Feature

รุด ฟาน นิสเตลรอย : การตกกระไดพลอยโจนกลายเป็นกุนซือใหญ่ ... สมัย PSV | Main Stand

มาเป็นมือขวาได้ไม่ถึง 2 เดือน รุด ฟาน นิสเตลรอย กำลังมีชื่อเป็นแคนดิเดตกุนซือใหม่ แมนฯ ยูไนเต็ด หาก เอริค เทน ฮาก โดนปลดจากตำแหน่งหลังผลงานย่ำแย่มาต่อเนื่อง

 

ถ้ามันเกิดขึ้นจริงตามข่าว จะบอกว่า รุด ดวงมาจังหวะดีหรือไม่ เพราะเมื่อปี 2022 เขาก็เคยได้งานคุมทีม พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น มาแบบที่ตัวเองยังไม่พร้อมและไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน แต่บอร์ดของทีมกลับเลือกแต่งตั้งเขาชนิดที่เจ้าตัวยังบอกเองว่า "เร็วเกินไป" 

ตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นที่ พีเอสวี รุด ฟาน นิสเตลรอย ไปเรียนโค้ชตอนไหน และผลงานของเขาล่ะได้ทิ้งงานชิ้นโบแดงไว้บ้าง ... และสุดท้ายอะไรที่ทำให้เขาลาออกจากการเป็นโค้ชใหญ่เพื่อมาเป็นมือขวาของ เทน ฮาก 

ไปย้อนอดีตเรื่องราว ๆ มัน ๆ ที่อาจจะเกิดเหตุประวัติศาสตร์ซ้ำรอยกันได้เลย 

 

โค้ชรุด เริ่มยังไง ?

ชื่อของ รุด ฟาน นิสเตลรอย นั้น ถ้าเอ่ยในฐานะนักเตะคนหนึ่ง เราแทบไม่ต้องอธิบายคุณสมบัติของเขาต่อเลยว่าเขาเป็นกองหน้าที่ยอดเยี่ยมแค่ไหน จากผลงานที่ฝากไว้กับทั้ง ฮีเรนวีน, พีเอสวี, แมนฯ ยูไนเต็ด, เรอัล มาดริด และ ฮัมบูร์ก

เขาคือกองหน้าเบอร์ 9 สไตล์สไตร์เกอร์ของแท้ เกิดมาเพื่อยิงประตู ยิงได้ทุกรูปแบบ เล่นได้ทุกอย่างในแบบที่กองหน้าชั้นดีควรจะเป็น

อย่างไรก็ตาม กับการเป็นโค้ชนั้นคำถามสำหรับเขามันมากมายตามมาเหลือเกิน เพราะอย่างที่เรารู้กัน นักเตะดังแค่ไหนก็ไม่ได้แปลว่าเขาคนนั้นจะเป็นโค้ชที่ดี และด้วยคาแร็คเตอร์ของรุด ที่มีความเป็นศิลปินและชอบเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ไม่ยอมใครง่าย ๆ มักจะมีเรื่องกับนักเตะคนอื่นสมัยเป็นนักเตะประจำ อาทิกับ พาทริค ไคลเวิร์ต, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หรือแม้กระทั่งกับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน 

สิ่งเหล่านี้มันยิ่งทำให้ตามมาด้วยคำถามว่า เขาเหมาะกับงานโค้ชที่ต้องกดดัน และรับมือลูกทีมในหลากหลายนิสัยและหลากหลายรูปแบบแน่หรือ ? 

คำตอบของ รุด ถือว่าน่าสนใจ ตัวของเขาบอกว่าการเป็นโค้ชคืองานที่เขาเล็งไว้ตั้งแต่ก่อนจะประกาศแขวนสตั๊ดแล้วด้วยซ้ำ โดยเจ้าตัวแขวนเกือกกับ มาลาก้า ในปี 2011 และเรียกได้ว่าทันทีที่สิ้นสุดบทบาทนักเตะ เขาก็เริ่มเรียนโค้ชทันทีแบบไม่ปล่อยให้เวลาเสียเปล่าเลยด้วยซ้ำ สิ่งเหล่านี้ยืนยันได้ว่าเขาตั้งใจมาทางนี้โดยเฉพาะ 

โดยเจ้าตัวเริ่มเรียนหลักสูตรโค้ชระดับซี ไลเซ่นส์ ของยูฟ่า ตั้งแต่ยังไม่แขวนสตั๊ด ซึ่งเมื่อเวลาเลิกเล่นมาถึงก็มีการตกลงกับทีมเก่าของเขาอย่าง พีเอสวี ที่จะให้โอกาสเขาทดลองงานในการคุมทีมชุดยู 17 ซึ่งเป็นไปในรูปแบบของการฝึกงานในปี 2013 

เขาเป็นโค้ชที่เก่งหรือไม่ในเวลานั้นไม่สามารถตอบได้ เพราะรุดคุมทีมได้ไม่นานก็ถูกเทียบเชิญจากสมาคมฟุตบอลเนเธอร์แลนด์ให้เข้ามาเป็นมือขวาของ  กุส ฮิดดิงค์ หลังจบศึกฟุตบอลโลก 2014 

ตรงนี้น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นจริง ๆ ของเขา เพราะมีการสัมภาษณ์งานกับฝั่งสมาคมฟุตบอลเนเธอร์แลนด์อย่างละเอียด เพราะมีการวางแผนงานไปถึงฟุตบอลโลก 2018 เลยทีเดียว 

นักเตะทีมชาติเนเธอร์แลนด์ในชุดนั้นอย่าง แพทริค ฟาน แอนโฮลท์ ที่ได้ รุด คุมซ้อม อธิบายเพิ่มเติมถึงวิธีการดูแลนักเตะของ รุด ว่าสอนนักเตะให้เข้าใจง่าย และเห็นภาพได้อย่างรวดเร็ว 

"เขาเคยเป็นกองหน้าตัวอันตราย และการที่เขาถ่ายทอดความรู้ของเขาส่งถึงนักเตะในทีมทันที นั่นหมายความว่าเขามีคุณลักษณะที่เหมาะ และทุกคนให้ความเคารพเขาอย่างรวดเร็ว" อดีตแข้งทีมอัศวินสีส้มกล่าว

หลังจบปี 2018 รุด ฟาน นิสเตลรอย ถูก พีเอสวี เรียกกลับเข้ามาคุมทีมเยาวชนชุดยู 19 หนนี้เป็นสัญญาจ้างจริงจัง และแผนคือจะใช้มันเป็นบันไดสู่ตำแหน่งกุนซือใหญ่ในอนาคต ซึ่งโอกาสนั้นก็มาถึงเขาจริง ๆ ในปี 2022 หลังจากที่ พีเอสวี เผชิญวิกฤติแบบไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงกล้าเสี่ยงที่จะใช้งาน รุด เป็นกุนซือใหญ่ทั้ง ๆ ที่เจ้าตัวก็ยังบอกเองเลยว่า "เร็วเกินไปกว่าที่เขาได้กำหนดไว้" แต่บางโอกาสก็ยากเกินห้ามใจ และต้องกระโดดคว้าเอาไว้ก่อน 

 

โค้ชรุดสไตล์ไหน ? 

"รุด ฟาน นิสเตลรอย ปฏิเสธการคุม พีเอสวี ชุดใหญ่มาแล้วถึง 2 ครั้งก่อนที่จะตอบรับครั้งนี้ เขารู้ว่ามันยังเร็วไป แต่เมื่อเวลาผ่านไป พีเอสวี ก็ยังไม่มีโค้ชใหม่สักที ประกอบกับ เฟร็ด รุตเทน ผู้ช่วยโค้ชของ พีเอสวี ที่ถือเป็นคนเก่าคนแก่ของสโมสรเป็นคนผลักดันให้ ฟาน นิสเตลรอย รับงานนี้ด้วย" เควิน ฟาน นูเนน นักข่าวจาก ยูโรสปอร์ต สาขาเนเธอร์แลนด์ขยายความเพิ่มเติม

"มาร์แซล แบรนด์ ซีอีโอคนใหม่ที่ย้ายมาจาก เอฟเวอร์ตัน ก็เห็นด้วยแบบนั้น พวกเขาพร้อมจะเสี่ยงอยู่แล้วเพราะสถานะของ พีเอสวี ในตอนนั้นไม่ได้คาดหวังอะไรมากมายนัก พวกเขาเป็นเหมือนทีมอย่าง ดอร์ทมุนด์ แห่งดัตช์ลีก ที่ยากจะสอดแทรกขึ้นมาเป็นแชมป์ลีกได้ เพราะมีทีมอย่าง อาแจ็กซ์ ที่เป็นเหมือน บาเยิร์น มิวนิค" 

โค้ชคนก่อนอย่าง โรเจอร์ ชมิดท์ มีปัญหาทะเลาะกับบอร์ดบริหาร ชอบบ่นออกสื่อหลายหน เถียงกับผู้ตัดสินตลอด เล่นฟุตบอลที่น่าเบื่อ และสำคัญที่สุดคือเอาห้องแต่งตัวไม่อยู่ จนทำให้สโมสรต้องปลดออกจากตำแหน่งทันที  เนื่องจากมีการประเมินว่า 2 ปีที่ ชมิดท์ อยู่ไม่ได้พัฒนาด้านไหนให้กับทีมเลย 

อย่างที่กล่าวเอาไว้ในข้างต้น ฟาน นิสเตลรอย สนใจงานโค้ชตั้งนานแล้ว นอกจากจะเรียนตามหลักสูตรของยูฟ่า รุด ยังเป็นคนที่มักจะวิเคราะห์แท็คติกของโค้ชคนอื่น ๆ ด้วยตัวเอง ซึ่งโค้ชที่เขาชอบแนวทางที่สุดไม่ใช่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เจ้านายเก่าของเขา ที่เป็นโค้ชที่เน้นเรื่องจิตวิทยาและคาแร็คเตอร์นักเตะมากเป็นพิเศษ 

แต่โค้ชขวัญใจของเขาคือ มาร์เซโล่ บิเอลซ่า บรมกุนซือชาวอาร์เจนไตน์ ซึ่งเหตุผลนั้น รุด เคยบอกว่า "วิธีการแบบ บิเอลซ่า นั้นคือหนทางแห่งการควบคุมทุกอย่างที่โค้ชฟุตบอลคนหนึ่งสามารถทำได้อย่างแท้จริง" 

การทำงานของ รุด ในฐานะนักเตะกับโค้ชแตกต่างกันสิ้นเชิง คนที่ออกมาบอกเล่าเรื่องนี้คือ กุส ปีเตอร์ส นักข่าวสาย พีเอสวี โดยเฉพาะ ซึ่งความแตกต่างคือ สมัยเป็นนักเตะ รุดเห็นแก่ตัว ไม่สนคนอื่นมากนัก เพียงแต่ตอนเป็นโค้ชเขาเป็นคนที่พยายามเข้าหาคนอื่น และมองภาพรวมที่ใหญ่กว่าตัวเองให้มากขึ้น 

"ตอนเป็นโค้ช รุด เป็นคนที่ดูใจดีกว่าตอนเป็นนักฟุตบอล ... ตอนนี้เขาดูเป็นคนสบาย ๆ ใจเย็น และเป็นกันเอง สิ่งเหล่านี้คุณแทบไม่เห็นในตัวของเขาเลยตอนที่เขายังเป็นยอดกองหน้า ภาพที่เห็นคือเขามักจะบ้าคลั่งและโวยวายตลอดเวลาที่ยิงพลาดหรือเพื่อนร่วมทีมส่งบอลมาให้ไม่ตรง หรือไม่ยอมส่งบอลให้กับเขา" กุส ปีเตอร์ส ว่าต่อ ก่อนที่เขาจะเริ่มอธิบายเรื่องแท็คติกว่า

"ถ้าคุณได้เห็นฟุตบอลของ รุด คุณจะเข้าใจได้ทันทีว่าเขาเป็นคนที่เน้นเรื่องการครองบอลเป็นหลัก แต่ก็ยืดหยุ่นมากพอที่เราจะได้เห็นทีมของเขายืนไปรับต่ำในบางกรณี เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหากับเขา ซึ่งนั่นแตกต่างมากกับตอนที่ ชมิดท์ คุมทีมอยู่"

"รุดเปลี่ยนจากฟุตบอลที่โกลาหลและวุ่นวายในระบบ 4-2-2-2 ของ ชมิดท์ ... รุด พยายามเรียนรู้จากความผิดพลาดของ ชมิดท์ ที่ให้นักเตะเล่นเพรสซิ่งสูง กองหลังแทบจะเข้าไปยืนในแดนของคู่แข่ง ซึ่งกับ พีเอสวี ณ ตอนนั้นมันส่งผลร้ายมากกว่าผลดี" 

"รุด พยายามบอกให้นักเตะของเขามีสมาธิกับการครองบอลให้มาก ๆ เข้าไว้ก่อน และเมื่อถึงจังหวะเข้าทำ เขาชอบให้นักเตะเกมรุกเล่นแบบเสี่ยง ๆ เพื่อเอาชนะการดวล 1-1 เพื่อสร้างโอกาสยิงประตูให้ได้มากที่สุด ... แปลกไหมล่ะ ตอนเป็นนักเตะเขาเคยวิจารณ์ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในวัยทีนเอจว่าเล่นเสี่ยง และพยายามเอาชนะคู่แข่งมากเกินไป จนทำให้ทั้งคู่ไม่ถูกกันอยู่ช่วงหนึ่ง  ... แต่ตอนนี้เมื่อเขาเป็นโค้ช เขาได้เข้าใจอะไร ๆ หลายอย่างในภาพที่กว้างมากขึ้นแล้ว"

 

รุด ฟาน นิสเตลรอย ใช้วิธีดังกล่าวเปลี่ยน พีเอสวี จากหน้ามือเป็นหลังมือภายในเวลาอันสั้น 5 เกมแรกที่เขาคุมทีม พีเอสวี ชนะถึง 4 เกม และยิงประตูถล่มทลายถึง 19 ลูก ... มันอาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกในดัตช์ลีก แต่กับกุนซือป้ายแดง ไม่เคยคุมทีมมาก่อนอย่างรุด ก็ต้องบอกว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยม 

วิธีการสอนนักเตะของ รุด ถูกเปิดเผยโดยตัวของเขาเอง โดยเขาบอกว่า เขาจะให้อิสระกับนักเตะพอ ๆ กับการให้ความสำคัญด้านแท็คติก นอกจากนี้เขายังเน้นเรื่องวิธีการและทัศนคติมากกว่าเรื่องการใส่ข้อมูลตัวเลขใส่หัวนักเตะของเขามากเกินไป เช่นเดียวกันกับการฝึกซ้อมที่จะต้องทำให้แน่ใจว่า เนื้อหาและความเข้มข้นไม่หนักกับนักเตะเกินไปจนทำให้ความเหนื่อยล้าไปปรากฏในเกมการแข่งขันจริง 

ส่วนผลลัพธ์ที่ออกมาคือ พีเอสวี เดินเครื่องยาว ๆ ขยับจากทีมอันดับที่ 12 ในลีกจบในอันดับที่ 2 ของลีก (แชมป์คือ เฟเยนูร์ด ของ อาร์เน่อ ชล็อต) ได้แชมป์ โยฮัน ครัฟฟ์ ชิลด์ (ซูเปอร์คัพของเนเธอร์แลนด์) และฟุตบอลถ้วยอย่าง KNVB คัพ (ชนะ อาแจ็กซ์) ซึ่งถือเป็นแชมป์ระดับเมเจอร์แชมป์แรกในอาชีพการคุมทีมของเขาด้วย 

แท็คติกในปีแรกของเขากับ พีเอวี ที่ประสบความสำเร็จ รุด เคยอธิบายในรายการ The Coaches' Voice โดยเจ้าตัวไล่แจกแจงวิธีเล่นในแต่ละตำแหน่ง ซึ่งถ้าใครมีโอกาสเปิดดู จะเห็นว่าเขาเป็นกุนซือที่มีความยืดหยุ่น ไม่ยึดติดกับแท็คติกเฉพาะ และการไม่ยึดติดกับนักเตะคนใดคนหนึ่งมากเป็นพิเศษ  

โดยในคลิปวีดีโอนี้รุดได้เผยถึงวิธีการเล่นแบบต่าง ๆ ของทีมเขา เช่นการใช้นักเตะหมายเลข 10 ถึง 2 คนลงเล่นในตำแหน่งแนวรุกตรงกลาง (โคดี้ กักโป และ ซาวี ซิม่อนส์) แบ็กซ้ายสายบุกที่ถูกสั่งให้เล่นเกมรุกเป็นพิเศษ ส่วนแบ็กขวาหยิบเอาเซ็นเตอร์แบ็กเก่าที่มีความเร็วและครองบอลได้ดีขยับออกมาประจำตำแหน่ง เพื่อเวลาที่ทีมเล่นเกมบุก พวกเขาจะเล่นเกมบุกแบบยืนหลัง 3 ตัว โดยให้แบ็กซ้ายเติมขึ้นไปเล่นเป็นกองกลาง  

แน่นอนว่ามันอาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร แต่มันก็ทำให้เห็นว่า ฟาน นิสเตลรอย ก็มีแนวทางของฟุตบอลที่หลากหลายยืดหยุ่น เช่นกันกับการสร้างดาวรุ่งหลาย ๆ คนขึ้นมาใช้งานในระยะยาวให้กับทีมได้ด้วย 

เพียงแต่ว่าเขาคุมพีเอสวีได้แค่ปีเดียว … ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วเขาอยากจะอยู่ให้นานกว่านั้น

 

มือขวา "เทน ฮาก" ที่อาจตกกระไดพลอยโจนรอบ 2 ?

ทำไม รุด ฟาน นิสเตลรอย ถึงมาเป็นมือขวา เทน ฮาก ? ... เรื่องนี้เกิดขึ้นจากการที่เขาเป็นคนที่ระวังในการรับงานแต่ละครั้งมาก ๆ ถ้าเขาคิดว่าตัวเองยังไม่พร้อม เขาก็ยังไม่รับงานที่ใหญ่เกินตัว เหมือนกับตอนปฏิเสธงานที่ พีเอสวี ไปถึง 2 หนก่อนจะตกกระไดพลอยโจนเพราะไม่มีคนขึ้นแทนโค้ชคนเก่า ๆ จริง 

ถ้าเขาอยากโตทีละสเต็ป ทำไมเขาถึงลาออกจาก พีเอสวี ทั้ง ๆ ที่ทำงานได้แค่ปีเดียวล่ะ ? คำตอบง่าย ๆ คือเมื่อพาทีมได้แชมป์ ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าเขาควรได้สัญญาระยะยาว แต่หลังจากที่ รุด เข้าเจรจากับบอร์ดบริหาร เขาก็ประกาศลาออกทันทีหลังจากนั้นแค่ไม่กี่วัน โดยการให้เหตุผลว่าเขาไม่พอใจที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากบอร์ดบริหารพีเอสวีมากเพียงพอ 

"การเป็นเฮดโค้ชต้องรับมืออะไรเยอะแยะมากมายในฟุตบอลปัจจุบัน ดังนั้นการทำงานของเฮดโค้ชและบอร์ดบริหาร รวมถึงแผนกอื่น ๆ จำเป็นต้องสอดคล้องกันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งโค้ชต้องเป็นคนที่ได้รู้และเกี่ยวข้องกับแผนการในอนาคต ถ้าหากพวกเขาไม่ได้สิ่งเหล่านี้ ก็ยากที่จะทำงานให้ประสบความสำเร็จได้" รุด กล่าว

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาในช่วงว่างงาน รุด ได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความหลงใหลใหม่ที่เกี่ยวกับการเป็นเฮดโค้ชของเขาอย่างต่อเนื่อง ช่วงเวลา 1 ปีที่ว่าง รุด เคยใช้เวลาไปกับการวิเคราะห์ คาร์โล อันเชล็อตติ ที่ เรอัล มาดริด อดีตสโมสรของเขาโดยขอเข้าไปดูการทำงานด้วยตัวเอง 

นอกจาก อันเชล็อตติ แล้ว รุด ยังไปทำงานแบบเดียวกันที่ เรอัล เบติส ที่มี มานูเอล เปเยกรินี่ อดีตผู้จัดการทีม มาลาก้า ทีมเก่าของเขาคุมทีมในปัจจุบัน ก่อนที่เขาจะรับงานเป็นมือขวาของ เอริค เทน ฮาก แทนที่ของ สตีฟ แม็คคลาเรน ที่ย้ายออกสวนทางกันไป ซึ่ง เทน ฮาก ก็พูดถึงการเลือก รุด มาเป็นผู้ช่วยว่าชื่นชอบในคาแร็คเตอร์ (ในตอนเป็นโค้ช) ที่ขยันทำงาน และมุ่งมันกับการทำให้ทีมพัฒนาให้ได้ในแบบใดแบบหนึ่ง  

นอกจากนี้ เทน ฮาก ยังชมว่าประสบการณ์ของ รุด ที่ผ่านมาช่วยเขาได้มาก เพราะทำให้เขามีทักษะที่จะรับมือกับสิ่งต่าง ๆ ได้ ดังนั้นการเป็นมือขวาสำหรับ รุด ฟาน นิสเตลรอย ถือว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสม หากวัดจากความทะเยอทะยาน ความมุ่งมัน และสติปัญญา แนวคิดของการเป็นโค้ช 

ดูเหมือนว่าบทบาทของ รุด ที่ เทน ฮาก มอบหมายในเวลานี้คือการทำหน้าที่วิเคราะห์เกม เป็นคนเอาสิ่งที่ เทน ฮาก วางแผนไว้ไปกระจายสู่นักเตะที่ส่วนใหญ่ชอบพอและให้ความเคารพเขาอย่างมาก (จากปากคำของ จอนนี่ อีแวนส์ และ แฮร์รี่ แม็คไกวร์) ซึ่งสิ่งที่ว่ามาทั้งหมดอาจจะเป็นเหตุผลว่าทำไม รุด ฟาน นิสเตลรอย ถึงมีชื่อเป็นแคนดิเดตโค้ชใหม่ของปีศาจแดงในอนาคตอันใกล้นี้ 

ส่วนเรื่องที่ว่าเขาเก่งหรือไม่ ไม่มีใครบอกหรือคาดเดาได้จนกว่าเราจะได้เห็นฝีมือของเขาในการคุมทีมใหญ่ ทีมที่ต้องเจอกับความกดดันและต้องการชัยชนะทุกเกม ... โค้ชบางคนตกม้าตายเมื่อได้โอกาส ขณะที่โค้ชบางคนคว้ามันไว้และแสดงคาแร็คเตอร์ที่แข็งแกร่งของตัวเองออกมาได้ ที่เหลือเราก็ต้องมาดูกันว่า รุด ฟาน นิสเตลรอย จะตกกระไดพลอยโจนอีกครั้งแบบประวัติศาสตร์ซ้ำรอยหรือไม่  ?  

ดูทรงแล้วอีกไม่นานเกินรอ เราคงได้คำตอบชัด ๆ แบบไม่ต้องมานั่งเดาให้เสียเวลากันอย่างแน่นอน 

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.theguardian.com/football/2023/may/24/ruud-van-nistelrooy-resigns-as-psv-manager-after-talks-over-internal-affairs
https://en.wikipedia.org/wiki/Ruud_van_Nistelrooy
https://www.fourfourtwo.com/news/ruud-van-nistelrooy-is-an-excellent-coach-you-can-tell-that-he-s-addicted-to-football-he-loves-analysing-the-game-i-ve-been-really-impressed-by-his-ideas-manchester-united-star-enjoying-working-with-dutch-coach-at-old-trafford
https://www.manutd.com/en/news/detail/erik-ten-hag-discusses-rene-hake-and-ruud-van-nistelrooy-appointments
https://www.manutd.com/en/news/detail/how-ruud-van-nistelrooy-has-shaped-a-new-career-in-coaching
https://www.eurosport.com/football/eredivisie/2021-2022/psv-had-to-do-something-so-they-roll-the-dice-on-a-club-icon-inside-europe-on-ruud-van-nistelrooy_sto8867455/story.shtml
https://www.coachesvoice.com/cv/ruud-van-nistelrooy-tactics-psv-ajax/
https://www.skysports.com/football/news/2227577/ruud-blast-for-van-gaal

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ