Feature

เลาตาโร่ มาร์ติเนซ : ดาวยิงที่ถูกด้อยค่าจากฟุตบอลโลก 2022 ทั้งที่ยิงแหลกทุกซีซั่น | Main Stand

เลาตาโร่ มาร์ติเนซ คือกองหน้าระดับท็อปของ เซเรีย อา ที่ยิงแหลกไล่ชิงตำแหน่งดาวซัลโวแทบทุกซีซั่นนับตั้งแต่เขาย้ายมาอยู่กับ อินเตอร์ มิลาน ในปี 2018 

 


แต่ถึงแม้จะเป็นขวัญใจแฟนเนรัซซูรี่ แต่ดูเหมือนว่าเขามักจะถูกจดจำด้วยภาพแย่ ๆ ใน ฟุตบอลโลก 2022 จนทำให้เขาไม่ได้เป็นกองหน้าตัวท็อปของแฟนบอลหลาย ๆ คน

วันนี้ Main Stand จะพาไปรู้จักเขามากขึ้น และจะทำให้เข้าใจว่า ทำไมเขาเล่นให้ทีมชาติได้แย่ แต่กลับเล่นในสโมสรได้ดีมาก จนพาทีมเข้ารอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2024-25 ไปเรียบร้อยแล้ว ... ติดตามที่นี่ 

 

กำเนิด เลาตาโร่ 

เลาตาโร่ มาร์ติเนซ เกิดที่เมือง บายาบลังก้า ในประเทศอาร์เจนตินา โดยในวัยเด็กของเขานั้นเหมือนกับนักเตะอเมริกาใต้หลายคนที่เกิดในตระกูลขนาดใหญ่ มีสมาชิกเยอะ และทำให้เขาอยู่ในสถานะค่อนข้างขาดแคลน ไม่ค่อยพอกิน-พอใช้ 

อย่างไรเสีย แม้จะขาดความมั่งคั่งเชิงวัตถุ แต่ตระกูลนี้ก็มอบสิ่งอื่นให้กับเขา นั่นคือแพชชั่นและการสนับสนุนในการเล่นฟุตบอล ปู่ ลุง และพ่อของเขาเคยเป็นนักฟุตบอลมาก่อน แม้จะไม่ใช่นักเตะระดับแถวหน้า แต่ก็ช่วยให้ เลาตาโร่ ได้ออกสตาร์ทด้วยการฝึกฝนที่ถูกต้องและมีทักษะที่โดดเด่นกว่าเด็ก ๆ รุ่นเดียวกันทั่วไป 

สโมสรแรกของเขาคือการเล่นให้ทีมท้องถิ่นที่ชื่อว่า ลิเนียร์ส ซึ่งเจ้าตัวบอกเล่าในภายหลังว่า ก้าวแรกของเขาที่นี่ไม่ได้สอนแค่ทักษะฟุตบอลเท่านั้น แต่มันรวมถึงการใช้ชีวิตให้อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง การพยายามถีบตัวเองขึ้นให้สูงที่สุด โดยที่บางครั้งอาจจะต้องเล่นแรง ๆ ใช้เหลี่ยมในการหลอกล่อ เพราะคนที่จะได้ไปต่อในระดับอาชีพนั้นมีเพียงแค่หยิบมือเดียว

"ฟุตบอลที่อาร์เจนตินาจะช่วยสอนคุณหลายอย่าง ทักษะเป็นเรื่องที่สำคัญแน่ เพราะคุณจะเจอกับคู่แข่งที่เข้าบอลแบบทั้งคนทั้งบอล แถมยังมีสนามที่ขรุขระยากต่อการควบคุมลูกบอลด้วย แต่คุณแก้ที่คนอื่นไม่ได้ การแก้ที่ตัวเองนั้นง่ายที่สุด การพัฒนาตัวเองในทุก ๆ วันเพื่อทำให้ตัวเองแซงหน้าคนอื่น" 

"มันจึงเป็นเรื่องปกติของเด็ก ๆ ชาวอาร์เจนไตน์ที่อยากจะเป็นนักเตะอาชีพ ... มันสอนให้คุณรู้ทันทีว่า ชีวิตที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น คุณไม่สามารถเกียจคร้าน แต่คุณต้องพากเพียร และเสียสละตัวเองเพื่อทำให้งานหนักกว่าคนอื่น ๆ" เลาตาโร่ กล่าวย้อนความ

การเดินทางของเขาเต็มไปด้วยความท้าทายทั้งในอาชีพและการใช้ชีวิต เขาเปลี่ยนผ่านจากนักเตะท้องถิ่นที่มีพรสวรรค์ กลายเป็นนักเตะดาวรุ่งระดับแถวหน้าของประเทศ จากที่เคยแข่งกับเด็กบ้าน ๆ ก็ต้องมาวัดกับเด็กจากทั่วประเทศ จนเกือบติดทีมชาติ อาร์เจนตินา ชุดยู 17 ชิงแชมป์โลก ตั้งแต่ตอนที่เขาอายุ 16 ปี ทว่าด้วยความที่ตัวของเขาเล็กเกินไป เขาพลาดโอกาสสำคัญครั้งนั้น 

แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เขาได้สัญญาจาก ราซิ่ง คลับ สโมสรดังในระดับประเทศในปี 2014 และได้เจอกับ ดิเอโก้ เลาตาโร่ โค้ชของทีมที่ถือว่าเป็นคนสอนทักษะและแท็คติกเชิงลึกให้กับเขา และคะยั้นคะยอให้เขาเริ่มเล่นเวทเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกายในส่วนต่าง ๆ เพราะมองว่าจุดนี้จะกลายเป็นสิ่งที่ทำให้เขาเหนือกว่านักเตะอาร์เจนตินาคนอื่น ๆ จนก่อเกิดสไตล์การเล่นในแบบที่เขาเป็นในทุกวันนี้ และเป็นที่มาของฉายา "เอล โตโร่" หรือ "ไอ้กระทิง" อีกด้วย 

เลาตาโร่ ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมราว ๆ ช่วงอายุ 20 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่เขามีความพร้อมแทบทุกด้านแล้ว ยิงประตูเฉียบขาด ร่างกายฟิตปั๋งเบียดกระแทกไม่ล้มง่าย ๆ คล้ายกับที่ เซร์คิโอ กุน อเกวโร่ เป็น ซึ่งนั่นทำให้ชื่อเสียงของเขาดังขึ้นและมีหลายทีมอยากจะได้ตัวไปร่วมทัพ รวมถึง อินเตอร์ มิลาน ด้วย ซึ่งก่อนที่เขาจะได้ย้ายทีมก็มีดราม่าเกิดขึ้นพอสมควร

 

โดยคู่แข่งในการแย่งลายเซ็นของ เลาตาโร่ ของ อินเตอร์ คือ แอตเลติโก มาดริด และตัวนักเตะเองก็ไม่มีปัญหาที่จะย้ายไปอยู่กับทั้ง 2 ทีม เพราะเป็นทีมที่มีนักเตะอาร์เจนไตน์อยู่หลายคน ซึ่ง ณ ตอนแรก ตราหมี ตกลงราคาและสัญญาส่วนตัวกับ เลาตาโร่ ได้หมดแล้ว ... แต่เจอท่าไม้ตายสุดท้ายของ อินเตอร์ มิลาน ที่ยืนกรานว่าจะมอบข้อเสนอที่มากกว่า แอตฯ มาดริด มอบให้ จากนั้นเกมก็เปลี่ยนทันที เนื่องจาก เลาตาโร่ เองก็อยากจะให้ ราซิ่ง ได้เงินมากที่สุด แถมในช่วงเจรจากันเจ้าตัวเพิ่งยิงแฮตทริกให้ทีมไปหมาด ๆ 

จริง ๆ แล้ว ข้อเสนอ 2 เท่านั้นเป็นการเสนอของฝั่ง ราซิ่ง เอง และ ผอ.กีฬาของ อินเตอร์ ในเวลานั้นอย่าง ดิเอโก้ มิลิโต้ ก็ได้ยืนยันกับ สตีเฟ่น จาง เจ้าของสโมสรว่า เท่าไหร่ก็ต้องจ่าย เขาจะคุ้มค่าทุกราคา และจะกลายเป็นนักเตะระดับโลกในอนาคต ... สุดท้ายจากที่ แอตฯ มาดริด จะได้ตัวไปในราคาราว ๆ 15 ล้ายูโร อินเตอร์ ก็ปิดดีล เลาตาโร่ ด้วยราคา 25 ล้านยูโร เรียกได้ว่านี่คือดีลที่เดิมพันอนาคตของ อินเตอร์ เลยก็ว่าได้ 

 

พัฒนาที่อินเตอร์

เลาตาโร่ มาที่ อินเตอร์ ในฤดูกาล 2018-19 โดยรับบทบาทเป็นตัวสำรองของรุ่นพี่ร่วมชาติอย่าง เมาโร อิคาร์ดี้ ซึ่งสวมปลอกแขนกัปตันทีม และเป็นนักเตะซีเนียร์ที่บ่อยครั้งมักจะทำตัวใหญ่เหนือสโมสร

และข้อนี้กลายเป็นข้อดี ที่ทำให้โอกาสของ เลาตาโร่ มาเร็วกว่าที่คิด เพราะหลังจบฤดูกาล 2018-19 ที่ อิคาร์ดี้ ที่ยิงได้ 17 ประตู (ในลีก 11 ลูก) ซึ่งสถิติดังกล่าวถือว่าน้อยที่สุดในรอบ 5 ปีหลังสุดที่เขาเล่นให้กับทีมงูใหญ่ 

แน่นอนว่าจากที่เคยถือไพ่เหนือกว่าสโมสรมาโดยตลอด การที่เริ่มเข้าสู่ขาลง ประกอบกับค่าจ้างแพง ข้อเรียกร้องสูง ทำให้ อินเตอร์ ได้โอกาสปล่อย อิคาร์ดี้ ออกจากทีมเมื่อซีซั่นจบลง พร้อมกับการมาของกุนซือที่เฮี้ยบเรื่องวินัยที่สุดอย่าง อันโตนิโอ คอนเต้ 

คอนเต้ เข้ามาและเลือกใช้งาน เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ผู้มาใหม่หลังจากลงเล่นปีแรกไป 35 นัดและยิงไป 9 ลูก ขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีม พร้อมด้วยการเสริมทัพด้วยการยืมตัว โรเมลู ลูกากู มาจาก เชลซี และภายใต้ระบบการเล่น 3-5-2 ที่ เลาตาโร่ เป็นกองหน้าคู่กับ ลูกากู แบบสลับกันขึ้น-ลง ตามจังหวะเกม ความน่ากลัวที่แท้จริงของ เลาตาโร่ ก็เริ่มขึ้น

"อันโตนิโอ คอนเต้ เป็นโค้ชที่เคร่งครัดมาก และนี่เป็นสิ่งสำคัญมากเพราะจะช่วยยกระดับผู้เล่นทุกคน งานของเขาครอบคลุม และเขาใส่ใจทุกรายละเอียด ตั้งแต่ด้านร่างกายไปจนถึงด้านโภชนาการ เรากำลังเติบโตขึ้น เรากำลังปรับปรุงจากเกมหนึ่งไปสู่อีกเกมหนึ่ง และคอนเต้ก็ชัดเจนมากในสิ่งที่เขาต้องการจากเรา" 

คู่หู เลาตาโร่-ลูกากู สลับกันจ่าย สลับกันยิง พร้อมทั้งยังมีตัวแบ็กอัพชั้นดีอย่าง เอดิน เชโก้ แนวรุกของ อินเตอร์ ณ นาทีนั้นจึงสามารถใช้คำว่า "ใครก็ได้" พวกเขาเริ่มก้าวขึ้นมาเป็นทีมระดับสูงสุดของ เซเรีย อา อีกครั้ง รวมถึงการควาแชมป์ลีก ในฤดูกาล 2020-21 โดยที่ เลาตาโร่ ยิงไป 19 ประตูรวมทุกรายการในซีซั่นที่ทีมเป็นแชมป์

แม้ อินเตอร์ จะตั้งทรงได้ แต่โค้ชอย่าง คอนเต้ ก็ลาออกเพราะมีปัญหากับบอร์ดบริหาร และเป็นกุนซือคนใหม่อย่าง ซิโมเน่ อินซากี้ จาก ลาซิโอ เข้ามาแทน ... แม้ทั้ง 2 คนจะเล่นด้วยระบบการเล่น 3-5-2 เหมือนกัน แต่การมาของ อินซากี้ ก็ช่วยทำให้ เลาตาโร่ พัฒนาตัวเองไปอีกขั้น วัดจากประตูที่เขายิงเยอะขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะใน 3 ซีซั่นหลัง ที่เขาได้เปลี่ยนคู่หูในแนวรุกจาก ลูกากู มาเป็น มาร์คุส ตูราม  

"ผมเรียนรู้อะไรมากมายจาก คอนเต้ แต่การทำงานกับ อินซากี้ ทำให้ผมเติบโตขึ้นมาอีกระดับ เขาเป็นอดีตกองหน้า เขารู้วิธีจะทำอย่างไรให้นักเตะในตำแหน่งอย่างผมมีความสุขในการเล่น นอกจากนี้เขายังเป็นคนที่มีแนวคิดเหมือนกับตัวเองเป็นนักเตะ จึงทำให้เราปรับเข้าหากันง่ายขึ้น และมันเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ผมยิงประตูเยอะมากขึ้นกว่าทุก ๆ ซีซั่นด้วย" เลาตาโร่ กล่าว 

หลังจากพยาายามก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะแถวหน้าของ เซเรีย อา ได้สำเร็จ เลาตาโร่ ก็ถูกเรียกติดทีมชาติอาร์เจนตินาชุดใหญ่ในศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่เป็นฟุตบอลโลกครั้งแรกของเขา ... และถึงแม้ว่าตอนจบของทีมชาติอาร์เจนตินาจะสวยหรู แต่ตัวของ เลาตาโร่ นั้นอาจจะแตกต่างออกไป 

 

จอมหมูหก ... ที่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง

ฟอร์มอันร้องแรงกับ อินเตอร์ ทำให้ ลิโอเนล สคาโลนี่ กุนซืออาร์เจนตินา วางตัวเขาไว้เป็นกองหน้าเบอร์ 1 ในฟุตบอลโลก ทว่าเขาก็ได้ลงเล่นเป็น 11 ตัวจริงแค่เกมเดียวเท่านั้น นั่นคือเกมที่ล็อกถล่ม แพ้ ซาอุดีอาระเบีย ไป 1-2 โดยที่เขายิงเข้าประตูแต่โดนจับล้ำหน้าไป 1 ครั้ง หลังจากนั้น เขาก็เสียตำแหน่ง 11 ตัวจริงให้ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ โดยที่เขาไม่เคยได้กลับมาออกสตาร์ทเป็น 11 ตัวจริงอีกเลย

ตัวของ เลาตาโร่ ยังมีภาพจำเพิ่มขึ้นในการได้เป็นตัวสำรอง เพราะเวลาที่เขาเปลี่ยนลงมา ทีมมักจะเปลี่ยนวิธีการเล่นทำให้ทีมได้บุกน้อยกว่าปกติ อีกทั้งตัวของเขายังมีจังหวะหลุดเดี่ยวยิงพลาด โหม่งจ่อ ๆ ออกข้าง หรือจังหวะลักษณะนี้ให้เห็นบ่อย ๆ นั่นทำให้เจ้าตัวถูกจำว่าเป็นเหมือน "แกะดำ" ของ อาร์เจนตินา ชุดนั้น และโดนแซวอยู่บ่อย ๆ  แม้ทีมจะได้แชมป์โลก แต่เขาค่อนข้างผิดหวังในตัวเอง

นี่ไม่ใช่เรื่องที่เราคิดไปเอง เพราะหลังฟุตบอลโลก 2022 จบลง เลาตาโร่ ก็ไม่ได้พักต่อตามกำหนด เขาเลือกที่จะกลับมาซ้อมทันที โดยเจ้าตัวได้หอบเอาความผิดหวังจากฟุตบอลโลกมาต่อยอด การซ้อมช่วงที่คนอื่นไม่ได้ซ้อมทำให้เขามีร่างกายและความฟิตที่เข้าที่ หุ่นของเขาหนาขึ้นชัดเจน สามารถทนแรงปะทะที่เป็นจุดอ่อนก่อนหน้านี้ เมื่อประกอบกับการฝึกภาคกรีฑา เราจึงได้เห็น เลาตาโร่ ที่เร็วขึ้น ทรหดขึ้น และมีประสิทธิภาพในเกมโต้กลับยิ่งขึ้นในฐานะหอกตัวเป้า โดยมี ตูราม คอยเป็นคู่หูที่เสริมส่งกันเป็นอย่างดี 

"การได้เล่นเคียงข้าง เลาตาโร่ นั้นเป็นเรื่องง่าย เพราะผมกับเขารู้ใจกันดี เรารู้ว่าเรามีลักษณะเฉพาะพิเศษอะไรบ้าง และเราสามารถเอาสิ่งที่เรามีมาทำอะไรเพื่อทีมได้บ้าง ... คุณสามารถมองหา และไว้ใจเขาได้ เพราะนี่คือหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดในโลก" ตูราม ว่าถึงคู่หูของเขาหลัง ฟุตบอลโลก 2022 จบลง 

ว่ากันว่าไม่ใช่แค่เกมในสนามเท่านั้นที่ดีขึ้น เลาตาโร่ กลายเป็นกัปตันทีมและมีออร่าความเป็นผู้นำในห้องแต่งตัว โดยมีรายงานว่าเจ้าตัวมักอยู่ในส่วนสำคัญ ๆ ในการพูดคุยและปรึกษาระหว่าง นักเตะ สตาฟฟ์โค้ช และ บอร์ดบริหาร ซึ่งเป็นหน้าที่ที่เขาได้เป็นอย่างดี และทำให้ทีมมีความเป็นยูนิตี้ หรือมีความสามัคคีเป็นกลุ่มก้อนกันอย่างเหนียวแน่น ไม่มีใครแปลกแยกและคิดว่าตัวเองใหญ่กว่าทีมในทีมชุดนี้ 

หลังฟุตบอลโลกจบ เลาตาโร่ ยิงไป 28 ลูกในซีซั่น 2022-23 ต่อด้วยอีก 27 ลูกในซีซั่น 2023-24 นอกจากนี้ฟอร์มในระดับทีมชาติก็ดีขึ้นมามาก ๆ ด้วยการเป็นดาวซัลโวในรายการ โคปา อเมริกา เมื่อปี 2024 ที่ผ่านมา และถึงแม้ว่าหลายคนอาจจะจำภาพเก่าของเขาในฐานะจอมพลาดในฟุตบอลโลก 2022 เจ้าตัวก็ยืนยันว่าเขาเข้าใจกับสถานะของตัวเอง พร้อมคิดว่าสักวันหนึ่ง สิ่งที่เขาเป็นอยู่ในทุกวันนี้จะล้นออกมาจนผู้คนทั่วไปสามารถเห็น และให้การยอมรับในตัวของเขาได้มากกว่าที่เป็นอยู่ 

"มันมีหลายแง่มุม แต่ผมเชื่อว่า ณ ตอนนี้ผมมีปีที่สำคัญในอาชีพของตัวเองมากขึ้น ไม่ใช่แค่เพราะผมเป็นดาวซัลโวของ เซเรีย อา หรือ โคปา อเมริกา เท่านั้น แต่ผมคิดว่าตัวเองเติบโตมาก ๆ ในแง่ของวิธีการเล่นของตัวเองด้วย"

"ส่วนเรื่องการถูกมองข้ามนั้น ผมมองว่าผมปฏิเสธสิ่งนี้ไม่ได้ บางทีมันก็แบบนั้นจริง ๆ แต่ไม่เป็นไรหรอก เพราะถ้วยรางวัลในรูปแบบของทีมกับถ้วยรางวัลส่วนตัวน้ำหนักมันต่างกันเสมอ และผมรู้ดีว่าสิ่งสำคัญที่สุดคืออะไร" เลาตาโร่ กล่าวทิ้งท้าย และความจริงก็เป็นเช่นนั้น เพราะตัวเขากำลังพา อินเตอร์ คั่วแชมป์ เซเรีย อา และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อยู่ในเวลานี้ 

 

แหล่งอ้างอิง

https://en.wikipedia.org/wiki/Lautaro_Mart%C3%ADnez
https://www.getfootballnewsitaly.com/2024/lautaro-martinez-among-the-worlds-elite-strikers/
https://www.forbes.com/sites/emmetgates/2024/01/31/inters-lautaro-martinez-finally-morphing-into-a-world-class-talent/
https://sempreinter.com/2024/02/19/inter-milan-marcus-thuram-lautaro-martinez-the-best-striker-in-the-world/
https://www.fifa.com/en/tournaments/mens/club-world-cup/usa-2025/articles/lautaro-martinez-interview
https://onefootball.com/en/news/inter-forward-lautaro-martinez-antonio-conte-takes-care-of-every-detail-27601617
https://football-italia.net/lautaro-martinez-ballon-d-or-inzaghi-conte/

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ