Feature

เจาะลึกถึงกึ๋น : ทำไม โม ซาลาห์ จึงชอบยิง แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นพิเศษ ? | Main Stand

ท่าดีใจชูนิ้วขึ้นฟ้าของ โม ซาลาห์ เป็นภาพชินตาไปเสียแล้ว โดยเฉพาะในเกมที่ ลิเวอร์พูล เจอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่เหลือบไปบนสกอร์บอร์ดก็มีชื่อของเขาเป็นประจำ 

 

คำถามคือ ทำไม แมนฯ ยูไนเต็ด จึงเป็นของโปรดสำหรับ ซาลาห์ ที่เจอเมื่อไหร่ก็ยิงเมื่อนั้น ? ... เราจะเจาะลึกเข้าไปทั้งจากแท็คติก เทคนิค และปากคำคนใกล้ตัวของนักเตะเอง  

คำตอบที่ได้เป็นอย่างไร ? ติดตามที่ Main Stand 

 

บอลมันเข้าทาง

โม ซาลาห์ คือนักเตะที่ยิงประตูใส่ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมลีกได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ นับตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล ในปี 2017 ซาลาห์ ลงสนามเจอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ไป 16 ครั้ง และเขายิงไปถึง 15 ประตู นอกจากนี้ยังทำไปอีกถึง 6 แอสซิสต์ ... ไม่มีนักเตะคนไหนในลีกอังกฤษอีกแล้วที่เป็นหนามยอกอกแฟนบอลปีศาจแดงได้เท่าราชาแห่งอียิปต์คนนี้

และแน่นอนว่าทุกอย่างล้วนมีเหตุผลที่ทำให้มันเป็นเช่นนั้น เรื่องของ ซาลาห์ และ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เช่นกัน ประการแรก เราจะเริ่มกันที่เรื่องที่จับต้องได้ง่ายที่สุดก็คือ "ไทมิ่ง" ระหว่าง แมนฯ ยูไนเต็ด และ ซาลาห์ ตอนที่เล่นให้ ลิเวอร์พูล มันเป็นจุดตัดที่ชัดเจน ทีมหนึ่งกำลังลงต่ำดำดิ่งแบบไร้จุดจบ ขณะที่อีกทีมหนึ่งได้โค้ชใหม่เข้ามาสร้างทีมที่มีคุณลักษณะของ "แชมเปี้ยน" นั่นคือ เยอร์เก้น คล็อปป์

ในช่วงเวลาดังกล่าว แมนฯ ยูไนเต็ด มีความล้มเหลวแทบทั้งองคาพยพ ตั้งแต่หลังบ้านไปจนถึงเรื่องของรูปแบบการเล่น และผลลัพธ์ในสนาม ซึ่งมันไม่แปลกเลยที่ฟุตบอลสไตล์เดินหน้าฆ่ามัน ยิงได้แล้ว ต้องยิงอีก บี้เขาได้แล้ว ก็ต้องบี้ไปอีกจนจบเกมตามสไตล์ เกเก้นเพรสซิ่ง 

เราแทบไม่ต้องยกสถิติมาอ้างเลยก็ได้ แต่หากคุณลองนึกภาพ แมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา พวกเขากลายเป็นทีมที่มีจุดอ่อนเรื่องการต่อบอลที่ไม่แม่นยำ การครอบครองบอลที่เสียง่าย ความสมัครสมานสามัคคีในการช่วยขยับไปพื้นที่ว่างเพื่อให้เพื่อนเล่นง่าย และแน่นอน รวมไปถึงการรวมใจกันวิ่งไล่เพรสซิ่งแบบพร้อมเพรียงเป็นระเบียบตามที่ซ้อมกันมา ซึ่งเป็นหัวใจของฟุตบอลยุคใหม่ 

ยุค มูรินโญ่ เป็นแบบนั้น ... ยุค โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เป็นแบบนั้น ... ยุค ราล์ฟ รังนิก เป็นแบบนั้น ... ยุค เอริค เทน ฮาก เป็นแบบนั้น ... แม้กระทั่งยุคของ รูเบน อโมริม ในเวลานี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่า ปัญหาเสียบอลง่าย และการขาดศิลปะในการแย่งบอลได้ถูกแก้ไขให้ดีขึ้น 

ตัดภาพกลับมาที่ ลิเวอร์พูล และ ซาลาห์ ... ฟุตบอลในยุคของ คล็อปป์ จะอาศัยความผิดพลาดในแดนกลางหรือแนวรับคู่แข่ง รุมแย่งมาให้ได้ และจากนั้นจะเปลี่ยนจากรับเป็นรุกอย่างรวดเร็ว โจมตีคู่แข่งที่กำลังเตรียมจะขึ้นเกมรุกและเปิดพื้นที่หลังบ้านว่างโดยไม่ทันตั้งตัว ซึ่งตัวจบของพวกเขาคือ "นักฆ่าหมายเลข 1" อย่าง โม ซาลาห์ ที่มีโอกาสแล้วแทบไม่เคยพลาด 

ยูไนเต็ด หละหลวมในแนวรับและในแดนกลาง จนเป็นการแพ้สงครามกลางสนามที่เป็นหัวใจของเกมฟุตบอล นั่นทำให้พวกเขามักจะถูก ลิเวอร์พูล กดจนโงหัวไม่ขึ้น และการโจมตีจากรอบทิศทาง ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า แบบไม่ทันให้กองหลังได้พักหายใจ สุดท้ายก็กลายเป็นความผิดพลาด และสร้างโอกาสให้ตัวจบอย่าง ซาลาห์ ที่ถึงกับบอกว่า การเล่นกับ ยูไนเต็ด นั้นเป็นอะไรที่ง่ายดาย

ในฤดูกาล 2021-22 ที่ ซาลาห์ พา ลิเวอร์พูล เปิดบ้าน แอนฟิลด์ ชนะ ยูไนเต็ด ไป 4-0 และเขายิงคนเดียวไป 2 ประตู เจ้าตัวให้สัมภาษณ์หลังเกมว่า 

"พวกเขา (แมนฯ ยูไนเต็ด) ทำให้พวกเราเล่นได้ง่ายขึ้นเยอะ โดยเฉพาะในแดนกลางและแดนหลัง"

ซาลาห์กล่าวเอาไว้แบบยังพอถนอมน้ำใจทีมคู่ปรับ แต่เราก็สามารถตีความได้ว่าเมื่อเขาบอกว่า กองกลางและกองหลังของ ลิเวอร์พูล เล่นง่าย มันก็เท่ากับว่า พวกเขาสามารถเปิดเกมรุกได้เต็มสูบโดยไม่ต้องกังวลเกมรับ ซึ่งปลายทางของเกมรุกก็คือการมีโอกาสยิงประตูที่มากขึ้นสำหรับตัวรุกอย่าง ซาลาห์ 

และนี่ไม่ใช่ครั้งเดียวที่ ซาลาห์ ให้สัมภาษณ์ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เองต่างหากที่ทำให้เกมของ ลิเวอร์พูล เล่นได้ง่ายกว่าปกติ เพราะในเดือนกันยายน 2024 ที่ผ่านมา ที่ อาร์เน่อ ชล็อต พาทีมบุกไปยำใหญ่ถึง โอลด์ แทรฟฟอร์ด 3-0 ซาลาห์ ก็ให้สัมภาษณ์ในทางเดียวกันว่า

"ผู้จัดการทีมชอบให้พวกเราขึ้นไปไล่กดดันสูง และพวกเขาก็สร้างข้อผิดพลาด 2-3 ครั้งซึ่งเราฉวยโอกาสได้ นั่นเป็นส่วนหนึ่งของแผนที่เราเตรียมมา ... ผมเห็นด้วยกับคุณ (ว่ามันง่าย) ผมแปลกใจนิดหน่อย และถ้าเราคม ๆ กว่านี้เกมอาจจะจบลงที่ 5-6 ลูก" 

แม้จะเจ็บจี๊ดในใจหากคุณเป็นแฟนบอลปีศาจแดงและได้ยินคำสัมภาษณ์นี้ อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาอย่างใจเป็นกลาง คุณก็จะเข้าใจและเห็นภาพที่ ซาลาห์ พยายามจะสื่อว่ามันไม่ได้เกินเลยความจริงไปแต่อย่างใด ... ในขณะที่ ปีศาจแดง เดินทางสู่ขาลง ซาลาห์ กลายเป็นมือสังหารของทีมขาขึ้น  ดังนั้นเมื่อเจอกัน เราจึงได้เห็นภาพเดิม ๆ บ่อยครั้งดังที่กล่าวมา 

 

Big Game Player 

อันที่จริง ซาลาห์ เองก็ไม่ได้ยิงแค่ แมนฯ ยูไนเต็ด เยอะแค่ทีมเดียว แต่ปีศาจแดง เป็นแค่เหยื่อหมายเลข 1 เท่านั้น เมื่อเราเปิดดูสถิติการยิงประตูของ ซาลาห์ ในการเจอกับทีมใดทีมหนึ่งมากที่สุด 5 อันดับแรก เราพบว่ามีทีมใหญ่ถึง 4 ทีมได้แก่ ยูไนเต็ด, ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ (อันดับ 2), แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (อันดับ 4) และ อาร์เซน่อล อันดับ 5 โดยมี เวสต์แฮม สอดแทรกเข้ามาเป็นอันดับ 3 

เราจะเห็นได้ว่า ซาลาห์ เป็นนักเตะที่จะปรากฏตัวเสมอเวลาทีมต้องการเขา โดยเฉพาะในเกมใหญ่ที่คนอื่น ๆ อาจจะตื่น เกร็ง และยิงประตูพลาด แต่สำหรับ ซาลาห์ ความนิ่งและเฉียบขาดคือสิ่งที่เขาเหนือกว่านักเตะแนวรุกในทีมทุกคน ... ไม่แน่ตอนนี้อาจจะรวมถึงทั้งพรีเมียร์ลีกก็ได้

เยอร์เก้น คล็อปป์ เคยพูดไว้ในปี 2023 ก่อนเขาจะลาออกว่า นักเตะอย่าง ซาลาห์ ในบางครั้งก็เหมือนกับนักเตะในทีมคนอื่น ๆ ที่พยายามหาโอกาสยิงและพลาดไปบ้าง ทว่าสิ่งที่ ซาลาห์ มีเป็นคุณสมบัติพิเศษคือ การสร้างความสงบในใจ การไม่ตื่นตูม วิตกกังวลจนเกินไป ดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่สำคัญ กับโอกาสที่ต้องไม่พลาด ซาลาห์ มักจะเป็นคนที่จบสกอร์ในแบบที่ทีมต้องการได้

"โม ก็เหมือนกับคนอื่น ๆ ที่บางครั้งอาจจะรีบเร่งจนทำได้ไม่ดีแบบที่ควรจะเป็น แต่ความยอดเยี่ยมคือ เขาเป็นคนใจเย็นในช่วงเวลาสำคัญ นั่นทำให้เขาเป็นคนที่ทีมมองหาเวลาคับขัน ในสถานการณ์ที่ต้องการประตูที่สุด" คล็อปป์ ว่าแบบนั้น 

เบื้องหลังความใจเย็นของ ซาลาห์ ได้รับการเปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้โดยเพื่อนร่วมทีมอย่าง แอนดี้ โรเบิร์ตสัน แบ็กซ้ายของทีมที่บอกว่า ทุกครั้งก่อนที่เกมใหญ่เกมสำคัญจะมาถึง ซาลาห์ รู้ดีว่าตัวเองจะต้องเจอกับอะไร และจะทำการบ้านมาก่อนแข่งขัน เพื่อให้คุณภาพการเล่นของตัวเองยกไปอีกระดับหนึ่ง เพราะเขารู้แน่ว่าในเกมใหญ่ ๆ เขาจะมีพื้นที่เล่นน้อย และโดนจับตายจากคู่แข่ง ดังนั้นถ้าเขาไม่เตรียมตัวมาให้ดี เขาก็อาจจะหายจากเกมไป และนั่นจะส่งผลต่อทีมอย่างมากเมื่อคนที่เล่นเกมใหญ่ดีอย่าง ซาลาห์ เล่นไม่ออก 

"โม เป็นคนที่รู้ว่าเขากำลังจะเจอกับอะไร แม้แต่เรื่องร่างกายของเขา เขาก็พยายามทำให้มันแข็งแรงขึ้นและเหมาะสมขึ้นตามอายุ ผมไม่แปลกใจหรอกที่เขาจะเป็นนักเตะคนสำคัญของเราเสมอเมื่อเกมบิ๊กแมตช์มาถึง ไม่ยิงประตูก็แอสซิสต์ นั่นคือสิ่งที่เราคาดหวังจากเขาได้"

"ทันทีที่ โม ก้าวผ่านประตูสู่สนาม เขาก็จะทำให้แอนฟิลด์ หรือสนามอื่น ๆ ลุกเป็นไฟ ... ผู้เล่นทีมอื่นพยายามจะหยุดเขาเป็นเป้าหมายแรก แต่ โม รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เกมใหญ่มาถึง เขาจะรีบสร้างมาตรฐานขึ้นไปยังอีกระดับ เขาเป็นมืออาชีพของแท้ โม ซาลาห์ คือตัวอย่างของทุก ๆ คนได้แน่นอน เขาเป็นคนแบบนั้น เป็นคนที่เกิดมาเพื่ออุทิศชีวิตให้ฟุตบอล" 

ดังนั้นในขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด รู้ทั้งรู้ว่าพวกเขาจะต้องหยุด ซาลาห์ ให้ได้ในทุกครั้งที่เจอกัน โดยในการเจอกันครั้งแรก ๆ ซาลาห์ เองก็เคยโดนวลี "เก็บใส่กระเป๋า" (Had Mo Salah in his pocket) จนมีการทำรูปล้อเช่นกัน เช่นในตอนที่เขาโดน ลุค ชอว์ หรือ แอชลี่ย์ ยัง ประกบจนเล่นไม่ออกยิงไม่ได้ แต่หลังจากนั้นไม่นานนัก เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง ซาลาห์ ก็ยกระดับตัวเองไปอีกขั้น และกลายเป็นของแสลงของปีศาจแดงเรื่อยมาจนถึงวันนี้ 

 

อายุยิ่งเยอะ … ยิ่งบวกเพิ่ม

โม ซาลาห์ ในตอนที่ย้ายมาใหม่ ๆ อาจจะเป็นปีกสายกระชากวิ่งปรู๊ดเดียวจากปากประตูตัวเองไปหน้าประตูคู่แข่งได้ภายในเวลาไม่กี่วินาทีเท่านั่น นั่นคือความอันตรายของเขาในวัยหนุ่ม ... ทว่าในตอนนี้ ณ วัย 32 ย่าง 33 ปี ซาลาห์ เองก็รับมือกับกับเรื่องของวิธีการเล่นให้เหมาะสมกับอายุได้เป็นอย่างดี 

แบบที่ โรเบิร์ตสัน บอก ซาลาห์ พยายามทำร่างกายให้เหมาะสมตามวัย จุดไหนที่ควรแข็งแกร่ง แข็งแรงเป็นพิเศษ เขาก็จะเข้ายิมทำงานหนักเพื่อพัฒนาจุดนั้น นั่นทำให้ร่างกายของเขายังทานทนเกมหนัก ๆ โดยไม่เจ็บยาว ๆ ได้แม้อายุจะไม่น้อยแล้วก็ตาม

ขณะที่ แอนดี้ โคล ก็เคยตั้งข้อสังเกตถึง ซาลาห์ ว่า เป็นนักเตะที่เครื่องติดไวตั้งแต่ต้นซีซั่น เหมือนกับว่าเป็นคนที่ทำร่างกายมาพร้อมแล้วสำหรับวิธีการเล่นในแต่ละปี กับบทบาทที่เจ้าตัวได้รับแตกต่างกันไป 

"ซาลาห์ โคตรฟิต ผมไม่แน่ใจว่ามันผ่านมาแล้วกี่ปี แต่เขาเหมือนเครื่องจักรที่เมื่อซัมเมอร์เริ่มขึ้น เขาจะกลับมายังสโมสรด้วยรูปร่างผอมเพรียวและฟิตกว่าเดิม มันเป็เครดิตที่เราต้องยกให้เขาแล้วล่ะ" โคล ว่าแบบนั้น 

เหนือสิ่งอื่นใด คือการปรับสไตล์การเล่น จากเดิมที่เคยเป็นสายกระชาก ตอนนี้ ซาลาห์ เริ่มมีความคล้าย คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในช่วงที่เล่นในกับ เรอัล มาดริด ช่วงตอนปลาย กล่าวคือแม้จะยืนริมเส้นตามตำแหน่ง แต่เขาจะไม่ได้ครองบอลมาก หรือเลี้ยงบอลเยอะพร่ำเพรื่ออีกต่อไปแล้ว 

ซาลาห์ ใช้การอ่านจังหวะเกมล่วงหน้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้มาจากประสบการณ์การลงสนามอันโชกโชน ปรับจังหวะการเล่นให้เรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตอนนี้เขาเป็นตัวที่สอดเข้ามาในกรอบเขตโทษอย่างถูกที่ถูกเวลา และเมื่อบอลอยู่ที่เท้าของของเขา สายตาของ ซาลาห์ จะมองหาเพื่อนที่วิ่งทำทางและจ่ายออกไปอย่างแม่นยำ  เรียกได้ว่าการจ่ายบอลของเขาสามารถสร้างโอกาสเกมบุกให้ทีมได้ถึง 100 ครั้งในซีซั่นนี้ มากกว่านักเตะทุกคนในทีม 

เรื่องของ ซาลาห์ สำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในตอนนี้ จึงเป็นเหมือนกับว่า เวลาที่พวกเขาพยามปิดตาย ซาลาห์ ก็กลายเป็นการเปิดช่องว่างให้ผู้เล่นคนอื่นได้มีพื้นที่เล่นมากขึ้น และเช่นเดียวกัน เมื่อพวกเขาละสายตาจาก ซาลาห์ บอลจากเท้าของเขาเพียงครั้งเดียว หรือการขยับเข้าไปอยู่ในตำแหน่งว่าง ๆ เพียงครั้งเดียว ก็ลงโทษ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้เป็นประจำ ... ไม่เชื่อคุณลองไปดูประตูที่ ซาลาห์ ยิง ยูไนเต็ด ในช่วงหลังก็ได้ การกระชากผ่าน 3-4 คนแทบไม่มีแล้ว มีแต่การยิงแบบ "เบสิค" แต่เป็นการยิงเบสิคแบบมีประสิทธิภาพ ลูกที่ต้องเข้า เขาจัดให้ได้ ไม่พลาดง่าย ๆ 

เหนือไปกว่านั้น ในจังหวะที่กองหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด โกลาหลกับการสกัดกั้นเกมบุกของ ลิเวอร์พูล ที่มาจากทุกทิศทุกทาง บ่อยครั้งความผิดพลาดส่วนบุคคลก็นำมาซึ่งการทำฟาวล์และเสียจุดโทษ ซึ่งแม้ตัวของ ซาลาห์ อาจจะไม่ใช่คนที่ไม่เคยยิงพลาด แต่อย่างที่บอก ... ถ้าในเกมสำคัญ เกมใหญ่ ลูกใจเย็นและความนิ่งจากการยิงจุดโทษของเขาไว้ใจได้เสมอ และ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เสียจุดโทษให้ ซาลาห์ ลงโทษมากมายนับครั้งไม่ถ้วน 

นี่คือความยอดเยี่ยมของราชาแห่งอียิปต์ ที่เขาสามารถยิงคู่แข่งได้ราวกับเป็นของง่าย ทางเดียวที่ ยูไนเต็ด จะป้องกันไม่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้นง่าย ๆ ก็คือการเล่นเกมรับแบบมีสมาธิ แดนกลางเคลื่อนเกมได้ ขยันไล่ฟุตบอล และแย่งบอลกลับมาครองให้ได้มากที่สุด ... ซึ่งทั้งหมดนี้อาศัยความเป็นทีมเวิร์กสูงมาก จนเราเองก็ไม่แน่ใจว่า ยูไนเต็ด ในเวลานี้มีสิ่งนั้นมากพอที่จะปิดตายนักเตะอย่าง ซาลาห์ ให้ออกจากเกมได้หรือไม่

แดงเดือดครั้งต่อไปกำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่อึดใจ ยูไนเต็ด จะเรียนรู้ความผิดพลาด หรือ ซาลาห์ จะยกระดับหนีไปอีกขั้นและย้ำรอยเก่า ?  อีกไม่นานคุณจะได้เห็นด้วยตาโดยไม่ต้องเดาแน่นอน 

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.tribalfootball.com/article/soccer-premier-league-liverpool-ace-salah-man-utd-were-easy-it-s-could-ve-been-six-b7a3d5de-a15a-411d-a3a3-a25d3e792e66
https://learning.coachesvoice.com/cv/mo-salah-liverpool-sadio-mane-roberto-firmino/
https://theanalyst.com/2024/09/mohamed-salah-record-against-man-utd
https://www.premierleague.com/news/4105038
https://www.empireofthekop.com/2024/09/01/robertson-praise-premier-league-legend-salah/
https://tribuna.com/en/news/liverpoolfc-2022-02-02-one-key-stat-shows-mo-salah-might-be-best-biggame-player-in-premier-league-era/
https://www.premierleague.com/news/4212831

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ