ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะได้เห็นนักขับ F1 ยืนแจกลายเซ็นให้กับแฟนกีฬาความเร็วและได้รับของที่ระลึก ทว่าในการแข่งขันรายการสิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์ ระหว่างวันที่ 22-24 กันยายน 2023 ที่ผ่านมา กลับมีของที่ระลึกอยู่หนึ่งชิ้นที่นักขับทุกคนได้รับจนกลายเป็นกระแส
ของที่ระลึกชิ้นนั้นได้แก่ "กางเกงมวยไทย" หนึ่งในสินค้าซอฟต์พาวเวอร์ของไทย ที่ได้รับการปักชื่อของนักแข่งและคัสตอมเป็นสีประจำทีมแข่งของแค่ละคน โดย Main Stand ได้สืบทราบมาว่ากางเกงตัวนี้เป็นของที่ระลึกจาก จิล แฟน F1 ชาวไทยที่ยอมลงทุนลงแรงตั้งใจทำกางเกงเหล่านี้เพื่อมอบให้นักขับทุกคน
อย่างที่ทราบกันดีว่าในการแข่งขันแต่ละเรซจะมีแฟนกีฬาจากทั่วโลกนับแสนคนเดินทางมารับชมการแข่งขัน และแน่นอนว่าการที่ จิล จะนำกางเกงไปมอบให้กับนักกีฬาทั้ง 20 คนคงไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน
Main Stand ได้มีโอกาสร่วมพูดคุยกับ จิล ถึงประสบการณ์ในครั้งนี้ พร้อมนำบทสัมภาษณ์สุดพิเศษมาฝากกัน
สิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์ สนามในฝันของแฟนความเร็ว
การแข่งขันกีฬา F1 ถือเป็นการแข่งขันกีฬามอเตอร์สปอร์ตที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และไม่ว่าจะเดินทางไปแข่งขันที่ประเทศไหนก็มักจะมีแฟนก็ฬาจากทั่วโลกเดินทางตามมาร่วมรับชม เช่นเดียวกับการแข่งขันรายการ สิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในรายการแข่งขันระดับโลก
ความพิเศษของรายการนี้ที่เป็นที่รู้จักกันอย่างดี เนื่องจากเป็นการแข่งขัน Night Race หรือ การแข่งขันตอนกลางคืน อีกทั้งยังเป็นสนามแข่งขันแบบสตรีท เซอร์กิต ที่มีการปิดถนนที่ผู้คนใช้สัญจรในเมืองมาเป็นสนามแข่งขัน และมนต์เสน่ห์นี้ทำให้การแข่งขันรายการนี้เป็นที่ตั้งตารอของแฟนกีฬาความเร็ว
ก่อนหน้านี้ในปี 2020 และ 2021 สนามมารินา เบย์ สตรีท เซอร์กิต ไม่ถูกใช้จัดการแข่งขัน เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ จิล ได้มีโอกาสรู้จักและรับชมการแข่งขัน F1 เป็นครั้งแรกผ่านหน้าจอ
จนกระทั่งปี 2022 สิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์ ได้กลับมาจัดการแข่งขันอีกครั้ง ทำให้ จิล ไม่พลาดโอกาสที่จะเดินทางไปสนามเพื่อรับชมบรรยากาศสุดน่าตื่นเต้น
"การได้มาอยู่ในบรรยากาศหรือที่ที่มันเป็นเรซ ออฟ เดอะ เยียร์ เป็นความรู้สึกที่ดีมาก ๆ อย่างหนึ่งเลย ซึ่งอีกอย่างหนึ่งคือการที่เราได้ไปในที่ที่เราเจอคนที่มีความชอบอะไรเหมือนกัน"
การเดินทางออกไปสนามมารินา เบย์ สตรีท เซอร์กิต ในครั้งนั้นทำให้ จิล รับรู้มุมมองหลาย ๆ อย่าง และหนึ่งในนั้นเกิดจากการได้เห็นเหตุการณ์ที่แฟน ๆ ต่างขอถ่ายรูปและขอลายเซ็นนักแข่ง จนเกิดคำถามว่า "ทำไมนักกีฬาถึงเป็นแต่คนให้ ?"
"เราได้เห็นว่าเขามาแจกลายเซ็นกับแฟน ๆ หรือว่าถ่ายรูป ซึ่งเรารู้สึกว่าเขาให้เราเยอะ มีแต่เราที่ไปขอ นอกจากเสียงซัพพอร์ตเล็ก ๆ ที่มีให้มันก็เลยเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้เราอยากมีของสักชิ้นเอาไปให้"
แน่นอนว่าในปี 2023 รายการสิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์ ได้กลับมาจัดแข่งขันขึ้นอีกครั้งในช่วงระหว่างวันที่ 22-24 กันยายน ซึ่ง จิล ไม่ได้มามือเปล่า เธอมาพร้อมกับของฝากสำหรับนักกีฬาทุกคน และสิ่งนั้นก็คือ "กางเกงมวยไทย"
"เราแค่มีความรู้สึกว่าปีที่แล้วที่มาดูเราได้เจอนักแข่งนักขับหลาย ๆ คน แล้วเราก็รู้สึกว่าเราเป็นคนไทยไปไหนมาไหนก็จะมีของฝาก และเราก็รู้สึกว่า สิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์ ไม่ได้มีอะไรที่เป็นเอกลักษณ์ขนาดนั้น"
"อย่างเช่นไปที่เท็กซัส (ยูไนเต็ด สเตทส์ กรังปรีซ์) ก็อาจจะได้พวกรองเท้าคาวบอยหรือหมวกในธีมเท็กซัส ถ้าไปญี่ปุ่นก็อาจจะได้ชุดกิโมโนหรือซากุระ"
"แต่พอมันไม่มี (สิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์) ก็เลยคิดว่าเป็นกางเกงมวยแล้วกัน ซึ่งเราก็ทำให้มีเอกลักษณ์เช่นการปักชื่อแล้วก็ทำสีกางเกงให้เข้ากับทีมแข่ง"
เมื่อมีความต้องการที่จะมอบของที่ระลึกให้กับนักกีฬาระดับโลก แน่นอนว่า จิล ต้องวางแผนและดำเนินการล่วงหน้า 5 เดือนเต็ม ๆ ก่อนที่การแข่งขันที่ประเทศสิงคโปร์จะเริ่มขึ้น โดยเธอได้ติดต่อร้านกางเกงแห่งหนึ่งในประเทศไทยเพื่อให้ออกแบบและผลิตกางเกงให้ตามที่ต้องการ
"เราส่งโจทย์ไปให้ร้านกางเกงมวยว่าอยากทำกางเกงมวยสีแบบนี้ ลายแบบนี้ ปักชื่อตามนี้ แต่บางทีทางร้านก็จะบอกว่าถ้าสีแบบนี้มันไม่มี อย่างเช่นสีของทีมแอสตัน มาร์ติน ที่เป็นสีเขียวที่มีเอกลักษณ์แต่ว่าผ้ามันไม่มี เราก็จะบอกให้เขาส่งตัวอย่างผ้ามาให้ดูแต่ขอให้ใกล้เคียงแล้วเราจะเลือกเอง"
ซึ่งเดิมทีในความคิดแรกเริ่ม จิล ต้องการสั่งทำกางเกงเพื่อมอบให้กับนักกีฬาในดวงใจเท่านั้น แต่ด้วยความที่ดูกีฬาเป็นกีฬา ทำให้เธอได้ตัดสินใจสั่งทำกางเกงกว่า 20 ตัวเพื่อมอบให้กับนักกีฬาทุกคนรวมถึงทีมงานที่เธอติดตาม
มิชชั่นครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย
หลังจากที่ได้กางเกงตามที่ต้องการ วันแห่งการรอคอยของ จิล ก็มาถึง กับภารกิจนำ กางเกงมวยไทย ของฝากจากความตั้งใจและแพสชั่นในกีฬา F1 ไปมอบให้กับนักกีฬาให้ครบทั้ง 20 คน
แน่นอนว่าในภารกิจในครั้งนี้ จิล มีเวลาที่จำกัดเพียง 3 วันเท่านั้น ทั้งวันซ้อม วันแข่งรอบคัดเลือก และวันแข่งขันจริง (22-24 กันยายน 2023) จิล เล่าให้ฟังว่า เมื่อเธอเดินทางไปที่สนาม คำว่าท้อก็ปรากฏขึ้นมา และยอมรับว่าสิ่งนี้ยากกว่าที่คิดไว
"ยาก เราขอตอบตรง ๆ เลยว่ายาก ก่อนที่เราจะทำกางเกงมวย เรารู้สึกว่าภารกิจนี้มันง่ายมาก แค่ฝาก (กางเกงมวย) ให้กับนักกีฬา พอเอาเข้าจริง ๆ เจอหน้างานเราถึงกับท้อ มันต้องใช้การวางแผนจริง ๆ แล้วก็ใช้แรงเยอะ ใช้เวลาเยอะ แล้วเวลาก็ยังมีจำกัด"
ยิ่งไปกว่านั้นนอกเหนือจากเวลา จิล ยังต้องพาตัวเองไปในที่ที่มีโอกาสมอบกางเกงมวยไทยให้กับนักกีฬา ซึ่งเธอต้องพยายามขอความช่วยเหลือจากแฟนกีฬาเพื่อขอพื้นที่ในการมอบของขวัญสุดพิเศษ
"ทุก ๆ คนที่เราเจอในวันนั้น เราต้องบอกกับเขาว่า เรามีโปรเจ็กต์พิเศษส่วนตัว เรามาเพื่อให้กางเกงกับนักกีฬาเวลาเราไปรอนักกีฬาที่ตรงทางเข้าแพดด็อก (Paddock หรือ พื้นที่ซ่อมบำรุงรถขณะยังไม่ได้แข่ง) เราก็อาจจะขออนุญาตแทรกเอากางเกงไปให้ และเราจะคืนที่ยืนให้ แต่ถ้ามีอะไรให้ช่วยอย่างเช่นเอาของมาให้เซ็นเราเองก็ยินดีในจังหวะนั้น"
แม้ว่าในบางครั้ง จิล จะไม่สามารถส่งมอบกางเกงให้ถึงมือนักกีฬาได้ทุกคน แต่เธอก็ยังได้ฝากทีมงานของแต่ละทีมไปมอบให้กับนักกีฬา แต่ยังมีอีกหนึ่งเหตุการณ์สุดประทับใจที่ จิล เล่าให้กับทีมงาน Main Stand ฟังเกี่ยวกับการเดินทางไปมอบกางเกงให้ เอสเตบัน โอคอน จากทีม อัลพีน
"ตอนนั้นเรามีโอกาสยืนอยู่ข้างหน้าพิท การาจของทีม ซึ่งทีมงานเขาก็เดินมาคุยเรื่องกางเกงเพราะว่าเราถือกางเกงโชว์อยู่ ทีมงานก็ถามว่านี่จะเอากางเกงให้เซ็นเหรอ เราก็เลยบอกว่าไม่ใช่ เราแค่เอากางเกงมาให้ เป็นกางเกงมวยจากแฟนคลับชาวไทยปักชื่อของนักกีฬา และเขาก็บอกให้เรายืนรอ"
"ตอนนั้นโอคอนกำลังลองเซ็ตอัพที่นั่งอยู่ เราก็เลยยืนรออยู่ตรงนั้นเพราะได้เห็นนักกีฬาแล้ว ส่วนเรื่องกางเกงก็น่าจะได้รับเพราะทีมงานเข้าไปหา จนเขาลองที่นั่งเสร็จทีมงานก็เดินมาเอากางเกงเข้าไปให้ ซึ่งตอนนั้นเราเห็นว่าโอคอนดูตกใจแล้วดีใจมาก แล้วทีมงานก็ชี้มาทางเรา"
"หลังจากนั้นโอคอนก็เดินออกมาหาเราแล้วก็คุยเรื่องกางเกง ซึ่งเขาก็ขอบคุณเรา เราก็เลยตอบกลับไปว่าเป็นของขวัญวันเกิดล่วงหน้า เขาก็บอกว่าเขาเองก็รู้จักมวยไทยและชื่นชอบมาก"
และอีกหนึ่งเหตุการณ์คือการฝากกางเกงให้กับ วัลท์เทอรี บอททาส นักขับของทีมอัลฟา โรเมโอ เหตุการณ์ในวันนี้ จิล ได้มีโอกาสเจอกับ มะปราง อลิสา ขุนแขวง ดารานักแสดงจากประเทศไทยที่ได้มีโอกาสมารับชมการแข่งขันในปีนี้ ก่อนที่ จิล จะขอถ่ายรูปด้วย
"คุณมะปราง อลิสา เขาก็เป็นคนหนึ่งที่เดินผ่านพอดี เราก็เลยขอถ่ายรูปกับเขา ซึ่งเราก็ได้เล่าเรื่องนี้ให้เขาฟังว่ามีโปรเจ็กต์ส่งกางเกงมวยไทย ซึ่งตอนนี้เหลือแค่ของ วัลท์เทอรี บอททาส"
"ตอนนั้นเราเห็นเขาใส่เสื้อทีมอัลฟา โรเมโอ ด้วยก็เลยรบกวนฝากเขาเข้าไป ซึ่งเขาก็ใจดีมากรับฝากไป แล้วเขาก็ถามกลับมาว่าให้บอกไหมว่ามาจากใคร ? เราก็เลยบอกว่าไม่ต้องแค่บอกไปว่ามาจากไทยแฟนก็พอ"
นอกจากนี้ จิล ยังต้องติดตามโปรแกรมต่าง ๆ ของนักกีฬา ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมแฟนมีตติ้งของแต่ละทีม เพื่อให้มีโอกาสได้พบกับนักกีฬาและนำกางเกงไปมอบให้
โบนัสชีวิต
การได้พบเจอกับนักแข่งระดับโลกตัวจริงเสียงจริงและได้มอบกางเกงมวยไทยให้กับนักขับกับมือเกินกว่าคำว่าฝัน ซึ่งภารกิจของเธอในการนำกางเกงกว่า 20 ตัวไปมอบให้กับนักกีฬาสำเร็จไปได้ด้วยดี
"ความรู้สึกในตอนนั้นคือภารกิจเราสำเร็จแล้ว ไม่ว่านักกีฬาจะได้หรือไม่ได้ตอนที่เราได้ให้จริง ๆ เราแค่รู้สึกว่าเราได้ทำในสิ่งที่พูด ทำในสิ่งที่ตั้งใจเรียบร้อยแล้ว เพราะสิ่งนี้คือสิ่งที่เราได้คุยกับเพื่อน ๆ ที่ดู F1 ตั้งแต่ปีที่แล้วว่าบางทีก็อยากจะทำให้สิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์ เป็นที่จดจำของนักขับ"
หลังจากมอบกางเกงให้กับนักกีฬาเสร็จสิ้น จิล ไม่มีทางทราบได้เลยว่านักกีฬาเหล่านี้จะได้รับของที่ระลึกที่เธอตั้งใจทำขึ้นมาหรือไม่ ?
และเมื่อโซเชียลเข้ามามีอิทธิพล ทำให้ จิล ได้มีโอกาสเห็นผลจากความพยายามของตัวเอง และยังทำให้ความฝันของ จิล ถูกเติมเต็มไปอีกขั้น
"มันทำให้เราใจชื้นได้มากขึ้น เพราะว่าตลอด 3 วันที่เราแบกกางเกง เราเองยังรู้สึกท้อว่ากางเกงที่ทำมาจะหมดไหม จะเจอนักกีฬาครบไหม ต่อให้เจอไม่ครบก็ต้องฝากให้หมด ซึ่งการที่นักกีฬาโพสต์หรือใช้มันก็ถือเป็นโบนัสของเรา และถือเป็นโบนัสให้กับแฟนกีฬาคนไทยทุกคน"
หลังจากที่ได้รับกางเกงมีนักกีฬารายหลายได้นำสิ่งของเหล่านี้มาใช้งานจริง เช่น เอสเตบัน โอคอน นักขับของทีมอัลพีน ที่นำกางเกงมวยตัวนี้มาสวมใส่ขณะออกกำลังกาย หรือ ปิแอร์ แกสลีย์ ที่ใส่กางเกงมวยไทยชกมวย
"เราเองรู้สึกว่าสิ่งนี้มันเกินความคาดหมายของเรา เพราะว่าเราก็พอรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นนักกีฬาก็จะต้องมีการออกกำลังกาย แต่ไม่คิดว่าเขาจะใส่มันจริง ๆ แล้วเราก็ได้เห็น"
"แค่เราได้ให้เราก็ดีใจแล้ว แต่การที่หลังจากนั้นมันมีอะไรบางอย่างกลับมาหาเรา ต่อให้เขาไม่รู้ว่าเราคือใครแต่เขาก็ยังใช้มันหรือพยายามสื่อทางอ้อมว่าเขาเอ็นจอยกับมัน อันนี้คือเรื่องที่เกินความคาดหมายเรามาก ๆ"
เชื่อว่าท้ายที่สุดแล้ว แม้ว่า จิล จะเป็นเพียงหนึ่งในแฟนกีฬาที่นำของที่ระลึกไปมอบให้นักขับ F1 แต่เชื่อว่าความตั้งใจของหญิงไทยรายนี้จะสร้างความประทับใจและความทรงจำให้กับนักขับ F1 ที่เดินทางมาแข่งขันรายการสิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์ อยู่ไม่น้อย และมันยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับแฟนกีฬาอีกหลาย ๆ คนให้ลุกขึ้นมาทำตามแพชชั่นของตัวเองอีกด้วย
