ถึงแม้ฤดูกาล 2023-24 เชลซี ภายใต้การคุมทีมของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ จะซีเรียสและให้ความสำคัญในเรื่องอาหารการกินของนักเตะ แต่ก็มีภาพการกินบาร์บีคิวในสนามซ้อมที่หลุดออกมาให้เห็น ทำให้วินัยและความเข้มงวดในแง่การควบคุมการรับประทานอาหารของทัพสิงห์บลูส์เป็นอีกเรื่องที่ต้องปรับปรุง
การเข้ามาใหม่ของกุนซือชาวอิตาเลี่ยน เอ็นโซ่ มาเรสก้า กำลังจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เพราะโค้ชฟิตเนสที่เขาหนีบมาด้วยจาก เลสเตอร์ ซิตี้ อย่าง มาร์กอส อัลวาเรซ ขึ้นชื่อเป็นอย่างมากในเรื่องความเข้มงวดของอาหารการกินนักเตะ หลังมีประสบการณ์การทำงานในยุโรปหลายแห่ง และล่าสุดกับสโมสร เชลซี ในตอนนี้
ความเข้มงวดของ มาร์กอส อัลวาเรซ จะจริงจังขนาดไหน ติดตามไปกับ Main Stand
เข้มงวดแต่แรก
มาร์กอส อัลวาเรซ เริ่มงานแรกในประเทศสเปนบ้านเกิดกับสโมสร เซบีย่า ในฐานะโค้ชด้านสมรรถภาพด้านร่างกาย ที่จะทำหน้าที่ออกแบบการฝึกซ้อม พร้อมกับแนะนำเทคนิคการฝึกและออกกำลังกายอย่างถูกต้องต่อนักเตะ เขารับใช้สโมสรมากมายทั่วยุโรป เช่น ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์, เรอัล มาดริด, ซีเอสเคเอ มอสโก และ เรอัล เบติส ก่อนจะเปลี่ยนหน้าที่เป็นโค้ชด้านกีฬาให้กับสโมสร ปาร์ม่า และ สปอล ในช่วง 2021-2023
ในฤดูกาล 2023-24 หน้าที่ของ อัลวาเรซ ก็เปลี่ยนอีกครั้งกับการหน้าที่ใหม่ โค้ชฟิตเนส ที่ทำให้นักเตะจำสิ่งที่ตัวเขาทำไว้ได้ในสโมสรต่าง ๆ โดยเฉพาะกับที่ สเปอร์ส เมื่อฤดูกาล 2007-08
ที่นั่น อัลวาเรซ มีโอกาสร่วมงานกับ ฆวนเด้ รามอส และได้ทำการสั่งแบนอาหารมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ซอส, น้ำผลไม้, เค้ก แม้แต่เกลือกับพริกไทยก็ไม่เว้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แบบนี้ ทำให้นักเตะแต่ละคนเซอร์ไพรส์อย่างมาก ถึงขั้นที่ต้องส่งให้กัปตันทีม เลดลี่ย์ คิง ไปขอร้องโค้ชและถามเจ้าหน้าที่สโมสรว่าขอแอบเอา แมคโดนัลด์ เข้ามาบ้างได้ไหม
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่กัปตันทีมพูดกับ อัลวาเรซ และ รามอส เหมือนลมที่ทะลุหูซ้ายออกหูขวา เพราะพวกเขาไม่สนใจในเรื่องแบบนี้ใด ๆ โดย รามอส ได้เปิดเผยผ่าน Mail Sport ในปี 2014 เพิ่มเติมว่า
"มันน่าทึ่งมาก ๆ แต่ก่อนที่เรามีนี่อย่างกะบุฟเฟ่ต์เลย เรามีทั้งเค้ก, ขนมนมเนย และก็ซอสต่าง ๆ ซึ่งผมบอกตรง ๆ เลยนะ พวกนักเตะบางคนของเรา นี่เรียกได้ว่าอ้วนเลยก็ว่าได้ ในวงการกีฬา เรื่องการดูแลร่างกาย มันต้องเพอร์เฟกต์ เพราะนั่นคือสิ่งที่อาชีพคุณต้องพึ่งพา อาหารเปรียบเสมือนเชื้อเพลิง ถ้าผมกินเค้กมันก็เหมือนผมใช้น้ำมันดีเซล แต่พวกนักกีฬาน่ะ พวกเขาต้องใช้น้ำมันเกรดพรีเมี่ยม และแน่นอน มันมีพวกต่อต้านอยู่แล้ว มีนักเตะวัยรุ่นบางคนที่มีความคิดประมาณว่า 'ไอ้นี่มันเป็นใครกัน ถึงมาบอกให้ฉันต้องกินอย่างนู้นอย่างนี้' เราเห็นได้เลย มีครั้งหนึ่งที่เราซ้อมที่ชิกเวลล์ (สนามซ้อมเก่าของทีม) และมีร้าน แมคโดนัลด์ อยู่ใกล้ๆ เราก็เห็นนะว่าพวกนักเตะแอบไปนั่งกินแฮมเบอร์เกอร์ ดื่มโคล่า กันอย่างสบายใจเฉิบ"
หลังทราบถึงปัญหา อัลวาเรซ ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงทันที โดยได้กล่าวไว้กับ Sky Sports ว่า
"ครั้งแรกที่ผมเห็นบุฟเฟ่ต์ของสโมสร ผมถึงกลับถ่ายรูปเก็บไว้เลย เพราะมันน่าสนใจเหลือกิน มีแต่ซอสมากมาย เค้กเป็นชั้นๆ ของหวานอีกเป็นเบือ ผมและทีมงานเลยคิดว่าเราต้องทำในสิ่งที่ควรจะเป็น เราสัมผัสได้ว่าพวกเขา (นักเตะ) เมินเฉยในเรื่องพวกนี้ ผมเลยเปรียบเทียบกับการทำงานของผมที่ เซบีย่า ว่าผมซีเรียสในเรื่องน้ำหนักของนักเตะแต่ละคนขนาดไหน ซึ่งจากที่ผมเห็นรวมๆ น่าจะเกิน 100 กว่าโล ผมเลยรีบคุยกับสโมสรในทันทีและเริ่มเปลี่ยนแปลงอะไรหลาย ๆ อย่าง"
การบริหารนักเตะของ อัลวาเรซ และ รามอส เป็นเรื่องที่โดดเด่น โดย เจมี่ โอฮาร่า อดีตสตาร์ทัพไก่เดือยทองในช่วงเวลานั้น ก็เคยได้เล่าไว้ว่า
"ตอน ฆวนเด้ รามอส กับ อัลวาเรซ เข้ามา เขาสั่งแบนทั้งซอสมะเขือเทศและอื่น ๆ พวกเขาจริงจังมาก เรามีแค่พาสต้าแห้ง ๆ กับไก่ และพวกเราก็กินแบบนั้นมาตลอดในช่วงเวลาของพวกเขา เรื่องการปรุงก็ด้วย ทั้งเกลือและพริกไทยนี่ไม่มีเลยนะครับในช่วงมื้อเย็น ซึ่งมันสร้างความแตกต่างจริง ๆ เพราะตัวเลขน้ำหนักของพวกเรามันดีขึ้น จากเรื่องการกินและการซ้อมที่เข้มข้นขึ้น ในยุคของ อัลวาเรซ"
นั่นทำให้เราได้ห็นถึงความตั้งใจและความเข้มข้นที่ มาร์กอส อัลวาเรซ พยายามนำมาสู่ทุกสโมสรที่เคยทำงานให้และในฤดูกาลหน้าต้องมาดูกันว่าการนำทัพครั้งใหม่ของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ที่มีโค้ชฟิตเนสสุดเข้มงวดรายนี้อยู่เบื้องหลังจะทำให้นักเตะสิงห์บลูส์เปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปได้ไกลขนาดไหนกับฤดูกาล 2024-25
อาหารที่เปลี่ยนไปสำหรับนักเตะ เชลซี
อย่างที่กล่าวถึง ความเข้มงวด ที่ผ่านมา ทำให้นักเตะเชลซี เตรียมตัวพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ ที่ช่วงเวลาก่อนหน้า พวกเขาสามารถรับประทานอาหารได้อย่างตามใจปรารถนาในยุคของ โปเช็ตติโน่
ซึ่งอาหารต่าง ๆ ที่เตรียมโดนตัดออกจากเมนูอาจทำให้ผู้เล่นต้องตกใจ แต่อย่างว่า มันคือการลงทุนในระยะยาวในการพัฒนานักเตะ โดยเฉพาะเรื่องการดูแลตัวเองนอกสนาม ที่เป็นประเด็นสำคัญสำหรับ มาร์กอส อัลวาเรซ อย่างยิ่ง
"ดูเหมือนว่าเขาจะเอาสุดในเรื่องการกำจัดการกินอาหารนะ โดยเฉพาะพวกซอสมะเขือเทศหรือซอสต่าง ๆ ในอาหาร, แปรรูป, น้ำตาลสูง, ของทอด หรืออาหารรสเค็ม ซึ่งการงดอาหารพวกนี้จะส่งผลดีต่อร่างกายอย่างมาก มันลดการเสี่ยงในโรคต่าง ๆ เช่น หัวใจ ความดัน หรือ เบาหวาน" แซม ไรซ์ นักโภชนาการกล่าว
ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่ตัวเขาแจ้ง เพราะในซอสมะเขือเทศนั้นเต็มไปด้วยน้ำตาลที่มีระดับสูง (3.4 กรัม ต่อ ปริมาณหนึ่งช้อนชา) หรือจะเป็นซอสในพาสต้าที่มีความหวานมากยิ่งกว่าสองเท่า ซึ่งผู้เล่นส่วนมากไม่สามารถหักห้ามใจตัวเองไม่ให้ทานอาหารแปรรูปพวกนี้ได้
ด้านของหวานอย่าง น้ำผลไม้ ก็จะถูกห้าม เนื่องจากความหวานของน้ำตาลที่มีมากถึง 18.5 กรัม ต่อหนึ่งกล่อง (150 มิลิลิตร) แถมให้ไฟเบอร์ได้น้อยกว่าการกินผลไม้ จริง ๆ เสียอีก หรือจะเป็นเค้ก ที่เตรียมถูกงด หลังเป็นอาหารที่มีน้ำตาลสูงแถมมีไขมันอิ่มตัวเยอะอีกด้วย ซึ่งส่งผลในระดับโคเรสเตอรอลที่จะเพิ่มขึ้น ๆ พร้อมกับความเสี่ยงเรื่องหัวใจที่อาจตามมาเช่นกัน
ส่วนอาหารที่มีประโยชน์อย่าง ไข่ไก่ ยังคงเป็นอาหารที่คงอยู่ เนื่องจากโปรตีนที่สูงและพลังงานที่ตอบโจทย์ต่อนักเตะต่าง ๆ แต่สิ่งที่อัลวาเรซสั่งห้ามไว้คือ การทอด เพราะที่ผ่านมาการใช้ เนย และ น้ำมัน ในการทอดสามารถเพิ่มไขมันในตัวนักเตะได้ ดังนั้น การต้ม จึงเป็นตัวเลือกที่โค้ชฟิตเนสรายนี้เห็นชอบกว่า
และถึงจะรู้กันอย่างดีว่า การกินเค็มมาก ๆ จะทำให้คุณเสี่ยงต่อโรคหัวใจ นั่นเลยทำให้ อัลวาเรซ เตรียมยกเลิกการใช้เครื่องปรุงต่าง ๆ โดยเฉพาะ เกลือกับพริกไทย ที่อยู่ตามโต๊ะทานอาหารของนักเตะต่าง ๆ
ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่จาก อัลวาเรซ ที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่และต้องมาดูกันว่าการนำทัพครั้งใหม่ของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ที่มีโค้ชฟิตเนสสุดเข้มงวดรายนี้อยู่เบื้องหลังจะทำให้นักเตะสิงห์บลูส์เปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปได้ไกลขนาดไหนกับฤดูกาล 2024-25