Feature

ระบบ = 0 : เพลงยุทธ์ไร้กระบวนท่าจะพาอังกฤษไปถึงไหน ? | Main Stand

อังกฤษ ยังคงเป็นทีมที่ไม่ว่าผลการแข่งขันจะออกมาแบบไหน ก็มีเรื่องให้แฟนบอลทั้งโลกต้องถกเถียงกันเสมอ และหลังเกมที่พวกเขาชนะ สโลวาเกีย 2-1 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูโร 2024 ก็เช่นกัน 

 


ขณะที่กลุ่มหนึ่งบอกว่า ชัยชนะสำคัญที่สุด แต่อีกกลุ่มก็แย้งออกมาว่า นอกจากชัยชนะของอังกฤษในเกม ๆ นี้ เราแทบไม่เห็นอะไรอย่างอื่นเลย … 

คำถามคือ อังกฤษในยุคที่ฟุตบอลแทบไม่มีอะไรเลยแบบนี้ จะหวังได้ไกลสักเท่าไหร่ ? 

อะไรคือปัญหาของพวกเขา และปัญหานี้จะแก้ได้หรือไม่ ? … บทวิเคราะห์จาก Main Stand 

 

ปัญหาของอังกฤษ

"นอกจากชัยชนะของอังกฤษ ผมไม่เห็นอะไรจากเกมนี้เลย" รอย คีน ตำนานแข้งจอมโหดชาวไอร์แลนด์ ที่รับหน้าที่เป็นกูรูในรายการโทรทัศน์ว่าเช่นนั้น หลังจากอังกฤษเชือดสโลวาเกีย 2-1 แบบ "เกือบหลับแต่กลับมาได้" 

ทันทีที่เขาพูดแบบนั้น อดีตเพื่อนร่วมทีม และพิธีกรร่วมอย่าง แกรี่ เนวิลล์ ก็สวนขึ้นมาว่า "มันก็ดูเรียบง่ายดีไม่ใช่เหรอ ? คุณต้องการชัยชนะ คุณอยากจะเข้ารอบต่อไป และมันอาจจะต้องการโชคบ้างนิดหน่อย"

2 ประโยคสั้น ๆ จาก 2 คนนี้ แบ่งแยกแนวคิด 2 แบบสำหรับแฟนบอลของทีมชาติอังกฤษได้เป็นอย่างดี ในส่วนของ แกรี่ เนวิลล์ เราคงไม่มีอะไรต้องเถียงกัน ตราบใดที่ทีมยังชนะ และทำได้ตามเป้าที่วางไว้ คำวิจารณ์ที่เกิดขึ้น ก็พอจะมองข้ามมันไปได้บ้าง

แต่ในมุมของ รอย คีน มันคือการมองการแข่งขันทั้งเกมในหลากหลายรายละเอียด ทั้งในเชิงแท็คติก ความกระหายอยาก และวิธีการเล่น ไม่ใช่แค่ผลการแข่งขันเท่านั้น ... และถ้าคุณกำลังดูทีมชาติอังกฤษในแบบที่ รอย คีน พิจารณา คุณเองก็น่าจะเห็นปัญหาของทีมชาติอังกฤษชุดนี้มากมาย 

ความขี้เหร่ในเชิงกลยุทธ์ ความไม่เข้าขารู้ใจ และการเล่นแบบไร้จินตนาการ คือความเห็นที่โลกโซเชี่ยลเทใจคอมเมนต์ไปในทางเดียวกัน ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมความคิดเห็นเหล่านี้จึงเกิดขึ้น เพราะเราได้เห็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมของขุมกำลังชุดนี้มาแล้ว ในวันที่พวกเขาเล่นให้กับสโมสร แต่เมื่อพวกเขารวมตัวกันในฐานะทีมชาติอังกฤษ "ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในต้นสังกัด ... หายไปอย่างไร้ร่องรอย"

การมีขุมกำลังที่ดีทำให้เกิดความคาดหวังมากมาย นักเตะในตำแหน่งเกมรุก ชวนให้หลายคนฝันว่า อังกฤษในชุดยูโร 2024 จะมีรูปแบบการเล่นที่ดุดัน เร้าใจ ราวกับเป็นการต่อยอดจากชุดที่ผ่าน ๆ มาในทัวร์นาเมนต์ก่อน ๆ ตอนนี้ทุกคนมีพร้อมทั้งสภาพร่างกายที่ดี ทักษะฟุตบอลที่ยอดเยี่ยม และประสบการณ์ในเกมระดับสูง แต่ความจริงกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง 

มีการโหวตทาง Twitter (ซึ่ง อีลอน มัสก์ อยากให้เรียกว่า X) ตั้งแต่หลังรอบแบ่งกลุ่มจบทุกเกม ว่าเกมไหนบ้างที่น่าเบื่อที่สุด ? คำตอบออกมาตรงกันว่า อังกฤษ คือทีมที่เล่นได้น่าเบื่อที่สุดในรอบแบ่งกลุ่ม โดยทั้ง 3 เกมที่พวกเขาลงสนามกับ เซอร์เบีย, เดนมาร์ก และ สโลวีเนีย ติดเข้ามาในลิสต์ทั้งหมด

เอาจริง ๆ แล้วไม่ต้องอ้างอิงผลโหวตก็ได้ หากคุณได้ชมเกมของพวกเขาทุกนัด คุณก็จะปฏิเสธเรื่องนี้ไม่ออกเช่นกัน ...  การเล่นทั้งในตอนที่มีบอล และไม่มีบอลของทีมชาติอังกฤษแย่มาก โดยเฉพาะในตอนที่ไม่มีบอลนั้นสำคัญจริง ๆ ที่ทำให้อังกฤษแตกต่างจากทีมหัวแถวที่ฟอร์มดีในทัวร์นาเมนต์นี้อย่าง สเปน หรือ เยอรมนี ซึ่งถ้าคุณได้ลองเอามาเทียบกันช็อตต่อช็อต เกมต่อเกม คุณก็จะเข้าใจความต่างระหว่างอังกฤษกับทั้ง 2 ทีมนี้ได้ไม่ยาก 

หากเปรียบกับหนังจีนกำลังภายใน เยอรมนี คือเพลงหมัดที่แข็งแกร่ง หนักหน่วง เด็ดขาด ขณะที่ สเปน คือเพลงหมัดที่พริ้วไหว ใช้เทคนิคที่สวยงามสารพัด ส่วน อังกฤษ ก็คงเป็นหมัดเมาที่ยากจะคาดการณ์ ไม่ใช่แค่กับคู่แข่งเท่านั้น แม้แต่พวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะปล่อยอาวุธอะไรออกมา ? 

เรื่องนี้เอง แกเร็ธ เซาธ์เกต ก็รู้ แต่ประเด็นคือการเห็นปัญหากับการแก้ปัญหานั้นแตกต่างกันมาก 

หลังทัวร์นาเมนต์แรกในฐานะผู้จัดการทีมชาติอังกฤษของเขาจบลง ด้วยการจบอันดับ 4 ในฟุตบอลโลก 2018 เซาธ์เกต บอกว่า ทีมชาติอังกฤษของเขาจะต้องแก้ไขและพัฒนาเรื่องการเล่นตอนที่ไม่บอลอยู่กับตัว ... และตอนนี้เข้าสู่ทัวร์นาเมนต์ที่ 4 ของเขาแล้ว ปัญหาเรื่องการเคลื่อนที่โดยไม่มีบอล อันเป็นหัวใจสำคัญในเกมฟุตบอลระดับสูงของทีมชาติอังกฤษ ... ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะดีขึ้น 

การเคลื่อนที่โดยไม่มีบอลสำคัญอย่างไร ? พูดให้เข้าใจง่ายที่สุดคือ มันจะทำให้เกมของคุณลื่นไหล เพราะการขยับตัวที่ถูกที่ถูกจังหวะ จะทำให้เพื่อนร่วมทีมเห็นคุณได้ง่ายขึ้น ในช่วงเวลาที่บอลจะเสีย ถ้าคุณขยับในไทมิ่งที่ดี ลูกบอลก็จะมาหาคุณโดยที่ทีมไม่เสียบอล และถ้าทุกคนขยับตัวถูกจังหวะ และตรงกับการซักซ้อม ตัวเลือกในการเล่นแต่ละจังหวะก็จะมากขึ้น บอลของคุณจะไปทั่วทั้งสนาม ไม่มีจังหวะบอลตายง่าย ๆ ซึ่งท้ายที่สุดมันจะนำไปซึ่งจังหวะการยิงประตู

อังกฤษ ทำสิ่งนี้ได้แย่จริง ๆ ในเกมกับ สโลวาเกีย ที่เพิ่งจบไป จังหวะการตีลังกายิงของ จู๊ด เบลลิงแฮม ในนาทีที่ 90+5 ที่ดึงพวกเขาขึ้นมาจากหลุม ถือเป็นการยิงเข้ากรอบครั้งแรกในเกมนั้น ... มันสอดคล้องกับจุดอ่อนที่ว่าเป็นอย่างดี และถ้าสิ่งนี้ไม่ถูกแก้ไข ในรอบต่อ ๆ ไป พวกเขาจะเจอกับคู่แข่งที่คุณภาพสูงมากขึ้น และการจะมาหวังประตูปาฏิหาริย์แบบนี้ก็จะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นยากเป็นเงาตามตัวไปด้วย 

 

สิ่งที่ตามมา

การเคลื่อนที่ตอนไม่มีบอลที่แย่ นำมาสู่ปัญหาต่าง ๆ มากมาย สิ่งที่ชัดที่สุดคือการครองบอล อังกฤษ เป็นทีมที่ครองบอลได้ย่ำแย่ ในเกมกับ สโลวาเกีย ภาพที่คุณได้เห็นประจำ คือนักเตะของอังกฤษครองบอลและโดนผู้เล่นในเสื้อสีน้ำเงินของสโลวาเกียไล่ล่าอย่างเอาเป็นเอาตาย  พวกเขามองไปข้างหน้าเพื่อหาตัวเลือก แต่กลับไร้ซึ่งคนที่พร้อมจะเล่น คนที่อยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสม หรือมีความเสี่ยงน้อยที่สุดที่จะเสียบอล

สุดท้ายภาพก็มักจะจบลงไปที่การส่งบอลคืนหลังเพื่อความปลอดภัย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่เซาธ์เกตโดนแฟนบอลตัวเองแซวในขณะนี้ ทุกครั้งที่บอลกลับหลัง เสียงโห่จะเกิดขึ้น และเมื่อเสียงโห่เกิดขึ้นบ่อย ๆ มันนำมาซึ่งความไม่มั่นใจในเวลาที่ได้ครองบอล มันนำไปสู่การจ่ายบอลที่ไม่ได้ทำเพื่อหวังผล แต่ทำเพื่อขอไปที ให้บอลมันพ้นตัวไป และนั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาไม่ค่อยมีโอกาสได้ลุ้นยิงประตูมากนักในแต่ละเกม จนกลายเป็นทีมน่าเบื่อแบบที่ใครพูดกัน 

ไม่ว่าจะแก้ไขด้วยการเปลี่ยนตัวสำรอง ก็ดูเหมือนว่ามันยังไม่ได้ขึ้น เซาธ์เกต พยายามเปลี่ยนนักเตะที่เขาคิดว่าจะทำให้เกมไหลลื่นขึ้น... แต่มันเกิดขึ้นเพียงแค่ตำแหน่งเดียวเท่านั้นนั่นคือตำแหน่งกองกลาง ที่วนเวียนกันระหว่าง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์, คอเนอร์ กัลลาเกอร์ และ ค็อบบี้ เมนู

ซึ่งในความเป็นจริงคือกองกลางไม่ใช่ปัญหาเดียวของพวกเขา เพราะพวกเขาขาดความสมดุลในแผงแบ็กโฟร์ด้วย จากการฝืนใช้ คีแรน ทริปเปียร์ ที่ปกติยืนแบ็กขวาในตำแหน่งแบ็กซ้าย ซึ่งก็เริ่มต้นมาจากตัวของเซาธ์เกตอีก ที่เรียกแบ็กซ้ายธรรมชาติตามตำแหน่งมาในทีมชุด ยูโร 2024 แค่คนเดียว นั่นคือ ลุค ชอว์ ที่ยังไม่หายบาดเจ็บ

และสำคัญที่สุดคือเกมรุก ... ที่เล่นมาแล้ว 4 นัด เรายังไม่ได้เห็นการผสานงานที่เข้าขารู้ใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว มันแสดงให้เห็นว่า เซาธ์เกต ก็พบว่าตัวเองไม่สามารถตัดใครออกได้ ไม่ว่าจะเป็นดาวซัลโวจาก บุนเดสลีกา อย่าง แฮร์รี่ เคน, นักเตะยอดเยี่ยมของ พรีเมียร์ ลีก อย่าง ฟิล โฟเด้น, นักเตะยอดเยี่ยมของ ลา ลีกา อย่าง เบลลิงแฮม และปีกขวาที่เข้าใจวิธีการเล่นของทีมชาติอังกฤษมากที่สุดในชุดนี้ (ตามที่เซาธ์เกตบอก) อย่าง บูกาโย ซาก้า 

หากจะถามว่าทำไม เซาธ์เกต ไม่กล้าเปลี่ยนแปลงแผงเกมรุกของเขาทั้ง ๆ ที่มีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงตัวนักเตะไปเลย หรือมีการแก้ไขรูปแบบการเล่นให้ดีขึ้น ? คำตอบย้อนกลับไปในยังต้นบทความที่เรากล่าว คือเขายังแก้ปัญหาเรื่องความเข้าใจ และการเล่นเกมรุกที่มีความซับซ้อนมากกว่านี้ไม่ได้ 

อังกฤษ ยังคงเป็นทีมที่เน้นประตูจากลูกกลางอากาศ และลูกตั้งเตะเป็นหลัก เพราะการเข้าทำของพวกเขาในรูปแบบของโอเพ่นเพลย์ โดยเฉพาะการเล่นแบบเป็นทีมนั้นยังต้องแก้ไขอีกเยอะ ซึ่ง ณ ตอนนี้จากที่เห็น ยังไม่มีวิธีแก้ไขได้สำหรับ เซาธ์เกต ... ดังนั้นมันจึงนำมาสู่กระบวนการต่อไป นั่นคือการฝากความหวังไว้ที่ความสามารถของนักเตะ ในเมื่อไม่มีวิธีการเล่นที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ก็ถึงเวลาที่คุณจะต้องรอให้เหล่านักเตะตัวท็อปจากลีกดังที่กล่าวมาบันดาลความแตกต่างให้   

การคาดหวังความมหัศจรรย์ในลักษณะการจักรยานอากาศของ จู๊ด เป็นสิ่งที่จะไม่เกิดขึ้นบ่อย ๆ นั่นคือความจริงที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ ... แน่นอน เราไม่ลืมว่าชัยชนะนั้นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่การชนะในรูปแบบวิธีการที่ย่ำแย่ รูปเกมที่สะบักสะบอมกว่าจะแบกร่างเข้าสู่รอบต่อไปได้ มันเปรียบเสมือนความสำเร็จประเดี๋ยวประด๋าว ถ้าคุณหวังแค่เข้ารอบคุณสามารถดีใจกับชัยชนะในรูปแบบนี้ได้เลย แต่สำหรับทีมอย่างอังกฤษ พวกเขาตั้งเป้าไว้ที่การเป็นแชมป์ พวกเขาจึงถูกวิจารณ์กับแนวทางการเล่นที่สอบตกตั้งแต่เกมแรกจนถึงเกมรอบ 16 ทีมสุดท้าย 

 

อังกฤษจะไปได้ไกลแค่ไหน ?  

การเข้ารอบในลักษณะนี้ เหมือนเป็นการเปิดไพ่ให้คู่แข่งพวกเขาเห็นแบบโต้ง ๆ ไปเลยว่าพวกเขามีจุดอ่อนอะไรบ้าง คู่แข่งอย่าง สวิตเซอร์แลนด์ จะเห็นว่าอังกฤษแพ้การตั้งรับแบบไหน ที่ทำให้พวกเขาถึงกับใบ้กิน เจาะไม่เข้า สร้างโอกาสไม่ได้ ...  

เจมี่ เบรดวูด นักข่าวของ The Independent อธิบายเรื่อง "เข้ารอบแต่ทรงไม่สวยได้ดี" โดยเขาอธิบายว่า "ทีมอังกฤษชุดนี้ทำผลงานได้ดีพอที่จะจบรอบแบ่งกลุ่ม C ในฐานะแชมป์กลุ่ม แต่รูปแบบการเล่นแบบนี้จะไม่มีใครในรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่จะกลัวพวกเขา" ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ แม้กระทั่งกับ สโลวาเกีย ทีมที่ดูไม่น่าจะเป็นขวากหนาม แต่กลับทำให้อังกฤษลำบากได้ขนาดนี้ 

กับ สวิตเซอร์แลนด์ ที่ล้ม อิตาลี แชมป์เก่า (ซึ่งก็เอาชนะอังกฤษมาในรอบชิงชนะเลิศของ ยูโร 2020) จะเป็นเกมอีกระดับหนึ่ง และพูดได้ชัด ๆ ว่าเป็นคู่แข่งที่หนักที่สุดนับตั้งแต่อังกฤษเข้าทัวร์นาเมนต์นี้ ... ถ้าจะผ่านสวิตเซอร์แลนด์ พวกเขาต้องอยู่ในฟอร์มที่ดีกว่าที่ผ่าน ๆ มาพอสมควร 

ส่วนเรื่องรูปแบบการเล่นจากเซาธ์เกต มาถึงตรงนี้ หากเรามองตามทรง ตามประสบการณ์ที่ผ่าน ๆ มาในทัวร์นาเมนต์ของทีมชาติอังกฤษก่อน ๆ ก็น่าจะพอทราบว่า มันยากที่จะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือแน่ ๆ เพราะอังกฤษก็เล่นแบบนี้มาตลอด ปลอดภัยไว้ก่อน ซื้อเกมรับ และหวังให้นักเตะเกมรุกทำอะไรที่พิเศษ ๆ ออกมาในเวลาสำคัญ ๆ ซึ่งมันแสดงให้เห็นชัดเจนว่า เรื่องแท็คติก เซาธ์เกต อาจจะไม่ใช่กุนซือที่เชี่ยวชาญด้านนี้นัก ไม่อย่างนั้นปัญหาต่าง ๆ คงจะค่อย ๆ ถูกแก้ตามช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา 

ถ้าถามว่ามันแก้ยากขนาดไหน ? ก็ยากชนิดที่ว่าสื่ออย่าง The Sun ที่แม่นสุด ๆ เรื่องการขุดคุ้ยและข่าวเชิงกอสซิป ถึงกับเปิดเผยว่า ภายใต้ฟอร์มการเล่นที่ย่ำแย่ นักเตะทีมชาติอังกฤษถึงกับต้องเรียกประชุมทีมกันเอง โดย แฮร์รี่ เคน กัปตันทีมเรียกนักเตะทั้งหมดมาประชุมด่วน โดยที่ไม่มีกุนซืออย่าง เซาธ์เกต และทีมงานโค้ชคนอื่น ๆ เกี่ยวข้อง หลังจบเกมนัดสองของรอบแบ่งกลุ่ม ที่เสมอเดนมาร์ก 1-1

ในรายงานระบุว่า เคน เปิดโอกาสให้ทุก ๆ คนได้แสดงความคิดเห็น พร้อมระบายความไม่พอใจใน 2 เกมแรก ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งการเล่น, ผลงาน รวมไปถึงสภาพสนาม, สภาพอากาศ และช่วยแก้กันแก้ไขปัญหา ... แม้ เคน จะออกมาปฏิเสธเรื่องนี้ต่อหน้าสื่อก็ตาม แต่ยิ่งเวลาผ่านไป ยิ่งอังกฤษยังฟอร์มแบบนี้ หลายคนก็ยิ่งคิดว่า เรื่องที่ว่ามา อาจจะเกิดขึ้นจริง

สิ่งเหล่านี้ก็เป็นเครื่องยืนยันอีกว่า เหตุผลที่นักเตะเลือกจะแก้ไขปัญหากันเอง ก็เพราะคนที่รับหน้าที่แก้ปัญหาเรื่องนี้มากที่สุดอาจจะไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาของพวกเขาได้ ... ฟังดูแล้วดูจะแย่ไปทั้งหมดเลยว่าไหม ?

แต่อันที่จริง ฟุตบอลมันไม่ได้มีอะไรกำหนดว่าทีมที่ใช้ความสามารถของนักเตะเป็นหลักจะไม่ประสบความสำเร็จในฟุตบอลทัวร์นาเมนต์  และแนวทางนี้ก็เหมาะสมกับสถานการณ์ของทีมชาติอังกฤษในเวลานี้ที่สุดแล้ว พวกเขาเข้ามาลึก และมีเวลาน้อยเกินกว่าจะแก้ปัญหาที่แก้ไม่ตกมาหลายปี ดังนั้นการฝากความหวังไว้ที่นักเตะ แทนการสร้างระบบที่ดี และหยิบนักเตะที่ลงล็อกลงมาใช้งาน เป็นสิ่งเดียวที่แฟนบอลอังกฤษพอจะหวังได้ในตอนนี้ 

พวกเขาอาจจะแพ้ทีมระบบทีมเข้ม ๆ อย่าง สวิสในรอบต่อไปก็ได้ ? หรือไม่พวกเขาอาจจะได้ประตูมหัศจรรย์จาก เคน, เบลลิงแฮม, โฟเด้น หรือคนอื่น ๆ จากนั้นก็ปิดเกมตามแบบฉบับที่อังกฤษเป็นก็ได้ 

อย่าลืมว่านี่คือวิธีการที่อังกฤษถนัดที่สุด และเป็นมาเสมอในยุคของเซาธ์เกต ความขี้เหร่นี้แหละ ที่ทำให้ อังกฤษ ในยุคของเขาเข้าไปถึงรอบ 4 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลก เข้าชิงฟุตบอลยุโรป ในแบบที่ยอดกุนซือที่เคยคุมทีมชาติอังกฤษคนที่ผ่าน ๆ มาอย่าง สเวน โกรัน อีริคส์สัน และ ฟาบิโอ คาเปลโล่ หรือจะรวมถึงคนอื่น ๆ ก็ยังทำได้ไม่ใกล้เคียงกับเขาเลยด้วยซ้ำ 

ฟุตบอลรูปไม่หล่ออย่างอังกฤษ จะต้องเจอกับคำวิจารณ์ตลอดทัวร์นาเมนต์ มันเป็นแบบนี้มาเสมอ สิ่งที่พวกเขาต้องทำ ไม่มีอะไรมากไปกว่าการดิ้นรนแบบนัดต่อนัด พยายามทำตามเป้าหมายให้ได้ ไม่ว่าประตูนั้นจะมาจากรูปเกมที่สวยงาม หรือมาจากความสามารถส่วนตัว มันก็นับเป็นประตูทั้งนั้น 

สุดท้ายถ้าอังกฤษทำตามเป้าได้เรื่อย คำวิจารณ์ก็จะน้อยลงเรื่อย ๆ พาลให้คิดถึงประโยคของ แกรี่ เนวิลล์ ที่บอกว่า "มันก็ดูเรียบง่ายดีไม่ใช่เหรอ ? คุณต้องการชัยชนะ คุณอยากจะเข้ารอบต่อไป และมันอาจจะต้องการโชคบ้างนิดหน่อย" ... เพียงแต่เป้าของพวกเขาตั้งไว้คือตำแหน่งแชมป์เท่านั้นเอง

พวกเขาจะเรียบง่ายไปจนถึงจุดนั้นได้จริงหรือ ? นักเตะเก่ง ๆ จะมาเป็นฮีโร่ในเวลาที่พวกเขาต้องการได้บ่อย ๆ ไหม ? ... เรื่องนี้ต้องว่ากันนัดต่อนัดจริง ๆ เพราะอังกฤษชุดนี้มันยากจะคาดเดาเสียเหลือเกิน 

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.thesun.co.uk/sport/28856766/gary-neville-roy-keane-itv-england-vs-slovakia/?
https://www.independent.co.uk/sport/football/england-euro-2024-gareth-southgate-tactics-b2568866.html
https://www.express.co.uk/sport/football/1917232/Gareth-Southgate-England-Slovakia-Euro-2024
https://www.nytimes.com/athletic/5605621/2024/06/30/euro-2024-day-17-england-spain-mbappe/
https://www.nytimes.com/athletic/5597475/2024/06/30/gareth-southgate-england-manager-euro-2024/
https://www.bbc.com/sport/football/articles/cg3ej1gd172o

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Photo

ปฐวี ยอดเนียม

ชื่นชอบกีฬาฟุตบอล แต่ตอนนี้หลงไหล " ว่าย ปั่น วิ่ง "

Graphic

อภิสิทธิ์ โชติพิบูลย์ทรัพย์

Art Director ผู้รับเหมางานภาพกราฟิกหน้าปกบทความทุกชิ้น