
บรรดานักเทนนิสระดับโลก นำโดย อารีน่า ซาบาเลนก้า นักเทนนิสหญิงมือ 1 ของโลกชาวเบลฃารุส ออกมาเรียกร้องให้ทั้ง 4 รายการแกรนด์สแลม เข้ามาร่วมเจรจา เพื่อพูดคุยถึงการปรับเพิ่มเงินรางวัลและยกระดับสวัสดิการของนักกีฬา หลังเชื่อว่าผู้เล่นยังไม่ได้รับส่วนแบ่งรายได้ที่เป็นธรรมจากการแข่งขัน
ซาบาเลนก้า เป็นหนึ่งในกลุ่มนักเทนนิสชายและหญิงกว่า 20 คน ที่รวมตัวกันส่งข้อเสนอถึง 4 รายการระดับแกรนด์สแลม ประกอบด้วย วิมเบิลดัน, ออสเตรเลียน โอเพ่น, เฟรนช์ โอเพ่น และ ยูเอส โอเพ่น เพื่อขอให้เพิ่มสัดส่วนเงินรางวัลจากรายได้ของทัวร์นาเมนต์ให้ผู้เล่นทุกระดับ รวมถึงมีมาตรการสนับสนุนด้านสุขภาพกายและจิตใจให้มากขึ้น
โดย ซาบาเลนก้า เปิดเผยกับ BBC Sport ว่า แกรนด์สแลมคือจุดสูงสุดของวงการเทนนิส ฉันเพียงอยากขอให้พวกเขาเข้ามานั่งโต๊ะพูดคุย เพื่อหาทางออกที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน
กลุ่มนักเทนนิสชั้นนำที่ออกมาสนับสนุนแนวคิดนี้ยังรวมถึง คาร์ลอส อัลการาซ มือ 1 ของโลกฝั่งชายชาวสเปน, ยานนิก ซินเนอร์ มือ 2 ของโลกฝั่งชายชาวอิตาลี, โคโค่ กอฟฟ์ มือ 3 ของโลกฝั่งหญิงชาวอเมริกัน และ แคสเปอร์ รุด นักเทนนิสชายจากนอร์เวย์ โดยทั้งหมดเห็นตรงกันว่าการพูดคุยกับฝ่ายจัดแกรนด์สแลมในช่วงก่อนหน้านี้ยังไม่คืบหน้าเท่าที่ควร
ทั้งนี้ ผู้เล่นเสนอประเด็นหลัก 3 ด้าน ได้แก่ เพิ่มสัดส่วนเงินรางวัลต่อรายได้ให้ใกล้เคียงกับทัวร์อาชีพฝั่งชาย ATP และฝั่งหญิง WTA โดยขอให้เพิ่มแบบค่อยเป็นค่อยไปภายใน 5 ปี ขอให้แกรนด์สแลมมีส่วนร่วมในกองทุนบำนาญ การดูแลสุขภาพ ด้านสวัสดิการสำหรับนักกีฬาแม่ลูกอ่อน ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีส่วนสนับสนุนโดยตรง (ขณะที่ ATP และ WTA จ่ายรวมกันราว 60 ล้านปอนด์ต่อปีในเรื่องสุขภาพของนักกีฬา) และสุดท้าย ขอให้มีคณะทำงานนักเทนนิสประจำแต่ละแกรนด์สแลม เพื่อร่วมพิจารณาเรื่องตารางแข่ง การพักเบรก และการแก้ปัญหาแมตช์แข่งดึก
ด้านผู้จัดแกรนด์สแลมยังยืนยันว่าพร้อมเปิดรับการเจรจาเชิงสร้างสรรค์ และย้ำว่าปัจจุบันก็ได้มอบสิ่งอำนวยความสะดวกระดับโลกให้ผู้เล่นแล้ว โดยบางรายการ เช่น ออสเตรเลียน โอเพ่น ระบุว่ามอบเงินรางวัลคิดเป็น 23% ของรายได้รวม ซึ่งสูงกว่าตัวเลข 12.5–20% ที่ฝ่ายนักเทนนิสนำเสนอ
แม้ทั้งสองฝ่ายยังเห็นต่างในรายละเอียด แต่การรวมตัวของนักเทนนิสชั้นนำทั้งจาก ATP และ WTA ครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณสำคัญ ว่าผู้เล่นต้องการมีส่วนร่วมที่ชัดเจนกว่าเดิมในการกำหนดทิศทางอนาคตของกีฬาเทนนิสระดับโลก