Feature

แซมบ้าไม่หมู : ทีมจากบราซิลเก่งมาจากไหน ทำไมชอบน็อกทีมยุโรป ? | Main Stand

ฟลาเมงโก้ เอาชนะ เชลซี, พัลไมรัส บุกแหลกใส่ ปอร์โต้, ฟลูมิเนนเซ่ ยันเสมอ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ โบตาโฟโก้ เอาชนะทีมแชมป์ยุโรปที่ว่ากันว่า "ดีที่สุดในโลก" ณ เวลานี้อย่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแม็ง 

 

นี่คือผลงานของสโมสรจากลีกบราซิล ในฟุตบอล ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ 2025 ที่ร้อนแรงจนเกิดมีมของแฟนบอลบราซิลที่แซวกันว่า "ต้องให้เอาทีมครึ่งล่างตารางของบราซิล ซีรี่เอ มาแข่งด้วยไหม ทีมจากยุโรปจึงจะเอาชนะได้"  

เพื่อให้คำตอบของทุกอย่างชัดเจนขึ้น นี่คือเหตุผลที่ว่า ทำไมทีมจากบราซิลจึงแกร่งสุดในรายการนี้ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ?  ติดตามกับ Main Stand 

 

"บราซิเลี่ยนคลับ" อดีตเคยแรง

หากเราไล่เรียงกันตั้งแต่อดีตของรายการชิงแชมป์สโมสรโลก "อย่างเป็นทางการ" ที่ ฟีฟ่า ยื่นมือเข้ามาจัดและบริหารงานเองในปี 2000 คุณจะพบว่าทีมที่ได้แชมป์ และคู่ชิงชนะเลิศนั้นเป็นการเจอกันเองของตัวแทนจากบราซิลอย่าง วาสโก ดา กาม่า และ โครินเธียนส์ ก่อนฝ่ายหลังจะเอาชนะและคว้าแชมป์ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ สมัยแรกไปครองได้สำเร็จ

โดยในปี 2000 นั้นตัวแทนของฝั่งยุโรปที่มาแข่งขันคือ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เป็นแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 1998-99 ซึ่งเป็นซีซั่นที่ปีศาจแดงคว้า 3 แชมป์ ก็ยังโดน วาสโก ดา กาม่า ที่นำโดย 2 ตัวเก๋าที่เป็นอดีตทีมชาติบราซิลอย่าง โรมาริโอ และ เอ็ดมุนโด้ เล่นงานจนตกรอบแบ่งกลุ่มแบบรูปเกมสู้ไม่ได้เลยทีเดียว ส่วน เรอัล มาดริด ที่มาในฐานะแชมป์ อินเตอร์คอนติเนนทัล คัพ เมื่อปี 1998 ก็เสมอ โครินเธียนส์ ต้องมาชิงอันดับ 3 เพราะแพ้ลูกได้เสีย แถมแพ้ เนกาซ่า จากเม็กซิโก จบอันดับ 4 อีกต่างหาก

ใครที่ไม่ทันดูหรืออาจจะลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 25 ปีที่แล้วอาจจะคิดว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่เต็มที่กับรายการนี้จึงได้แพ้ยับ 1-3 แต่ความจริง พวกเขาขนผู้เล่นชุดใหญ่มาเล่นรายการนี้ และด้วยเงินรางวัลเดิมพันที่สูงถึง 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปีศาจแดง ถึงกับยอมสละสิทธิ์การป้องกันแชมป์ เอฟเอ คัพ ฤดูกาล 1999-2000 เพื่อมาแข่งรายการนี้ที่ประเทศบราซิลโดยเฉพาะอีกด้วย ... ไม่ใช่แค่นั้น จากนั้น ปีต่อ ๆ มาก็ยังมีทีมจากลีกบราซิลที่ได้แชมป์รายการนี้อีก ทั้ง เซา เปาโล และ อินเตอร์นาซิอองนาล แถม โครินเธียนส์ ยังมาคว้าแชมป์เพิ่มอีกสมัยด้วย 

ย้อนกลับไปในช่วงเวลาดังกล่าวมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะประวัติศาสตร์ก็บอกแบบนั้น นั้บตั้งแต่ปี 1960 เป็นต้นมา บราซิล ถูกมองเป็นเจ้าของโลกฟุตบอลเสมอมา ไม่ใช่แค่ทีมชาติที่พวกเขาเป็นชาติที่คว้าแชมป์โลกมากที่สุดเป็นอันดับ 1 เท่านั้น สโมสรฟุตบอลของพวกเขาก็ไม่ธรรมดามาแต่่ไหนแต่ไรแล้ว

ยุค 1960s สโมสรอย่าง ซานโต๊ส ที่นำโดย เปเล่ ก็เคยคว้าแชมป์สโมสรโลกภายใต้ชื่อ อินเตอร์คอนติเนนทัล คัพ ว่ากันว่าทีมชุดนั้นเดินทางมาทัวร์ยุโรปและสอยทีมจากยุโรปเป็นว่าเล่น ขาดก็แต่เจ้ายุโรปในเวลานั้นอย่าง เรอัล มาดริด ที่มีการ "ว่ากันว่า" มาดริด ไม่ยอมเตะกับ ซานโต้ส เพราะกลัวแพ้กันเลยทีเดียว

นอกจากนี้ยังมีทีม ฟลางเมงโก้ ในยุค 1980s ที่ถล่ม ลิเวอร์พูล ยุคที่เรียกว่า "เร้ดแมชชีน" ในรายการเดียวกัน ตามมาด้วยทีมอย่าง เกรมิโอ และ เซา เปาโล ที่เคยคว้าแชมป์มาแล้วทั้งสิ้น 

ทว่าหลังจากเป็นตัวตึงในรายการนี้มาร่วม 50 ปี เมื่อฟุตบอลยุโรปเติบโตท่ามกลางเกมธุรกิจแบบเต็มตัว ก็กลายเป็นว่าลีกบราซิลดร็อปลงไปจนถึงระดับสู้ไม่ได้ เพราะฟุตบอลยุโรปเดินหน้าไปอย่างก้าวกระโดดหลังปี 2000s ทั้งเรื่องการค้า, การลงทุน, สนามซ้อม, แท็กติก ฯลฯ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ทีมชาติบราซิลได้แชมป์โลกครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2002

การวิ่งตามหลังฟุตบอลยุโรปหลายช่วงตัว ทำให้สื่อในประเทศบราซิลก็โจมตีฟุตบอลตัวเองอยู่ตลอด จนกระทั่งพวกเขาเริ่มปรับโครงสร้างฟุตบอลของประเทศในช่วง 10 ปีหลังสุด ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้สโมสรจากลีกบราซิลแข็งแกร่งขึ้น ... แม้คุณจะบอกว่ามันเร็วเกินไปที่จะตัดสิน แต่รากฐานเป็นสิ่งสำคัญ และเราขอยืนยันว่าฟุตบอลบราซิลได้เขี่ยเปลี่ยนเกมของพวกเขาแล้ว 

 

ร่วมมือร่วมใจ

ในช่วง 10 ปีหลังสุด รัฐบาลบราซิลพยายามจะเข้ามาช่วยออกทุนในเรื่องโครงสร้างต่าง ๆ ของสโมสรฟุตบอลในประเทศ พวกเขาหาสปอนเซอร์สนับสนุนฟุตบอลลีกในบ้านของตัวเอง และผลักดันให้หลายสโมสรทิ้งโมเดลฟุตบอลเก่า ๆ เพื่อปรับเข้าสู่รูปแบบของมืออาชีพอย่างเต็มตัว

ทีมจากลีกบราซิลโดยเฉพาะทีมแถวหน้าอย่าง ฟลาเมงโก้ และ พัลไมรัส เปลี่ยนตัวเอง ใช้จุดเด่นจากการปั้นนักเตะขาย และเอาเงินที่ได้มาลงทุนกับโครงสร้างพื้นฐานและเรื่องสำคัญอื่น ๆ นอกสนาม เช่นการพัฒนาสนามซ้อมให้อยู่ในระดับเดียวกับยุโรป การจ้างทีมงานหลังบ้านที่เก่งขึ้นทั้งในเชิงของการตลาด และการวางโครงสร้างธุรกิจในระยะยาว 

นอกจากนี้ในปี 2021 รัฐบาลบราซิลเพิ่งอนุมัติกฎหมาย "เปลี่ยนรูปแบบการบริหารสโมสรเป็นเชิงธุรกิจ" โดยเปิดรับการลงทุนจากต่างชาติ นั่นจึงทำให้หลายทีมพัฒนาขึ้นมาเช่น โบตาโฟโก้ ทีมที่ชนะ เปแอสเช ก็ได้นักลงทุนชาวสหรัฐอเมริกาอย่าง จอห์น เท็กซ์เตอร์ ที่เป็นเจ้าของร่วมสโมสร คริสตัล พาเลซ และเป็นเจ้าของ โอลิมปิก ลียง เข้ามาซื้อกิจการ

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มทุนอย่าง เรดบูล ทีมงานเจ้าของ ไลป์ซิก และ ซัลซ์บวร์ก ที่เข้ามาซื้อสโมสร บรากันติโน่ และ ซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ป ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เข้ามาซื้อสโมสรอย่าง บาเฮีย 

สิ่งเหล่านี้เปลี่ยนไปอย่างไร ? เอาที่เข้าใจง่าย ๆ เลย เมื่อพวกเขามีเงินมากขึ้น พวกเขาก็มีทางเลือกมากขึ้น เมื่อก่อนทีมบราซิลมีแต่ดาวรุ่งที่กำลังจะย้ายไปยุโรป หรือตัวเก๋าใกล้แขวนสตั๊ด แต่เดี๋ยวนี้เริ่มมีผู้เล่น “ในช่วงพีก” ของอาชีพแล้ว เช่น แชร์ซอน (28 ปี) ที่ ฟลาเมงโก้ ซื้อมาจาก โอลิมปิก มาร์กเซย 15 ล้านยูโร นี่เป็นแค่ตัวอย่างหนึ่ง 

ขณะที่วงการโค้ชในประเทศของ บราซิล ก็พัฒนาขึ้นตามองค์ประกอบภาพใหญ่ ณ ตอนนี้ พวกเขาเปิดรับโค้ชต่างชาติมากขึ้น และมีการเลือกใช้คนที่สามารถเล่นแท็คติกที่หลากหลาย ยืดหยุ่นได้ มากกว่าสมัยก่อนที่เมื่อนึกถึงฟุตบอลบราซิลเราจะนึกถึงฟุตบอลที่พึ่งพาความสามารถเฉพาะตัวมากเป็นพิเศษ แต่ตอนนี้การเข้ามาของโค้ชจากยุโรปโดยเฉพาะจากโปรตุเกส พาระบบฟุตบอลแบบยุโรปเข้ามาผสมผสาน 

ณ ตอนนี้จึงกลายเป็นว่า โค้ชชาวโปรตุกีสสามารถคุมทีมได้แชมป์ลีกบราซิล 4 ครั้งจากทั้งหมด 6 ฤดูกาลหลังสุด ... ซึ่งคุณไม่ต้องแปลกใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับฟุตบอลลีกในประเทศนี้เองทำให้คนบราซิลเปิดใจกับโค้ชต่างชาติมากขึ้น จนล่าสุดพวกเขาเลือก คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือจอมแท็คติกจาก อิตาลี มาคุมทีมชาติบราซิลชุดใหญ่ 

ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ อดีตนักเตะทีมชาติอาร์เจนตินา ที่เคยค้าแข้งในลีกบราซิล และปัจจุบันคุม อินเตอร์ ไมอามี่ ก็พูดถึงเรื่องดังกล่าวว่า "พัลไมรัส มีนักเตะเก่งอย่างน้อย 2-3 คนในแทบทุกตำแหน่ง ขณะที่ทีมอย่าง ฟลาเมงโก้, ฟลูมิเนนเซ่, โบตาโฟโก้ ก็มีขุมกำลังดีกว่าเดิมเยอะมาาก เนื่องจากพวกเขาก็ลงทุนไปเยอะ และสานต่อจากเงินที่งอกเงยออกมา" 

สิ่งที่ มาสเคราโน่ พูดมา สามารถยืนยันได้จากฟุตบอลถ้วยที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาใต้อย่าง โคปา ลิเบอร์ตาดอเรส (แชมเปี้ยนส์ลีกของอเมริกาใต้) 5 ปีหลังสุด มีทีมจากบราซิลเข้าชิงชนะเลิศทุกปี และเป็นการเจอกันเองในรอบชิงถึง 3 ครั้ง ซึ่ง 5 ปีหลังทีมจากลีกบราซิลเหมาแชมป์รายการนี้ไปทั้งหมด พัลไมรัส กดไป 2 ครั้ง ที่เหลือเป็นของ ฟลาเมงโก้, ฟลูมิเนนเซ่ และ โบตาโฟโก้ 

ไม่ว่าจะในระดับประเทศ หรือในระดับทวีป ทีมจากลีกบราซิลแข็งแกร่งขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ... ตอนนี้ก็เหลือแค่ระดับสโมสรโลกเท่านั้นที่พวกเขาต้องพิสูจน์ตัวเอง ทว่าเหตุและปัจจัยที่ทำให้ทีมบราซิลเล่นดี บี้ทีมยุโรปสนุก ยังมีเรื่องอื่น ๆ นอกจากเรื่องเบื้องหลังและโครงสร้างฟุตบอลอีก นั่นก็คือหัวใจ ! 

 

แพชชั่นมากกว่าเงิน 

การแข่งขันชิงแชมป์สโมสรโลกนั้นมีความหมายมากสำหรับทีมจากอเมริกาใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทีมจากบราซิล ซึ่งถ้าคุณติดตามจากหน้าฟีดโซเชี่ยลมีเดีย คุณจะได้เห็นถึงความคลั่งไคล้ และแพชชั่นของแฟนบอลพวกเขาที่เข้ามาดูในสนามเต็มโควต้าแทบทุกเกม แม้บางนัดพวกเขาจะไม่ได้เจอกับทีมในยุโรปทีเป็นแม่เหล็กเรียกคนดูก็ตาม

เราต้องยอมรับว่า ในขณะที่ทีมจากยุโรปมาที่นี่ด้วยเรื่องของเงินเป็นเรื่องใหญ่ (แชมป์ได้เงินรางวัลรวม 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มากกว่าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก) แต่ถึงอย่างนั้น นักเตะของพวกเขาก็เล่นเหมือนไมได้เอาใจมาเต็ม 100% เพราะถ้าไม่มีการแข่งขันรายการนี้ พวกเขาคงได้ไปพักร้อนหลังกรำศึกหนักมาตลอด 1 รอบปฏิทินไปแล้ว 

ขณะที่ฝั่งบราซิลและอเมริกาใต้ เราเองก็ไม่สามารถปฏิเสธได้หรอกว่าพวกเขาก็ต้องใส่สุดแรงเพื่อเงินรางวัลเช่นเดียวกัน เงินจำนวนมากขนาดนี้ เป็นเงินที่หลายทีมทำได้แค่ฝันถึง เพราะมันมากกว่าการขายยอดนักเตะให้ทีมจากยุโรปอีกด้วย แต่เหนือสิ่งอื่นใด จากปากคำและการบอกเล่าของนักเตะอเมริกาใต้ พวกเขาต่างบอกว่าทัวร์นาเมนต์นี้เป็นโอกาสที่จะได้ย้อนรำลึกถึงความรุ่งโรจน์ในอดีต 

พวกเขาอยู่ใต้ร่มเงาของชาติจากยุโรปมานานในเรื่องของฟุตบอล ทีมจากบราซิลถูกมองว่าเป็นแค่แหล่งผลิตดาวรุ่งส่งออก และนั่นคือสิ่งที่พวกเขาอยากจะแก้ไขมุมมองนี้ใหม่ ด้วยการใส่กันให้เต็มที่ในรายการที่มีบิ๊กทีมจากยุโรปมาร่วมแข่งขัน 

“นักเตะที่เคยเล่นในทีมของเราตอนนี้กำลังเล่นให้กับและสโมสรใหญ่ ๆ ในยุโรปมากมาย พวกเราทำได้แค่เห็นพวกเขาแจ้งเกิดในยุโรป จนหลายคนลืมไปว่าฟุตบอลแบบอเมริกาใต้มันเป็นอย่างไร ณ ตอนนี้เรามุ่งมั่นที่จะเล่นกับทีมเหล่าทีมระดับท็อปจากยุโรป และแสดงให้เห็นว่าเรายังมีนักเตะเก่ง ๆ ในทีมอีกมากมาย แม้ว่านักเตะที่ดีที่สุดของเราจะเดินทางไปสู่ฝันยังยุโรปแล้วก็ตาม” เรนาโต้ ซิลวา แฟนบอล ฟลาเมงโก้ ที่เคยอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา แม้ปัจจุบันกลับไปใช้ชีวิตในบ้านเกิดก็ตามมาเชียร์ทีมในรายการนี้ ให้สัมภาษณ์กับ ESPN 

ไม่ใช่แค่แฟนบอลเท่านั้น แต่คนฟุตบอลของบราซิล ทั้งที่เป็นโค้ช เป็นผู้บริหาร และเป็นนักเตะ ก็ออกมาพูดในลักษณะเดียวกันว่า รายการนี้สำคัญกับพวกเขาที่อยากจะพิสูจน์ตัวเองให้โลกเห็นอย่างที่สุด พวกเขาพร้อมจะเปิดเผยแก่นแท้ของฟุตบอลบราซิล ณ ปัจจุบัน ที่มีการผสมผสานกันระหว่างความสามารถเฉพาะตัวและแท็คติก จนไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่ใครจะก้าวผ่านพวกเขาไปโดยที่ไม่ต้องออกแรงสุดชีวิต แม้จะเป็นยอดเทีมจากยุโรปก็ตาม

อย่าว่าแต่คนในวงการฟุตบอลบราซิลเลย ยอดโค้ชระดับโลกอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ของ แมนฯ ซิตี้ และ หลุยส์ เอ็นริเก้ ของ เปแอสเช ก็ออกมาพูดไม่ต่างกัน โดยฝั่งกุนซือ เปแอสเช ที่เพิ่งพิชิตยุโรป บอกว่า “ไม่มีทีมไหนรับมือเราได้ดีเท่านี้เลยในฤดูกาลนี้ ... ฟุตบอลของ โบตาโฟโก้ ยอดเยี่ยมจับใจ” ขณะที่ เป๊ป ก็ร่ายยาวว่า แต่ได้ใจความว่า

“เป็นเรื่องยอดเยี่ยมที่เราได้มีโอกาสลงแข่งกับทีมจากอเมริกาใต้ เช่นเดียวกับทวีปอื่น ๆ โดยเฉพาะกับวิธีการที่พวกเขาต่อสู้และวิธีการที่พวกเขาเล่นฟุตบอล ผมชื่นชมการเล่นเกมรับของพวกเขามาก มันเป็นเรื่องดีที่แทบจะทุกเกมมีความสูสีกัน หลายคนแปลกใจที่ทีมจากยุโรปแพ้ แต่ผมขอบอกเลยว่า ขอต้อนรับสู่โลกแห่งความเป็นจริง เพื่อนรัก” 

แรงจูงใจ เป็นเรื่องที่ทีมจากลีกบราซิลมีมากกว่าทีมจากยุโรปในรายการนี้ และถ้าคุณได้ดูเกมในทัวร์นาเมนต์ คุณจะเข้าใจประโยคที่ เป๊ป บอกอย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังมีเรื่องอื่น ๆ มาประกอบกันที่ทำให้ทีมจากบราซิลร่างทอง เช่น ช่วงเวลาของฤดูกาลที่ฟุตบอลบราซิล แข่งขันกันตามปีปฏิทิน เท่ากับพวกเขากำลังอยู่ในระหว่างซีซั่นในการแข่งรายการนี้ ซึ่งทำให้สภาพร่างกายของพวกเขาสดกว่าทีมจากยุโรปที่แข่งขันคร่อมปีปฏิทิน ที่นักเตะหลายคนหวดกันมาแล้วกว่า 60 เกม จนกว่าจะมาถึงทัวร์นาเมนต์นี้

นอกจากนี้ยังมีเรื่องของสภาพอากาศที่ร้อนจัด ที่ทำให้ทีมยุโรปแทบวิ่งกันไม่ออก แต่กับแข้งบราซิล พวกเขาถึงกับบอกว่า "เราชินกับอากาศแบบนี้ ไม่ใช่ปัญหา" กล่าวโดย วิตินญ่า แบ็กขวาของ โบตาโฟโก้ ขณะที่ตัดภาพกลับมาฝั่งยุโรป นักเตะสำรองของ ดอร์ทมุนด์ ยังนั่งบนม้านั่งสำรองไม่ได้เพราะร้อนเกินไป ต้องเข้ามาดูเกมในห้องแต่งตัว 

ทุกสาเหตุประกอบกันนี้เอง ทำให้เราได้เห็นร่างทองของฟุตบอลบราซิลในจังหวะที่ประจวบเหมาะที่สุด แม้ภาพรวมฟุตบอลบราซิลจะยังตามหลังลีกยุโรปอีกมาก แต่ในช่วงเวลาที่ฟุตบอลวัดกันในสนาม เหล่านักเตะจากชาติที่เป็นแชมป์โลกมากที่สุด และส่งออกนักฟุตบอลอาชีพมากที่สุดก็ไม่ยอมแพ้ใครง่าย ๆ 

"สโมสรจากบราซิลเล่นทุกนัดเหมือนนัดชิง เราไม่มีทางสู้ทีมยุโรปเรื่องเงินได้ พวกเขาซื้อผู้เล่นระดับโลกมาสร้างทีมสุดแกร่งได้ แต่ท้ายที่สุดฟุตบอลวัดกันในสนาม แฟนบอลบราซิลควรภูมิใจกับสิ่งที่สโมสรเราทำในทัวร์นาเมนต์นี้" เรนาโต เกาโช่ โค้ช ฟลูมิเนนเซ่ กล่าวทิ้งท้าย 

 

แหล่งอ้างอิง
 
https://www.bbc.com/sport/football/articles/clylv3eg73xo
https://www.espn.com/soccer/story/_/id/45540511/why-fifa-club-world-cup-means-much-south-american-teams
https://www.forbes.com/sites/josephosullivan/2025/06/22/brazilian-teams-dominate-at-fifa-2025-club-world-cup/
https://www.nytimes.com/athletic/6444353/2025/06/23/brazilian-club-world-cup/

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ