Feature

หลุยส์ ซัวเรซ On Fire : ย้อนรอยดีลเดือดมกราคมที่สะเทือนพรีเมียร์ลีกได้ในทันที | Main Stand

ตลาดหน้าหนาวกำลังจะกลับมาเขย่าฟีดแฟนบอลอีกครั้ง และเราจะขอย้อนกลับไปดู 1 ในดีลที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดตลอดกาล 

 

เมื่อ ลิเวอร์พูล กำลังควานหาตัวแทนของ เฟร์นานโด ตอร์เรส ได้เจอกับของดีที่อาจจะเดือดยิ่งกว่าอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ … เบื้องหลังดีลสุดคุ้มนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร และทำไม ซัวเรซ จึงโหดตั้งแต่ติดเครื่อง ไม่ต้องปรับตัว ?

ติดตามเรื่องราวกับ Main Stand

 

ปฏิบัติการล่า ซัวเรซ

พวกเราต่างรู้กันดีว่า เฟร์นานโด ตอร์เรส ฝากผลงานสุดยอดไว้แค่ไหนในตอนที่เขาย้ายจาก แอตเลติโก มาดริด มาอยู่กับ ลิเวอร์พูล

กองหน้าที่มีความเป็นเบอร์ 9 แท้ ๆ ตอบโจทย์ทุกประการ แข็งแรง รวดเร็ว เบสิคทักษะในการยิงประตูเฉียบคม ชงเอง-กินเองได้ หรือแม้กระทั่งให้เล่นแบบรอยิงในกรอบก็ไม่ใช่ปัญหา 

คุณสมบัติทั้งหมดนี้อาจจะดูเหมือนเว่อร์ แต่ถ้าคุณได้เห็นเขาเล่น เราเชื่อมั่นเหลือเกินว่าคุณจะเข้าใจสิ่งที่เราอธิบายมาทั้งหมด และไม่ต้องแปลกใจเลยว่าด้วยสิ่งที่กล่าวมา ตอร์เรส จึงเป็นนักเตะที่ถูกฝากความหวังไว้ในการจบสกอร์มากที่สุดสำหรับแฟนบอลลิเวอร์พูล

และเมื่อเขาจากไปอยู่กับ เชลซี ด้วยราคา 50 ล้านปอนด์ มันจึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่หงส์แดงต้องหาผู้มาทดแทนความยอดเยี่ยมนี้ ซึ่งอย่างที่เรารู้กัน พวกเขาเอางบ 50 ล้านปอนด์นั้นมาซื้อความเสี่ยงกับนักเตะ 2 คน

คนแรกคือ แอนดี้ แคร์โรลล์ หน้าเป้าสไตล์อังกฤษแท้ ๆ จาก นิวคาสเซิล ในราคาราว 35 ล้านปอนด์ ส่วนอีกคนคือนักเตะชาวอุรุกวัย ในวัยย่าง 24 ปีอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ จาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม

ย้อนกลับไปในปี 2010 ซัวเรซ ได้ฝากผลงานไว้แบบ "จำฝังใจ" ด้วยการเอามือปัดลูกยิงของ อาซาโมอาห์ กียาน ในฟุตบอลโลก รอบ 8 ทีมสุดท้าย ที่แอฟริกาใต้ และหลังจากนั้นไม่กี่เดือน เขาเพิ่งกัด อ็อตมาน บัคคาล ของ พีเอสวี ไปจมเขี้ยว ... เขาถูกตีตราให้เป็นนักเตะ "ขี้โกง" และจะสร้างปัญหาในห้องแต่งตัว แต่นั่นก็ไม่สามารถหยุดความสนใจจาก ลิเวอร์พูล ได้  มันเป็นเพราะอะไร ? 

เรื่องนี้ต้องขอบคุณแมวมองของ ลิเวอร์พูล ในยุคนั้นที่ชื่อว่า สตีฟ ฮิทเช่น โดยสมัยที่ ฮิตเช่น ทำงานกับ ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ช่วงกลางยุค 2000s เขาเคยพยายามผลักดันให้ ดาเนี่ยล โคมอลลี่ ผอ.กีฬาของ สเปอร์ส ซื้อ ซัวเรซ มาตั้งแต่ตอนที่ซัวเรซอายุ 19 ปี และเล่นให้กับ โกรนิงเก้น ในดัตช์ลีกแล้ว ทว่าสุดท้ายสโมสรช้าไป 1 ก้าว และเป็นอาแจ็กซ์ ที่ไวกว่าและคว้าตัว ซัวเรซ ไปได้เมื่อปี 2007 

อย่างไรก็ตาม ฮิทเช่น ตามติด ซัวเรซแบบไม่ปล่อยให้รอดสายตา แม้กระทั่งตอนที่ ซัวเรซ โดนแบน 7 เกมจากการกัดคู่แข่ง (บัคคาล) ฮิทเช่น ถึงขั้นบินไปอัมสเตอร์ดัม เพื่อพูดคุยเรื่องของ ซัวเรซ ผ่านคนรอบตัวเพื่อทำให้แน่ใจว่าลักษณะนิสัยหรือคาแร็คเตอร์นอกสนามของเขาเป็นอย่างไร 

นอกจากนี้ ฮิทเช่น ยังบินไปดู ซัวเรซ ซ้อมด้วยตาตัวเองอยู่หลายหน จนกระทั่งทุกอย่างแน่ชัด เขาก็รายงานให้ต้นสังกัดใหม่อย่าง ลิเวอร์พูล ที่ ฮิทเช่น เริ่มทำงานเมื่อต้นปี 2011 ทราบถึงทัศนคติและความฟิตของซัวเรซระหว่างที่เขาโดนแบน ... และที่สำคัญที่สุดคือการไปอัมสเตอร์ดัมรอบนี้ไม่เสียเปล่า นอกจากที่ ฮิทเช่น จะได้รู้ถึงตัวตนของ ซัวเรซ แล้ว เขายังสืบจนทราบว่า อาแจ็กซ์ พร้อมจะขายซัวเรซ เพื่อทำกำไรตามวิถีสโมสรในเร็ว ๆ นี้

ฮิทเช่น รายงานกลับไปยังสโมสร และยืนยันว่านี่คือโอกาสทองที่ไม่ควรพลาดซ้ำสอง อาแจ็กซ์ อยากขาย นักเตะอยากย้าย และ ลิเวอร์พูล พร้อมแล้วสำหรับดีลนี้ พวกเขารู้ข่าวก่อนใคร สุดท้ายก็กลายเป็นสโมสรแรกที่ยื่นข้อเสนอและเข้าถึงตัวนักเตะ 

เท่านั้นยังไม่พอ เดิร์ก เคาท์ นักเตะหงส์แดงในทีมชุดนั้นก็ช่วยสืบและสอบถามคนในวงการบอลดัตช์บ้านเกิดของเขาเกี่ยวกับ ซัวเรซ เพื่อช่วยคอนเฟิร์มความแน่นอน นอกจากนี้ เคาท์ ยังได้ช่วยให้ดีลนี้ลุล่วงเร็วขึ้น ด้วยการให้ เอเย่นต์ของเขาที่สนิทกับบอร์ดบริหาร อาแจ็กซ์ เข้าไปขอพูดคุยต่อรองราคาของนักเตะ เพราะ ลิเวอร์พูล มีงบประมาณเหลือไม่มากนักสำหรับ ซัวเรซ ... ถ้าราคาไม่ลดลง ดีลนี้อาจจะล่มได้ ซึ่งสุดท้ายเอเย่นต์ของเคาท์ก็ทำงานสำเร็จ โดยที่ไม่มีการคิดเงินกับสโมสรเลยแม้แต่แดงเดียว 

เรียกได้ว่าการปิดดีล ซัวเรซ นั้นคือความพยายามที่หลายฝ่ายร่วมมือกันสุด ๆ เพื่อให้ตัวนักเตะรายนี้มาร่วมทีม จากนั้นก็เป็นช่วงเวลาที่ต้องมาลุ้นกันในฉากต่อไปที่ยากที่สุด และว่ากันด้วยเรื่องผลงานล้วน ๆ 

 

หงส์แดง ยุคโกลาหล 

คุณอย่าได้ลืมเลยเชียวว่า ช่วงเวลาก่อนหน้าคว้าตัว ซัวเรซ ได้ไม่กี่เดือน ลิเวอร์พูล สภาพไม่ต่างกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเวลานี้ ทุกอย่างสับสน โกลาหล ทีมเดินทางสู่ขาลง นักเตะที่ซื้อมาก็เล่นไม่ได้ตามที่คาดหวัง โค้ชเพิ่งเปลี่ยนจากที่ถูกเรียกว่า "ยุคมืด" ในมือของ รอย ฮอดจ์สัน และเปลี่ยนเอา "ข้าเก่าเต่าเลี้ยง" และปูชนียบุคลของสโมสรอย่าง เคนนี่ ดัลกลิช เข้ามาเรียกศรัทธาที่เหลือน้อยลงทุกทีจากแฟนบอล 

ซึ่งตัว ดัลกลิช แม้จะไม่ใช่สุดยอดโค้ชที่เชี่ยวชาญด้านแท็คติก แต่ประสบการณ์ตรงทั้งการเคยเป็นนักเตะระดับท็อป ไปจนถึงกุนซือระดับแชมป์ ดัลกลิช เห็นอะไรบางอย่างในตัวของ ซัวเรซ ในแบบที่เรียกกันว่า "ผีเห็นผี" คนที่เคยเก่งกาจย่อมรู้ว่าคน ๆ นี้มีแววมากน้อยแค่ไหน 

โดยปกติแล้วก่อนที่จะมาเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล หน้าที่ของ ซัวเรซ มักจะเล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวต่ำ โดยจะทำงานร่วมกับกองหน้าตัวเป้าอย่าง คลาส แยน ฮุนเตลาร์ ดาวซัลโวประจำทีมของ อาแจ็กซ์ ... การผสานงานของ ซัวเรซ กับ ฮุนเตลาร์ ทำให้เราพอนึกภาพออกว่าทำไมพวกเขาจึงซื้อ ซัวเรซ มาพร้อมกับ แอนดี้ แคร์โรล 

คนหนึ่งตัวใหญ่แข็งแกร่ง คนหนึ่งตัวเล็กคล่องแคลว คือส่วนผสมคลาสสิกที่เป็นที่นิยมในฟุตบอลยุคก่อนหน้านั้น  หน้าที่ของ ซัวเรซ คือการสร้างเกมรุกแบบชงเองกินเอง รวมถึงการพลิกบอลเพื่อเป็นตัวเปิดจังหวะเล่นเกมรุกให้กับทีม ถ้าซัวเรซ พลิกบอลได้ ทุกคนจะต้องเฮโลกันขึ้นไปเติมเกมบุก เพราะทุกคนเชื่อว่านักเตะคนนี้จะไม่เสียบอลง่าย ๆ พวกเขาเติมขึ้นไปโดยไม่พะวง ทำให้เกมรุกของ อาแจ็กซ์ ในยุคนั้นยิงกันถล่มทลาย และ ซัวเรซ เองก็มีทั้งประตูและแอสซิสต์มากมายก่ายกอง 

อย่างไรก็ตามส่วนผสมคล้าย ๆ กัน แต่ต่างสถานที่มันก็ได้ผลออกมาไม่เวิร์ก ซัวเรซ กับ แอนดี้ แคร์โรลล์ เป็นคู่หูที่แตกต่างกันเกินไป และ คิง เคนนี่ เข้าใจได้ทันทีว่าฟุตบอลในยุค 2010 ที่ว่างสำหรับตำแหน่งกองหน้าอาจจะมีได้แค่คนเดียวเท่านั้นภายใต้แผนยอดฮิตอย่าง 4-2-3-1 หรือ 4-3-3 ดังนั้น ดัลกลิช จึงตัดสินใจเลือกใช้ ซัวเรซ ในตำแหน่งเบอร์ 9 โดยทิ้ง แคร์โรลล์ ไว้ข้างสนาม 

ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่า ลิเวอร์พูล ในตอนนั้นตั้งหลักมาได้ก็เพราะว่านักเตะที่ใครมองว่าวินัยร้ายกาจอย่าง ซัวเรซ ในยุคที่แทบไม่มีใครพึ่งได้ คนที่แบกทีมได้ทันทีคนนี้ ช่วยกระตุ้นหลาย ๆ ภาคส่วนของสโมสร ไล่ตั้งแต่แฟนบอลไปจนถึงผู้บริหาร นั่นเป็นสาเหตุสำคัญที่ว่าทำไมแฟนหงส์แดง ยังคงชื่นชอบและยกเขาเป็นกองหน้าขวัญใจตลอดกาล แม้ว่าเขาจะนำพาเรื่องราวต่าง ๆ ทั้งบวกและลบมาให้กับสโมสรแห่งนี้ 

 

ซัวเรซ อิมแพ็กต์

จากดีลหน้าหนาวที่ว่ากันว่ายากที่จะได้ของดี ซัวเรซ เข้ามาและทำประตูในเกมแรกที่ลงสนามได้ทันที จากนั้นก็อย่างที่พวกเราเห็นว่าเขาเก่งกาจแค่ไหน ทั้งทักษะการเอาตัวรอด การเลี้ยงบอล ความเจ้าเล่ห์แบบนักเตะละติน ไปจนถึงการเล่นคนเดียวที่สามารถเปลี่ยนแปลงผลการแข่งขันได้ แต่เหนือสิ่งอื่นใดสิ่งที่ต้องชมเขาจริง ๆ คืออิมแพ็กต์ในการปลุกให้ทุกคนในสโมสรแห่งนี้ตระหนักรู้ถึงความจริงบางประการ ที่หลายคนรู้แต่อาจจะไม่กล้าพูดออกมา

"ย้อนกลับไปในตอนนี้ ไม่มีใครอยากมาเล่นให้ ลิเวอร์พูล หรอก" ซัวเรซ เปิดใจผ่านการสัมภาษณ์กับ Duda Garbi และพูดถึงสิ่งที่เขาคิดในช่วงเวลาที่เขาเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล

"เพราะงั้นไงเราถึงได้แต่ยืมตัว ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ มาจาก อินเตอร์ มิลาน เรายืม แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ มาจาก เชลซี ก่อนเราจะเซ็นสัญญาเขา พวกเขาทั้งคู่ช่วยเราได้เล็กน้อย แต่พูดตามตรง ผมรู้แก่ใจว่า ไม่มีนักเตะระดับท็อปอยากมาเล่นให้เราในเวลานั้น"

แม้จะขึ้นหัวด้วยสิ่งที่ดูเหมือนการให้ร้าย แต่จากนั้น ซัวเรซ ก็บอกว่าเหตุผลที่เขาเล่นแบบติดไฟให้กับ ลิเวอร์พูล ในทันทีก็เพราะว่าความอ่อนชั้นและการโดนดูถูกจากทีมอื่นนี่แหละ เขาเป็นคนที่คิดสตอรี่อยู่ในหัว และคิดว่าตัวเองจะเป็นผู้พลิกสถานการณ์เลวร้ายของทีมให้กับมาได้ เหมือนกับพล็อตของหนังฮอลลีวูดที่มีทีมกีฬาที่ไม่ได้เรื่องทีมหนึ่ง เปลี่ยนเป็นแชมป์เพราะการมาของผู้เล่นคนเดียว 

"ตอนที่ผมอยู่กับ ลิเวอร์พูล ถึงจะเป็นอย่างที่ผมได้บอกไว้ แต่ผมคิดว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมมาก เราไม่มีนักเตะดาวเด่นมากมายนัก แต่พวกเรารวมกันเป็นหนึ่งได้ เราเป็นทีมที่เล่นในเป็นทีมเสมอ ผมอยากจะเป็นกลไกสำคัญของเรื่องนี้ และถ้าคุณอยากจะเปลี่ยนแปลงที่ที่คุณอยู่ สิ่งที่คุณเป็น คุณต้องเริ่มจากตัวเองเป็นอันดับแรก"

"ผมพยายามอย่างมากที่จะช่วยทีม และทุกคนในทีมที่เหลือก็ช่วยกัน มันเป็นภาพที่น่าประทับใจ มันควรจะเป็นเรื่องราวที่สุดยอดยิ่งกว่านี้ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่พวกเราทำได้แค่เกือบคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเท่านั้น" ซัวเรซ กล่าวเพิ่มเติม 

"ตัวเดียวเสียวทั้งลีก" จะใช้คำนี้ก็คงไม่เกินเลยไปนักสำหรับซัวเรซ ซึ่งเว็บไซต์แฟนคลับลิเวอร์พูลอย่าง Anfield Index ก็ยอมรับว่าสิ่งที่แฟนบอล ลิเวอร์พูล รัก ซัวเรซ ก็เพราะความเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้ กล้าหาญ กล้าเผชิญหน้า และเป็นคนที่พยายามทำให้ทีมเป็นผู้ชนะเสมอโดยไม่สนวิธีการ 

"ช่วงเวลาของ ซัวเรซ กับ ลิเวอร์พูล คือช่วงเวลาที่แฟนบอลของเราทุกคนมีความสุขมาก เราอาจจะไม่ได้แชมป์ใหญ่ แต่มันสนุกมากมันเหมือนกับการเดินทางต่อสู้ร่วมกันของนักเตะทั้งทีม"

"ความคิดเห็นของเขาที่เป็นคนตรงไปตรงมา คือความจริงที่ทำให้สโมสรต้องทบทวนกับสิ่งที่เขาพูด และต่อให้คนอื่นไม่เปลี่ยนแปลง นักเตะอย่างซัวเรซก็จะพยายามดิ้นรนสุดความสามารถเพื่อให้ทีมได้รัความเคารพจากคู่แข่ง และมีเสน่ห์ดึงดูดใจแฟนบอล ... นี่คือการซื้อตัวที่ทำให้เรารู้ว่านักเตะแบบไหนที่เราควรเอามาไว้ในทีม ... กรณีของซัวเรซ คือต้นแบบที่ เยอร์เก้น คล็อปป์ ดึงนักเตะคาแร็คเตอร์แบบนี้มาไว้ในทีม และต่อยอดไปจนถึงแชมป์จากยุคที่เราเคยทำได้แค่เกือบเท่านั้น" 

ซัวเรซ กลายเป็นหนึ่งในดีลตลาดหน้าหนาวที่ดีที่สุดตลอดกาล และเป็นนักเตะที่สร้างอิมแพ็กต์ทั้งในและนอกสนามได้ในแทบจะทันทีโดยไม่ต้องรอปรับตัว

นี่คือต้นแบบการซื้อตัวที่ถูกต้องทุกประการ นักเตะที่มาพร้อมทั้งความสามารถและคาแร็คเตอร์ดี ๆ เพียงคนเดียว สามารถยกระดับและสร้างความฮึกเหิมให้กับทั้งทีมได้อย่างแท้จริง 

ซัวเรซ อยู่กับ ลิเวอร์พูล ถึงปี 2014 และย้ายไป บาร์เซโลน่า ด้วยค่าตัวแพงระยับระดับสถิติสโมสร ซึ่งถึงตอนนี้ก็ผ่านมาแล้ว 10 ปี และซัวเรซ ก็มองย้อนกลับมาพูดถึงเรื่องนี้ว่า 

"เมื่อวันที่ผมจากไป ลิเวอร์พูล ก็ได้เงินก้อนโต พวกเขาทำเงินได้มากขึ้นเรื่อย ๆ จากการไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกอย่างต่อเนื่อง เมื่อหวนคิดเรื่องนี้แล้วมันก็เป็นอะไรที่ผมประทับใจ ตอนที่ผมมาที่นี่ไม่มีใครอยากจะย้ายมา ลิเวอร์พูล ... แต่คุณดูตอนนี้สิ นี่คือทีมที่นักเตะคนไหน ๆ ก็อยากมาเล่นกับสโมสรแห่งนี้ทั้งนั้น" ซัวเรซ กล่าวทิ้งทาย และคุณปฏิเสธไม่ได้ว่า เขาคือดีลสุดคุ้มตลอดกาลของ ลิเวอร์พูล และอาจจะเป็นดีลที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกสำหรับตลาดซื้่อขายเดือนมกราคมเลยก็เป็นได้  

 

แหล่งอ้างอิง

https://anfieldindex.com/63864/luis-suarez-reflecting-on-time-at-liverpool.html
https://www.bbc.com/sport/football/17857999
https://www.thisisanfield.com/2023/11/dirk-kuyt-reveals-how-dutch-connection-helped-bring-luis-suarez-to-liverpool/
https://www.independent.co.uk/sport/football/premier-league/tottenham-steve-hitchen-chief-scout-who-liverpool-to-sign-luis-suarez-a7572371.html
https://bleacherreport.com/articles/2239068-the-evolution-of-luis-suarez-from-ajax-to-liverpool-and-now-barcelona?m=1

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ