ถ้าพูดถึงคำว่า "ครอบครัวในอุดมคติ" ชื่อของ เดวิด เบ็คแฮม และ วิกตอเรีย เบ็คแฮม จะถูกหยิบขึ้นมาเป็นอันดับต้น ๆ เสมอ
อดีตซูเปอร์สตาร์ลูกหนังกับอดีตป๊อปไอดอลระดับโลก บ้านหลังใหญ่ ลูกสี่คน หน้าตาดี มีความสามารถ ภาพครอบครัวที่พร้อมหน้าในทุกเทศกาลและรอยยิ้มที่เหมือนถูกจัดวางมาอย่างพอดีในทุกเฟรม
แต่ในละครหลังข่าวเราต่างรู้ดีว่า ภาพที่สวยที่สุดมักซ่อนบทสนทนาที่คนดูไม่เคยได้ยิน และคำถามคือ ... วันนี้ "เบ็คแฮม แฟมิลี่" กำลังเจอกับอะไรอยู่กันแน่ ?
ครอบครัวในอุดมคติ
ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา ครอบครัวเบ็คแฮมได้รับการยกย่องจากทั้งสื่ออังกฤษและสหรัฐอเมริกาในฐานะ "ต้นแบบของครอบครัวคนดัง" ไม่ใช่แค่รวย ไม่ใช่แค่ดัง แต่คือครอบครัวที่ "ดูอบอุ่น" และ "ควบคุมภาพลักษณ์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ"
เดวิดคือพ่อที่พาลูกไปซ้อมฟุตบอล วิกตอเรียคือแม่ที่อยู่เบื้องหลังความเนี้ยบทุกช็อต ลูก ๆ เติบโตมาอย่างเพียบพร้อมทั้งการศึกษา โอกาส และสายสัมพันธ์ระดับโลก สำหรับเด็กจำนวนมากนี่คือชีวิตที่น่าอิจฉา แต่ในขณะเดียวกัน การเป็น "ลูกของเบ็คแฮม" ก็มีราคาที่ต้องจ่าย เพราะเมื่อคุณเกิดมาในครอบครัวที่ทั้งโลกจับตา คุณไม่มีสิทธิ์เติบโตอย่างเงียบ ๆ เหมือนเด็กธรรมดาได้เลย ทุกอย่างที่คุณทำมักจะเป็นเรื่องที่ "ชาวบ้าน 1" และ "ชาวบ้าน 2" สนใจเสมอ ซึ่งคุณจะไม่รู้สึกถึงความกดดันนั้น จนกระทั่งวันหนึ่งที่คุณเริ่มโตขึ้น เริ่มมีความคิดเป็นของตัวเอง และต้องการความเป็นส่วนตัวขึ้นมา
ไม่ว่าพวกเขาจะอยากได้ความเป็นส่วนตัวแค่ไหน แต่เมื่อโตขึ้น พวกเขาล้วนราวกับถูกโยนเข้าไปในหนังสักเรื่อง เรื่องที่คนภายนอกตั้งใจให้พวกเขากลายเป็นตัวละครในเรื่องเล่า ที่สื่อพร้อมตีความทุกการกระทำ ซึ่งทุกคนต่างรู้ดีว่าช่วงเวลาของการเป็นวัยรุ่นนั้น ฮอร์โมนมันพุ่งพล่านขนาดไหน
ดังนั้นเมื่อ บรู๊คลิน, โรมีโอ, ครูซ และฮาร์เปอร์ เริ่มเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นพร้อม ๆ กัน พวกเขาจะต้องผ่านด่านทดสอบของการเป็นลูกคนดังแบบที่ทุก ๆ คนในสถานะนี้ต้องเจอ นั่นคือคุณจะรักษาความนิ่งและภาพลักษณ์ที่พ่อแม่สร้างไว้ได้แค่ไหน เพราะสื่อพร้อมจะทำทุกอย่างให้คุณหลุดอีกด้านของภาพลักษณ์ที่ซ่อนไว้ออกมาเสมอ
เป้าชั้นดีของสื่อ
เมื่อ "ลูกเบ็คแฮม" โตพอจะมีชีวิตเป็นของตัวเอง บรู๊คลิน เบ็คแฮม ลูกชายคนโต ผู้ได้รับการคาดหวังมากที่สุด คือคนแรกที่ต้องรับบททดสอบนี้ บรู๊คลินเติบโตมากับแรงกดดันที่มองไม่เห็น เขาถูกถามมาตลอดว่า "จะเป็นนักฟุตบอลเหมือนพ่อไหม ?" เมื่อเลือกเส้นทางอื่น ไม่ว่าจะถ่ายภาพ ทำอาหาร หรือธุรกิจ เขาก็ถูกตั้งคำถามเสมอว่า "นี่คือความสามารถจริง ๆ ของเขา หรือเป็นเพราะเขาแค่เป็นลูกคนดัง ?" นี่คือสิ่งที่ทำให้เมื่อบรู๊คลินเริ่มอายุมากขึ้น เขาก็เริ่มมีความแปลกแยกจากน้อง ๆ และพ่อแม่มากขึ้น นั่นคือภาพที่สื่อพยายามเสนอข่าวออกมาเสมอ
ยิ่งเมื่อเขาแต่งงานกับ นิโคลา เพลท์ซ ผู้หญิงที่มาจากครอบครัวมหาเศรษฐีอเมริกัน สื่อก็ได้ "ตัวละครใหม่" ที่พร้อมจะขยายบททันที และนิโคลาก็กลายเป็น "สะใภ้ตระกูลเบ็คแฮม" ที่ถูกจับตามองตั้งแต่ก้าวแรก
ดราม่าเริ่มจากงานแต่งปี 2022 เมื่อชุดแต่งงานที่นิโคลาใส่ ไม่ได้มาจากแบรนด์ของแม่สามีอย่างวิกตอเรียที่ทำธุรกิจสายแฟชั่นโดยตรง ... เท่านี้ก็มากพอที่จะทำให้ทุกคนคิดไปทางเดียวแล้วว่า "ดราม่า" เกิดขึ้นในครอบครัวนี้แน่นอน ไม่ว่าเรื่องราวเบื้องหลังระหว่างนิโคลาและวิกตอเรียจะเป็นแบบไหน แต่ข่าวลือเรื่อง "สะใภ้ไม่ให้เกียรติ" ทั้งที่เจ้าตัวออกมาพูดชัดว่าเป็นเรื่องเทคนิคการผลิต แต่สื่อไม่หยุดแค่นั้น ตามมาด้วยข่าวเชิงลบหาเรื่องให้คนตีกันอีกมากมาย
อาทิ การที่นิโคลาไม่ร่วมงานวันเกิดแม่สามี การไม่ปรากฏตัวในงานครอบครัวบางครั้ง ซึ่งธรรมเนียมของครอบครัวเบ็คแฮมอย่างที่ทุกคนรู้ คือในเทศกาลสำคัญพวกเขามักจะมีการปล่อยภาพหมู่ตามคอนเซปต์ในแต่ละเทศกาลออกมาให้สะเทือนโซเชียลมีเดียอยู่ทุก ๆ ครั้ง นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่าไม่ลงรอยกับคนในบ้านอีก
เรียกได้ว่าทุกการ "ไม่ไปงาน" ทุกการ "ไม่อยู่ในภาพ" ถูกขยายจนกลายเป็นสัญญาณของรอยร้าว แถมถูกลากไปยังน้อง ๆ อย่างโรมีโอ, ครูซ และฮาร์เปอร์ จนหลบไม่พ้นเงาดราม่าเรื่องนี้ โรมีโอถูกจับตามองเรื่องความรัก ครูซต้องออกมาปกป้องพี่ชายผ่านโซเชียล แม้แต่ฮาร์เปอร์ ลูกสาวคนเล็ก ก็ถูกลากมาอยู่ในเฟรม "ครอบครัวพร้อมหน้า" ทุกครั้ง
จากครอบครัวที่เคยได้รับการยกย่อง กลายเป็นครอบครัวที่สื่อพยายามหาความจริงให้ได้ และไทม์ไลน์ดราม่าก็ยิ่งชัดขึ้น เมื่อบรู๊คลินและนิโคลาเลิกติดตามพ่อและแม่ในอินสตาแกรมสด ๆ ร้อน ๆ เรื่องเล็ก ๆ ในชีวิตคนธรรมดา... แต่สำหรับบ้านนี้ มันกลายเป็นข่าวใหญ่ในทันที
เรื่องในครอบครัว ควรจบในครอบครัว
อันที่จริงครอบครัวเบ็คแฮมไม่ได้ผิดอะไรเลยในเรื่องนี้ เพราะทุกครอบครัวต่างก็ล้วนมีปัญหาที่ต้องเจอ และต้องช่วยกันแก้ให้ผ่านไป และที่พวกเขาพยายามสร้างภาพลักษณ์ให้ดีก็ไม่ใช่เรื่องผิดอีกเช่นกัน เพราะมันคืออีกหนึ่ง "งานกลุ่ม" ของครอบครัวที่เปรียบเสมือนการสร้างแบรนด์ร่วมกัน ซึ่งทุกฝ่ายต่างได้ประโยชน์ ทั้งเรื่องการมีตัวตนบนโซเชียลมีเดียและมูลค่าทางการตลาด
ความจริงที่ทุกคนไม่สามารถปฏิเสธคือ ไม่มีครอบครัวในอุดมคติที่แท้จริง มีแค่ครอบครัวที่ "จัดการปัญหาได้ดีพอ" ในวันที่คนมองไม่เห็นเท่านั้น สิ่งที่ครอบครัวเบ็คแฮมกำลังเผชิญอาจไม่ใช่ความแตกหัก แต่อาจเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านของรุ่น ลูกโตขึ้น มีคู่ชีวิต มีโลกของตัวเอง และเริ่มตั้งคำถามกับบทบาทที่เคยถูกกำหนดไว้ ซึ่งเรื่องนี้ต้องกลับไปแก้ไขและหาจุดลงตัวที่ทำให้ทุกคนสบายใจ และยังอยู่ด้วยกันในฐานะครอบครัวได้
แต่เพราะนี่คือครอบครัวเบ็คแฮม ทุกการเงียบ ทุกการไม่ตอบ ทุกการไม่กดไลก์ จึงถูกตีความว่า "มีปัญหา" สุดท้ายเรื่องที่อาจไม่มีอะไรก็ถูกสื่อและโซเชียลหล่อหลอมจนกลายเป็นดราม่าขนาดใหญ่ ลากไปถึงสะใภ้ ลากไปถึงพี่น้อง ลากไปถึงอดีตที่อาจไม่เกี่ยวข้องเลย
บางทีความจริงอาจเรียบง่ายกว่าที่เราคิด แต่ในโลกของคนดัง "ความเงียบ" ไม่เคยถูกปล่อยให้เป็นแค่ความเงียบ และนี่คือราคาที่ครอบครัวในอุดมคติต้องจ่าย เมื่อความสมบูรณ์แบบถูกทั้งโลกเฝ้ามองตลอดเวลา
แหล่งอ้างอิง
https://www.nzherald.co.nz/world/sad-twist-in-beckham-family-feud-as-david-and-victoria-blocked-by-son-brooklyn-on-instagram/CBW4PGOEMRH2LK6HM45E46O4AM/
https://metro.co.uk/2025/12/21/brooklyn-beckham-family-feuding-know-estrangement-2-25676668/
https://www.thetimes.com/life-style/celebrity/article/brooklyn-beckham-blocks-parents-instagram-fghmgzttx
https://www.news.com.au/entertainment/celebrity-life/sad-twist-in-beckham-family-feud-as-david-and-victoria-seemingly-unfollow-son-brooklyn-on-instagram/news-story/bcb3428a03f25bf07a02e8f8e19483b7
https://www.eonline.com/photos/37736/beckham-family-drama-timeline
