Feature

สเปอร์ส - แมดดิสัน : ดีลลงตัวที่รอ "ยกระดับ" ซึ่งกันและกัน | Main Stand

2023-24 อาจเป็นฤดูกาลที่แฟนบอลท็อตแนม ฮอตสเปอร์ รู้สึกถึง "ความตื่นเต้น" มากที่สุดฤดูกาลหนึ่ง เหตุเพราะเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นหลาย ๆ อย่างภายในสโมสร หนึ่งในนั้นคือการเสริมทัพที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปิดดีลสอย "เจมส์ แมดดิสัน" มาเติมแกร่ง

 

ชื่อของ เจมส์ แมดดิสัน ปรากฏอยู่ในแวดวงลูกหนังระดับท็อปมาพักใหญ่แล้ว เขาคือนักเตะแถวหน้าคนหนึ่งของพรีเมียร์ลีก มีผลงานและสถิติการเล่นที่ดีชนิดติดลมบนมาช้านาน ทั้งยังเป็นมีดีกรีทีมชาติอังกฤษอีกต่างหาก

นอกจากท็อตแนมจะได้นักเตะที่มีประสบการณ์มาเติมเต็มทีมรอต่อกรกับคู่แข่งน้อยใหญ่ในเวลาต่อจากนี้ ตัวของแมดดิสันก็เตรียมพิสูจน์ฝีเท้าร่วมกับหนึ่งในทีมบิ๊กซิกซ์ (Big 6) ไปด้วย จนเราอาจตั้งสมมติฐานได้ว่า นี่เป็นการเสริมทัพที่เสมือนได้รับการ "ยกระดับ" และ "เติมเต็ม" ซึ่งกันและกันอย่างแท้จริง

เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น และมีปัจจัยใดบ้างที่สอดรับกับเรื่องราวเหล่านี้ ติดตามไปพร้อม ๆ กับ Main Stand

 

ชื่อชั้นของแมดเดอร์ส

เส้นทางฟุตบอลของ เจมส์ แมดดิสัน นับว่ามีพัฒนาการที่ก้าวกระโดดอยู่เรื่อยมา นับแต่ที่ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของสโมสรในท้องถิ่นอย่าง โคเวนทรี ซิตี้, นอริช ซิตี้, อเบอร์ดีน (สัญญายืมตัว) มาจนถึง เลสเตอร์ ซิตี้ เขาอยู่ลิ้มรสประสบการณ์ฟุตบอลอาชีพมาตั้งแต่ระดับลีกวันขึ้นสู่ลีกแชมเปี้ยนชิพ และมีช่วงสั้น ๆ ที่เขาย้ายไปเล่นในสกอตติช พรีเมียร์ชิพ มาจนถึงการลงบู๊ในเวทีพรีเมียร์ลีก 

แน่นอนว่าเวทีที่เพลย์เมกเกอร์รายนี้มีโอกาสพัฒนาและเค้นศักยภาพของตัวเองออกมาได้ดีที่สุด เกิดขึ้นในช่วงสมัยที่เขาเล่นให้กับ เลสเตอร์ ซิตี้

หลังอยู่โชว์ฟอร์มระดับพระกาฬกับ นอริช ซิตี้ ใน เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ซีซั่น 2017-18 ที่ซึ่งแมดดิสันลงสนามรวมทุกรายการไป 49 นัด เขามีส่วนกับประตูร่วมกับทัพนกขมิ้นเหลืองอ่อนถึง 15 ลูก กับอีก 11 แอสซิสต์ เป็นทั้งดาวซัลโวสูงสุดของทีม พร้อม ๆ กับการผงาดคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมและดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของลีกมาครองได้

แม้นอริชจะไม่ได้สิทธิ์เลื่อนชั้นใด ๆ จากการจบอันดับที่ 14 ของตาราง แต่นั่นก็เพียงพอที่สปอตไลต์จะส่องมาหาดาวซัลโวสูงสุดของสโมสร และดูเหมือนว่าเวทีลีกรองจะเล็กเกินไปสำหรับแข้งวัย 22 ปีรายนี้เสียแล้ว

กระทั่งเดือนมิถุนายน 2018 เป็น เลสเตอร์ ซิตี้ ที่กระชากดาวเตะอนาคตไกลรายนี้มาเติมแกร่งด้วยค่าตัวประมาณ 24 ล้านปอนด์ (รวมแอดออน) เป็นเหตุให้จากดาวรุ่งที่ลงเล่นฟุตบอลอาชีพมาตั้งแต่อายุ 18 ปี กำลังจะได้สัมผัสประสบการณ์บนลีกสูงสุดครั้งแรกในอีก 4 ปีต่อมา  

"เจมส์เป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยม เป็นหนึ่งในนักเตะดาวรุ่งที่น่าตื่นเต้นและมีพรสวรรค์มากที่สุดในวงการฟุตบอลอังกฤษ เขาทำผลงานให้กับ นอริช ซิตี้ ได้อย่างยิ่งใหญ่เมื่อฤดูกาลที่แล้ว และผมดีใจที่เขาตัดสินใจก้าวขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกกับเลสเตอร์" โคลด ปูแอล หัวหน้าผู้ฝึกสอน เดอะ ฟ็อกซ์ ในเวลานั้น กล่าวถึงการตัดสินใจคว้าแมดดิสันมาร่วมทัพ

ในฐานะกองกลางสไตล์หมายเลข 10 ท่ามกลางโลกฟุตบอลสมัยใหม่ เจมส์ แมดดิสัน ยังคงเค้นแนวทางการเล่นนี้และพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด เขาพิสูจน์ให้เห็นอยู่เสมอมาว่าตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์ที่ตัวเองถนัดสามารถบู๊คู่แข่งได้อย่างไร้ที่ติ

ถึงแม้ตำแหน่งและสไตล์การเล่นของกองกลางโคเวนทรีผู้นี้จะหลีกเลี่ยงการตกเป็นเป้าสายตาของเหล่าคู่แข่งไม่ได้ และนั่นจึงนำมาซึ่งอาการบาดเจ็บของเขาอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะทั้งอาการเจ็บที่แฮมสตริง สะโพก ไปจนถึงปัญหาเรื่องหัวเข่า 

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าในทุก ๆ ครั้งที่เจมส์กลับมาลงสนามให้ทีมจิ้งจอก เขายังคงรักษาความสม่ำเสมอไว้ได้ มิหนำซ้ำยังสามารถพัฒนาตัวเองจนกลายเป็นนักเตะระดับแถวหน้า ไม่ว่าจะกับทั้งกุนซือคนแรกอย่าง โคลด ปูแอล ไปจนถึงกุนซือคู่บุญคนต่อมาอย่าง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เรียกได้ว่าไม่มีถดถอยลงแต่ประการใด

203 นัดรวมทุกรายการ ยิงได้ 55 ประตู กับอีก 41 แอสซิสต์ คือสถิติความสำเร็จตลอดช่วงเวลาภายใต้ยูนิฟอร์มทีมจิ้งจอก 

นอกจากนี้ เจมส์ แมดดิสัน ยังอยู่ร่วมสร้างประวัติศาสตร์กับสโมสรมากมาย ทั้งการคว้าอันดับ 5 ในพรีเมียร์ลีกสองซีซั่นติดต่อกัน (2019-20 และ 2020-21) พร้อมช่วยทีมคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรในปี 2021 

ตามมาด้วยการคว้ารางวัลแข้งยอดเยี่ยมของเลสเตอร์ในซีซั่น 2021-22 อีกทั้งการอยู่ค้าแข้งที่ถิ่นคิง พาวเวอร์ สเตเดียม ของเจมส์ยังมีอีกหนึ่งเกียรติยศที่เขาได้รับ นั่นคือการติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ โดยเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2019

เจมส์ แมดดิสัน อยู่เป็นขวัญใจแฟน ๆ เดอะ ฟ็อกซ์ ถึง 5 ฤดูกาลเต็ม และอย่างที่แฟนฟุตบอลทราบกันดี 2022-23 คือซีซั่นที่เลสเตอร์มีอันต้องกลับไปนับหนึ่งใหม่อีกครั้งในลีกแชมเปี้ยนชิพจากการจบฤดูกาลพรีเมียร์ลีก ด้วยอันดับที่ 18

เจมส์ แมดดิสัน คือซูเปอร์สตาร์เบอร์ต้น ๆ ของเลสเตอร์ และอาจจะดูกระไรอยู่หากแข้งแถวหน้าคนนี้จะอยู่นับหนึ่งใหม่กับทีมที่ลงเล่นในลีกรอง ซึ่งตัวเขาก็มีข่าวย้ายทีมกับทีมชั้นนำของอังกฤษอยู่เรื่อยมา

ก่อนจะเป็น ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ในยุคเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่อีกระลอกหนึ่งของสโมสร ภายใต้การคุมทีมของผู้จัดการทีมรายใหม่ อังเก้ ปอสเตโคกลู ที่ปฏิบัติการสายฟ้าแลบ เจรจากับนักเตะและตัวแทนได้ไม่นานก็ดึงตัวแมดดิสันมาร่วมก๊วนที่ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ สเตเดียม

จนอาจกล่าวได้ว่า นี่คือดีลซื้อตัวที่สมดั่ง "กิ่งทองใบหยก"

 

สเปอร์สในยุคเปลี่ยนผ่าน

นับแต่ที่พลพรรคไก่เดือยทองแยกทางกับ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กุนซือซึ่งว่ากันว่าเป็นหนึ่งในผู้ปลุกปั้น DNA แนวทางการเล่นของสโมสร กล่าวคือเป็นการเล่นฟุตบอลที่ไหลลื่น เน้นไปที่เกมรุก และเล่นในสไตล์เอ็นเตอร์เทนแฟน ๆ 

เมื่อโปเช็ตติโน่ทำทีมถูกใจแฟนบอลและถูกใจท่านประธาน แดเนี่ยล เลวี่ ทว่าเขากลับไม่อาจพาทีมหยิบโทรฟี่มาประดับตู้โชว์ได้จึงมาสู่การแยกทางกัน และจากนั้นสเปอร์สก็เลือกลองผิดลองถูกกับผู้จัดการทีมน้อยใหญ่อีกหลายคน 

ไม่ว่าจะลองเปลี่ยนสไตล์มาใช้โค้ชที่มีชื่อเสียงระดับท็อปอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ ไปจนถึง อันโตนิโอ คอนเต้ เช่นเดียวกับการดึง นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต หรือแม้แต่การดัน ไรอัน เมสัน โค้ชลูกหม้อขึ้นมาทำทีม 

แน่นอนว่าทุกคนที่เอ่ยมานี้ผลสุดท้ายคือพาทีมไปไม่ถึงฝั่งฝัน คำว่าล้มเหลวเกิดขึ้นมากกว่าคำว่าสำเร็จ แถมหลาย ๆ คนยังต้องลาจากสโมสรไปแบบไม่สวยอีกต่างหาก

ด้วยเหตุนี้ฤดูกาล 2023-24 จึงเปรียบได้ดั่งการนับหนึ่งใหม่ของทีมด้วยการหาโค้ชใหม่ ดังที่สโมสรคาดหวังถึงแนวทางการเล่นที่รวดเร็ว เน้นเกมบุก ตลอดจนมีประวัติเรื่องการปลุกปั้นนักเตะจากอคาเดมี รู้และเข้าใจความสำคัญตั้งแต่ระบบเยาวชน กระทั่งชื่อมาออกที่กุนซือสัญชาติออสเตรเลียนอย่างปอสเตโคกลู 

"อังเก้นำความคิดเชิงบวกและรูปแบบการเล่นเน้นการบุกโจมตีรวดเร็วเข้ามา เขามีประวัติคุมทีมที่โดดเด่นเรื่องการพัฒนานักเตะ เขาเข้าใจถึงความสำคัญของการเชื่อมโยงกับอคาเดมี" แดเนี่ยล เลวี่ ประธานสโมสรท็อตแนม ย้ำถึงความสำคัญของผู้จัดการทีมคนใหม่ผ่านเว็บไซต์ทางการสโมสร "กับทุก ๆ เรื่องที่สำคัญต่อสโมสรเรา เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้อังเก้มาอยู่กับทีม ในระหว่างนี้เรากำลังเตรียมพร้อมสำหรับฤดูกาลหน้า"

เมื่อคลับไก่มองแล้วว่าอังเก้ในฐานะกุนซือผู้ซึ่งเพิ่งพา กลาสโกว์ เซลติก ผงาด 5 แชมป์ตลอดสองซีซั่นในสกอตแลนด์ เป็น "คนที่ใช่" ของสโมสร ที่เหลือต่อจากนั้นก็คือการปรับเสริมเติมแต่งทีมให้เหมาะสม 

และเมื่อกางชื่อผู้เล่นที่พร้อมเข้ามาเติมเต็ม หนึ่งในแคนดิเดตที่น่าสนใจก็คือ เจมส์ แมดดิสัน ซึ่งอยู่ในสถานะพอเหมาะพอเจาะแก่การย้ายทีม 

ยิ่งไปกว่านั้นสื่อเอ็กซ์คลูซีฟหลาย ๆ สำนักระบุเป็นเสียงตรงกันว่า ท็อตแนมเคยเหล่มิดฟิลด์จากโคเวนทรีในวัยขณะนั้น 18 ปีมาตั้งแต่ยุคโปเช็ตติโน่แล้ว เพียงแต่ปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ณ ตอนนั้นทำให้ดีลดึงแมดดิสันสมัยเป็นดาวโรจน์ไม่เกิดขึ้น

ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะได้ร่วมงานกันจริง ๆ ทางฝั่งท็อตแนมแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจเซ็นสัญญาถึงขั้นที่ว่าตลาดซื้อขายนักเตะรอบซัมเมอร์ 2023 เพิ่งเปิดมาได้เพียงสองสัปดาห์ทีมก็บรรลุข้อตกลงกับนักเตะได้แล้ว 

ว่ากันว่าสเปอร์สจริงจังกับแมดเดอร์สมากกว่าอีกทีมที่มีข่าวเชื่อมโยงอย่าง นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด และที่สำคัญการปิดดีลของท็อตแนมเป็นการพูดคุยเพียงไม่กี่วันเท่านั้น 

28 มิถุนายน 2023 ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ก็ประกาศคว้า เจมส์ แมดดิสัน มาร่วมทีมด้วยสัญญายาว 5 ปี พร้อมค่าตัวตามที่สื่อรายงาน 40 ล้านปอนด์ บวกแอดออน

 

กลมกล่อมกับอังเก้

"สเปอร์สกำลังก้าวไปสู่ทิศทางใหม่ ๆ พร้อมกับผู้จัดการทีมคนใหม่ ตอนนี้ผมรู้สึกกระหายอย่างมากกับสถานที่แห่งนี้ (สโมสรท็อตแนม ฮอตสเปอร์) ผมพร้อมที่จะเริ่มทันที เมื่อคุณเป็นนักเตะของ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ คุณจะรู้สึกได้ถึงสโมสรและทุกอย่างเกี่ยวกับสเปอร์ส มันเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยม"

"ผมได้คุยกับผู้จัดการทีม คุยกับแดเนี่ยล ทั้งสองต่างก็พูดถึงทุกสิ่งอย่างเกี่ยวกับสโมสรในทางที่ดีมาก ๆ การพูดคุยกับผู้จัดการทีมเป็นเรื่องสำคัญ มันทำให้ได้รู้ว่าเขาเป็นแบบไหน ได้รู้ในสิ่งที่ยังไม่รู้"

"การพูดคุยกับเขา (อังเก้) อย่างเหมาะสมก็เพื่อรับรู้ความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ ว่าเขามองว่าสเปอร์สอย่างไรในฤดูกาลนี้ … เขาบอกผมมาอย่างหนึ่ง ผมหวังว่าเขาจะไม่ว่าอะไรที่ผมเล่านะ เขาพูดว่า 'ไม่ว่าคุณจะมาหรือไม่มา คุณจะได้เห็นสเปอร์สที่เปลี่ยนโฉมไปเลยภายใต้การคุมทีมของผม' ที่เขาบอกแบบนั้นมันโดนใจผมมาก"

"ตอนนี้ผมได้มาเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ และผมก็ได้สวมเสื้อขาวที่สวยงามตัวนี้ ผมพร้อมลุยแล้ว"

จากการได้พูดคุยแผนการในภายหน้าโดยเฉพาะกับ อังเก้ ปอสเตโคกลู มันแสดงให้เห็นแรงกระหายและความทะเยอทะยานภายใต้ต้นสังกัดใหม่ 

บ่งบอกเป็นอย่างดีว่า เจมส์ แมดดิสัน พร้อมช่วยให้สโมสรบินสูง พร้อม ๆ กับพาตัวเองไปสู่อีกระดับของถนนลูกหนังอาชีพ

การเข้ามาของ เจมส์ แมดดิสัน ที่สเปอร์ส ภายใต้กุนซือคนใหม่ชาวออสเตรเลียจะเข้ามาเติมเต็มซึ่งกันและกันได้อย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งในฐานะกองกลางจอมสร้างสรรค์เกม เป็นมิดฟิลด์ประเภทบ็อกซ์-ทู-บ็อกซ์ รวมถึงการเติมขึ้นไปช่วยทีมจบสกอร์

สมัยอยู่คุมทีมเซลติก อังเก้มักใช้แผนการเล่นในระบบ 4-3-3 ในการพิชิตแชมป์แดนวิสกี้ โดยมีมิดฟิลด์สไตล์โฮลดิ้งหรือเบอร์ 6 หนึ่งคน มีกองกลางสไตล์เบอร์ 8 สองคน 

หากเรามองมายังระบบการเล่นดังกล่าวกับสเปอร์ส แมดดิสันสามารถเล่นได้ทั้งตำแหน่งกองกลางเบอร์ 8 รับบทบาททั้งการเล่นเกมรุก รวมถึงช่วยตัดเกมในบางจังหวะ 

ขณะเดียวกัน บทบาทการเป็นจอมทัพของแมดดิสันก็อาจจะดูเด่นชัดมากกว่านั้นได้ถ้าอังเก้ยึดแผนการเล่น 4-2-3-1 เป็นอีกหนึ่งแนวทางในซีซั่นใหม่ 2023-24 ดังเกมอุ่นเครื่องนัดแรกรับพรีซีซั่นที่พ่ายต่อ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-3 

เกมดังกล่าวกุนซือแดนจิงโจ้จับเพลย์เมกเกอร์ที่สวมเสื้อเบอร์ 71 (ชั่วคราว) ยืนปั้นเกมอยู่หลัง แฮร์รี่ เคน กล่าวคือแมดดิสันได้รับบทบาทเป็นตำแหน่งเบอร์ 10 สร้างสรรค์เกมหลังสามประสานในแดนหน้าไปเลย

อนึ่ง กับเกมกระชับมิตรนัดแรกที่แม้สเปอร์สจะพ่าย แต่ตัวเลขที่ออกมากลับมีอะไรชวนให้พูดถึงหลังสิ้นเสียงนกหวีดยาว มีสถิติว่าไก่เดือยทองเป็นฝ่ายครองบอลถึง 71.1 % พร้อมสร้างโอกาสจบสกอร์ทั้งหมด 31 ครั้ง แบ่งเป็นการยิงตรงกรอบ 13 ครั้ง แปรเปลี่ยนเป็น 2 ประตู นั่นแสดงให้เห็นถึงบอลที่เน้นเกมบุก ครองบอลเหนียวแน่นและเล่นแบบเอ็นเตอร์เทนแฟน ๆ 

ดังนั้นหากเรามองมาที่สไตล์การทำทีมของนายใหญ่วัย 57 ปีกับเกมอุ่นเครื่องนัดแรกที่อาจส่งผลไปตลอดฤดูกาลใหม่ที่จะถึง นั่นหมายความว่า หากแมดดิสันซึมซับแทคติกและวิธีการได้เร็วเท่าไร ความกลมกล่อมระหว่างกันก็จะเกิดขึ้นได้ทันที

อย่าลืมว่าแมดดิสันได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักเตะเบอร์ต้น ๆ ของลีก สิ่งนี่บ่งบอกได้จากสถิติเด่น ๆ ตลอดช่วงเวลา 5 ปีกับเลสเตอร์

ยกตัวอย่างฤดูกาล 2022-23 แม้เลสเตอร์จะตกชั้น แต่ฟอร์มของแมดดิสันกลับสวนทางกับความล้มเหลว เขาทำประตูได้มากถึง 10 ประตู เหนือกว่ายอดกองกลางทั้ง เควิน เดอ บรอยน์ (7) และ บรูโน่ แฟร์นันด์ส (8) 

เช่นเดียวกับผลงาน 9 แอสซิสต์ มากกว่าผู้เล่นตำแหน่งใกล้เคียงอย่าง บรูโน่ แฟร์นันด์ส (8) และ มาร์ติน โอเดการ์ด (7) ทั้งยังมีสถิติจ่ายบอลสำคัญเฉลี่ยต่อเกม (Key passes per game) ถึง 2.30 ครั้ง พร้อมกับสถิติสร้างโอกาสเข้าทำ (Chances created) ถึง 69 ครั้ง มากกว่านักเตะสเปอร์สทุกคน (ซน ฮึง-มิน เป็นเจ้าของสถิติสร้างโอกาสมากสุดในซีซั่น 2022/23 ของท็อตแนมที่ 61 ครั้ง)


  
ในอดีตที่ไม่ต้องย้อนไปนาน สเปอร์สเคยมีนักเตะประเภทนี้อยู่สร้างสรรค์เกม อาทิ คริสเตียน เอริคเซ่น รวมถึงนักเตะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับแมดดิสันอย่าง เดลเล่ อัลลี ซึ่งทั้งสองก็มีส่วนช่วยให้สโมสรมีลุ้นแชมป์และเข้ารอบลึก ๆ ในหลายรายการ โดยเฉพาะพรีเมียร์ลีก และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

ก่อนกาลเวลาจะเปลี่ยนผ่าน เอริคเซ่นกับอัลลี่อำลาทีมไปตามเหตุผลของแต่ละคน ทำให้รูปแบบการเล่นของทีมขาดมิติในจุดนี้ไป 

จนเหลือแค่การสร้างสรรค์โอกาสและลุ้นทำประตูจากชื่อผู้เล่นแนวรุกของทีมเพียงอย่างเดียวจาก แฮร์รี่ เคน รวมถึง ซน ฮึง-มิน ที่มักจะมีชื่อบนสกอร์บอร์ดมากกว่าเพื่อนร่วมทีมคนใด

แต่กระนั้น ฤดูกาล 2023-24 มันอาจเปลี่ยนไป เพราะสโมสรได้อาวุธใหม่อย่างแมดดิสันมาเติมเต็ม

"เราต้องการความเป็นผู้นำในสนาม ผมรู้สึกว่าเขาสามารถเป็นผู้เล่นคนนั้นได้" อังเก้ แสดงความเห็นถึงดาวเตะป้ายแดง

"ในฐานะนักเตะที่สามารถทำเช่นนั้นได้ เขาพิสูจน์ตัวเองว่าอยู่ในจุดนั้นมาตลอดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมื่อคุณมองมายังท็อตแนมในช่วงไม่กี่ปีหลัง สโมสรพึ่งพาแค่สามประสานในแดนหน้าในแง่ของการทำประตู"

ขณะที่ตัว เจมส์ แมดดิสัน เองก็อาจจะเพิ่มสถิติส่วนตัวดีให้ยิ่งขึ้นกว่านี้ได้อีก อย่าลืมว่าขนาดทีมของท็อตแนมและชื่อชั้นของนักเตะหลาย ๆ คนที่เขารอลงเล่นด้วย ล้วนแต่อยู่ในระดับแถวหน้าของลีกและยุโรป

บางทีมันอาจจะถึงเวลาแล้วที่ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ จะกลับมาทำผลงานชวนให้สาวกสโมสรรู้สึกถึงความตื่นตาตื่นใจได้อีกครั้ง เราอาจเห็นสโมสรยกระดับไปอีกขั้นโดยมีมิดฟิลด์วัย 26 ปีเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญ

ที่เหลือก็รอแค่เวลามาเป็นเครื่องพิสูจน์

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.tottenhamhotspur.com/news/2023/june/james-maddison-that-feeling-of-being-a-spurs-player-now-is-something-i-m-very-excited-about/ 
https://theanalyst.com/eu/2023/06/james-maddison-why-tottenham-made-sure-they-got-him/ 
https://www.bbc.com/sport/football/44553234 
https://www.dailymail.co.uk/sport/football/article-12241875/James-Maddison-perfect-fit-Ange-Postecoglous-Tottenham
https://theathletic.com/4648244/2023/06/28/james-maddison-tottenham-transfer-2/ 
https://theathletic.com/4682033/2023/07/11/ange-postecoglou-james-maddison-tottenham/ 
https://www.football.london/tottenham-hotspur-fc/news/breaking-daniel-levy-ange-postecoglou-27063653 

Author

พชรพล เกตุจินากูล

แฟนคลับเชลซี ติดตามฟุตบอลเอเชีย ไก่ทอดและกิมจิเลิฟเวอร์

Photo

ปฐวี ยอดเนียม

ชื่นชอบกีฬาฟุตบอล แต่ตอนนี้หลงไหล " ว่าย ปั่น วิ่ง "

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ