าดีพอ ก็จะก้าวหน้าขึ้นในอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นการก้าวขึ้นมาเป็นมือ 1 แทนที่คนเก่า หรือแม้กระทั่งการย้ายออกไปเป็นมือ 1 ของทีมระดับรอง ๆ ลงมาได้ ... ซึ่งในเกมกับ อาร์เซน่อล บายินดีร์ ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงหัวใจและคุณภาพมากพอ และนั่นอาจจะทำให้ความไว้ใจของแฟน ๆ ที่มีต่อเขาลดน้อยลงไปอีก ทั้ง ๆ ที่ปกติจะไม่ได้มีมากอยู่แล้วก็ตาม
ประตูมือ 2 ที่ดีก็มีประโยชน์มหาศาล
แฟน ๆ แมนฯ ยูไนเต็ด ปวดหัวแน่นอนกับสถานการณ์ผู้รักษาประตูมือ 1 ของทีมในเวลานี้อย่าง โอนาน่า ที่ยังไว้ใจไม่ได้ และมือ 2 อย่าง บายินดีร์ ก็ไมได้แตกต่างกันนัก
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้คนเป็นผู้จัดการทีมหรือเฮดโค้ชก็สำคัญกับการพัฒนานักเตะในทีมเช่นกัน โดยเฉพาะกลุ่มประตูมือ 2 ที่ต้องการความมั่นใจจากโค้ชของพวกเขาเป็นอย่างมาก ซึ่งในอดีต แมนฯ ยูไนเต็ด เคยเป็นทีมที่สร้างสมดุลมือ 1 และมือ 2 ได้ดีมาก ๆ สมัยช่วงที่มี ดาบิด เด เคอา และ เซร์คิโอ โรเมโร่ อยู่ในทีมเดียวกัน ซึ่งตอนนั้น โรเมโร่ ในฐานะมือ 2 ลงสนามเมื่อไหร่ ก็ทำผลงานได้ดีไปเสียทุกครั้ง ... อะไรคือสิ่งที่ โรเมโร่ แตกต่างจาก บายินดีร์ ?
แมตต์ พิซโดรว์สกี้ อดีตผู้รักษาประตูที่ปัจจุบันเป็นนักเขียนบทความฟุตบอล มองประเด็นนี้ว่า เรื่องนี้ต้องชมกุนซืออย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ ที่กล้าให้โอกาสกับมือ 2 เมื่อถึงเกมอันสมควร และที่สำคัญตัวของ โรเมโร่ เองที่สภาพจิตใจแข็งแกร่งมาก อดทนรอกับโอกาสที่ได้รับโดยไม่สร้างปัญหา และเมื่อโอกาสมาถึงก็ฟอร์มดีจนแฟน ๆ ต้องถกเถียงกันว่า "บางทีเขาอาจเหมาะกับการเป็นมือ 1 ก็ได้" อยู่หลายหน
"โรเมโร่คือต้นแบบประตูมือ 2 ที่ครบเครื่อง มีทุกอย่างที่ทีมและโค้ชของเขาต้องการ เพราะเขามีประสบการณ์ มีความสามารถ เป็นมืออาชีพ และเสียสละ ไร้ซึ่งอัตตา แมนฯ ยูไนเต็ดไม่เคยกังวลเรื่องความตึงเครียดในห้องแต่งตัว"
"โรเมโร่ เข้าใจงานของเขา เคารพในลำดับขั้น และพยายามยกมาตรฐาานของตัวเองไปอยู่เคียงข้างกับประตูมือ 1 อย่าง เด เคอา ตลอดเวลา ... ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้อย่างนี้ ประตูมือ 2 หลายคนก็มีความคิดอีกแบบ บางครั้งพวกเขามองว่าตัวเองเป็นแค่ประตูมือ 2 ต่อให้พยายามแค่ไหนก็ยากจะแทรกขึ้นมาแทนมือ 1 ที่ดีกรีดีกว่าได้ ดังนั้นพวกเขาจะท้าทายตัวเองไปเพื่ออะไร ? ... แต่ โรเมโร่ ไม่ใช่แบบนั้นเลย"
การมีประตูมือ 2 ที่ไว้ใจได้ มีฝีมือ และมีความเป็นมืออาชีพ สร้างประโยชน์มากมายหลายด้าน ทั้งการกดดันมือ 1 ให้ทั้งคู่ต่างแข่งขันกันพัฒนาขึ้น และสร้างความอุ่นใจให้กับเพื่อนร่วมทีม หรือแม้กระทั่งแฟนบอลของพวกเขาที่สามารถอุ่นใจว่า เมื่อมือ 2 ได้โอกาสลงสนาม ความรู้สึกของพวกเขาก็ไม่แตกต่างออกไปมากนัก ... ซึ่งมือ 2 ที่ทำได้แบบนี้ หาได้ไม่มากนักในโลกฟุตบอลปัจจุบัน
ชีวิตบนม้านั่งสำรอง
งานสำคัญของเหล่าประตูมือ 2 คือการดีลกับหัวใจตัวเองว่าไหวแค่ไหนกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ พวกเขาเป็นคนสำคัญของทีม แต่ก็ไม่สำคัญเท่ากับประตูมือ 1 แถมวันใดที่พวกเขาผิดพลาด ก็เหมือนเป็นการทำลายอาชีพตัวเองด้วยการปิดโอกาสลงสนามในอนาคตทีละนิด
และถ้าคุณไม่ใช่คนที่ใจแข็งพอจะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ได้ตลอด บางทีการย้ายออกเพื่อหาโอกาสลงเล่น สร้างความมั่นใจอีกครั้ง อาจเป็นคำตอบที่เหล่าผู้รักษาประตูมือ 2 ได้เห็นคุณค่าของตัวเองอีกครั้ง และก้าวเดินใหม่บนเส้นทางอาชีพของตัวเอง
"มันเป็นบทบาทที่สำคัญ แต่บางครั้งคุณก็รู้สึกผิดในใจเสมอ เพราะคุณไม่รู้สึกว่าตัวเองมีส่วนช่วยอะไรกับทีมมากนัก ไม่มีนักฟุตบอลคนไหนที่ไม่อยากลงสนามหรอก ผู้รักษาประตูมือ 2 ก็เหมือนกันนั่นแหละ แม้มันจะเป็นหน้าที่ แต่ผมไม่คิดว่ามีใครจะรักตำแหน่งนี้เมื่อมันเกิดขึ้นกับตัวเองหรอกนะ" ริชาร์ด ลี อดีตผู้รักษาประตู วัตฟอร์ด และ เบรนท์ฟอร์ด เผย
ลี เคยเป็นมือ 2 อยู่นานถึง 8 ฤดูกาลกับวัตฟอร์ด และเขาเล่าว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาคือความหงุดหงิด รู้สึกผิดต่อทีม รู้สึกไม่พอใจกับตัวเอง และมันทำให้เขาขาดความมั่นใจในตัวเองแบบที่ไม่เคยเป็น ซึ่งยิ่งเป็นมือ 2 นานเท่าไหร่ ความกดดันเมื่อได้โอกาสเป็นตัวจริงก็มากขึ้นเท่านั้น เหมือนกับที่ บายินดีร์ เป็นในเวลานี้
คำถามคือ ลี ทำอะไรหลังจากนั้นเพื่อกลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง ? ... เขาออกจาก วัตฟอร์ด และลงไปเล่นกับ เบรนท์ฟอร์ด ในดิวิชั่นที่ต่ำกว่า (ลีกวัน เมื่อปี 2011) และสิ่งที่เขาได้กลับมาคือโอกาสลงสนาม แม้จะไม่ใช่สโมสรที่ใหญ่ มีสวัสดิการต่าง ๆ ที่ดีและต้องอยู่ไกลบ้านออกไป แต่สิ่งที่ได้มานั้นคุ้มค่าในมุมมองของเขา
ลี ได้โอกาสลงเล่น 75 นัดใน 2 ฤดูกาลแรกกับ เบรนท์ฟอร์ด มากกว่า 8 ปีที่เขาเล่นกับ วัตฟอร์ด ด้วยซ้ำ สิ่งที่เขาพบคือความแตกต่างของการได้ลงเล่น่ในทุกสัปดาห์ ซึ่งมันช่วยให้เขากลับมามั่นใจในตัวเองมากขึ้น และเมื่อถามว่าอะไรง่ายกว่ากันในการเป็นมือ 1 กับ มือ 2 ... ลี ตอบแบบไม่ต้องคิดว่า
"การเป็นมือ 1 แน่นอน ... เมื่อคุณเคยชินกับการได้ลงสนามทุกสัปดาห์ มันจะทำให้คุณคุ้นชินกับบรรยากาศการแข่งขัน คู่แข่ง และเพื่อนร่วมทีม คุณจะมองโลกเป็นเหมือนอีกแบบไปเลยเพราะคุณได้หลุดจากตำแหน่งที่กักกันการแสดงความสามารถของตัวเองอย่างประตูมือ 2 ได้สำเร็จแล้ว"
"ชีวิตของการเป็นมือ 1 มันคือเรื่องของการรักษาคุณภาพให้สม่ำเสมอ คุณจะสู้เพื่อสิ่งนั้นโดยธรรมชาติ คุณจะรู้สึกสนุกในการซ้อม และพยายามทำอะไรต่าง ๆ นอกสนามเพื่อรักษาตำแหน่งนี้ของคุณอย่างจริงใจ ... รู้ตัวอีกทีคุณก็จะทำมันจนชิน และเป็นธรรมชาติที่คุณหลงรักมันไปแล้ว"
ย้อนกลับมาที่เหตุการณ์ของ บายินดีร์ เขายังอายุไม่เยอะ (27 ปี) และการรับมือกับความกดดันรวมถึงประสบการณ์ของเขาอาจจะแตกต่างกับ ลี หรือ โรเมโร่ ที่เรายกตัวอย่างมา
ถึงกระนั้น ตอนนี้หลายคนมองว่าเขากำลังแบกภาระที่เกินตัว ซึ่งสิ่งที่พอจะทำได้ ก็คือการสู้กับความคาดหวังและความกดดันที่เกิดขึ้นกับตัวเองในเวลานี้อย่างสุดความสามารถ เพื่อคว้าโอกาสเป็นมือ 1 ของทีมอีกครั้งหากโอกาสมาถึง
หรือไม่ก็คือการถอยหลังและเริ่มใหม่ กลับไปเป็นคนเดิมที่ตัวเองรู้จักอีกครั้ง ถ้าหากพร้อมสำหรับศึกใหญ่เมื่อไหร่ ค่อยกลับมาท้าทายในวันที่พร้อมและแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้
แหล่งอ้างอิง
https://www.bbc.com/sport/football/27025508
https://www.bbc.com/sport/football/30536497
https://www.nytimes.com/athletic/6415505/2025/06/11/kepa-arrizabalaga-arsenal-backup-keeper/