
ใครที่ติดตามฟุตบอลพรีเมียร์ลีกในช่วง 1-2 ปีหลัง คุณคงเห็นว่า เอลเลียต แอนเดอร์สัน กองกลางของ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ เติบโตอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นมิดฟิลด์หัวแถวของลีกในเวลานี้ไปแล้ว
เรื่องราวของเขาก่อนจะถึงวันนี้น่าติดตามไม่แพ้กัน เพราะเขาคือหนึ่งในลูกศิษย์ของ พอล แกสคอยน์ นักเตะที่ว่ากันว่าเป็น "อัจฉริยะเบอร์ 1" ตลอดกาลของฟุตบอลอังกฤษ
จากมิดฟิลด์ตัวรุก สู่การเปลี่ยนตำแหน่งที่นำเขาไปถึงทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ นี่คือเรื่องราวของเขาที่ Main Stand ไม่อยากให้คุณพลาด
เกิดก่อนจากตัวรุก
เอลเลียต แอนเดอร์สัน ไม่ได้เป็นมิดฟิลด์ "บ็อกซ์ทูบ็อกซ์" มาโดยกำเนิด ย้อนกลับไปเท่าที่จำความได้ เขาฝึกฝนในตำแหน่ง "ตัวรุกเบอร์ 10" มาโดยตลอดนับตั้งแต่อยู่ในศูนย์ฝึก วอลล์เซนด์ บอยส์ คลับ ศูนย์ฝึกชื่อดังที่เคยสร้างตำนานอย่าง ปีเตอร์ เบียร์ดสลีย์, อลัน เชียเรอร์ และ ไมเคิล คาร์ริก
แอนเดอร์สัน เล่นอยู่ที่นั่นตั้งแต่ 7 ขวบ แถมเป็นเพื่อนซี้กับหลานชายของ พอล แกสคอยน์ มันจึงทำให้เขาได้เรียนและได้รับการให้คำแนะนำจาก "อัจฉริยะ" แห่งวงการฟุตบอลอังกฤษมาตั้งแต่ยังเด็ก ก่อนจะใช้เวลา 1 ปีเข้าตา นิวคาสเซิล จนเขาได้สัญญากับทีมสาลิกาดงตั้งแต่อายุ 8 ขวบเท่านั้น
แอนเดอร์สัน เป็นนักเตะตัวรุกตั้งแต่วันนั้น และนั่นคือเหตุผลที่คุณจะไม่แปลกใจเลยว่า ณ ปัจจุบัน ทำไมมิดฟิลด์ที่เล่นเกมรับเป็นหลักอย่างเขา จึงมีคุณสมบัติแบบมิดฟิลด์สมัยใหม่ที่เล่นได้ทั้งเบอร์ 6 เบอร์ 8 หรือแม้กระทั่งบางจังหวะเขาก็เล่นเป็น เบอร์ 10 ได้เช่นกัน
ทักษะการเอาตัวรอดในที่แคบ ๆ ของ แอนเดอร์สัน ไม่เหมือนกับนักเตะบราซิลหรือสเปน ที่พริ้วไหวคล่องตัวจนไม่มีใครเข้าถึงตัว แต่สไตล์การเอาตัวรอดของ แอนเดอร์สัน ถูกยกย่องจาก นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ ตอนที่ทั้งคู่ทำงานร่วมกันที่ ฟอเรสต์ ว่า "คล่องแคล่วและมีพลัง" กล่าวคือเป็นคนที่แข็งแรง และมักจะเข้าถึงฟุตบอลจังหวะที่สองได้อย่างรวดเร็ว แถมพาบอลไปข้างหน้าต่อได้เมื่อตนเองได้ครองบอลอีกด้วย
วิธีการเล่นดังกล่าวได้รับการต่อยอดจากการเป็นตัวรุกในอดีต ฉายาของเขาช่วงที่เป็นดาวรุ่งของ นิวคาสเซิล และส่งไปเล่นในลีกทูกับ บริสตอล โรเวอร์ส ที่มีอดีตกองกลางของสาลิกาดงอย่าง โจอี้ บาร์ตัน คุมทีมอยู่ ในช่วงอายุ 17-18 ปี คือ "จอร์ดี้ มาราโดน่า"
แฟนบอล บริสตอล ยังคงเรียกเขาแบบนั้นมาจนทุกวันนี้ เนื่องจาก แอนเดอร์สัน ฝากผลงานสุดยอดด้วยการยิงถึง 8 ประตูและ 5 แอสซิสต์ จากการลงสนามเพียง 21 เกมเท่านั้น ซึ่งในปีนั้น เขามีส่วนที่ช่วยให้ทีมคว้าตั๋วเลื่อนชั้นจากลีกทูสู่ลีกวันแบบอัตโนมัติได้สำเร็จอีกด้วย
แอนเดอร์สัน เชื่อว่าการยืมตัวไปเล่นในลีกล่างกับทีมเล็ก ๆ คือสิ่งจำเป็นสำหรับนักเตะดาวรุ่งโดยเฉพาะในอังกฤษ เขายกกรณีศึกษาของตัวเองว่า การได้เล่นในเกมการแข่งขันจริง กับนักเตะที่แข็งแกร่งและมีประสบการณ์ ช่วยให้กระดูกของเขาแข็งขึ้นแทบจะในทันตา นอกจากนี้ การสัมผัสเกมโดยแบกอายุ ยังทำให้เขาเข้าใจเรื่องการใช้เหลี่ยมต่าง ๆ ในสนาม ซึ่งมันช่วยเขา เมื่อได้โอกาสลงสนามครั้งแรกในพรีเมียร์ลีกกับ นิวคาสเซิล
"ใครก็อยากจะเล่นในระดับสูงทั้งนั้นแหละ แต่การไปเล่นในลีกทูนับเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดของผมในช่วงอายุนั้น มันเหมือนตัวเร่งปฏิกิริยาให้ผมเติบโตไวขึ้น เป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ผมเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และหลังจากการกลับมาครั้งนั้น ผมได้เล่นให้ทีมชุดใหญ่ของ นิวคาสเซิล ทั้งในพรีเมียร์ลีก กับยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกด้วย" แอนเดอร์สัน กล่าว
แม้จะยิงกระจุยแอสซิสต์กระจายตั้งแต่วัยทีนเอจ ทว่าเมื่อก้าวสู่ระดับพรีเมียร์ลีกแล้ว การเป็นเบอร์ 10 ต้องการมิติมากกว่าที่ แอนเดอร์สัน ทำได้ในช่วงอายุขนาดนั้น กล่าวคือเบอร์ 10 ในเกมระดับสูงต้องคล่องแคล่ว ไหวพริบสูง เฉียบขาดในจังหวะสุดท้าย และอันตรายเมื่ออยู่ในพื้นที่หน้ากรอบเขตโทษของคู่แข่ง ... แอนเดอร์สัน อาจจะทำตามคุณสมบัติเหล่านี้ได้ไม่หมด แต่ก็ไม่ได้เสียเปล่า มันกลายเป็นสารตั้งต้นที่ทำให้เขาเป็นกองกลางเชิงรับแบบที่โมเดิร์นฟุตบอลกำลังต้องการอยู่ในเวลานี้
ถอยมาเล่นกองกลาง
เอ็ดดี้ ฮาว กุนซือของนิวคาสเซิล คือคนสำคัญที่เลือกใช้งาน แอนเดอร์สัน หลังจากเขากลับมาจาก บริสตอล โรเวอร์ส และตัดสินใจปรับบทบาทของเขาให้ลงมาเล่นเป็นเบอร์ 8 เพื่อให้สอดรับกับระบบ 4-3-3 ของทีม
ฮาวกล่าวว่า เขาไม่รู้สึกถึงการฝืนธรรมชาติของตัวนักเตะเลย แม้แอนเดอร์สันจะเคยเป็นเบอร์ 10 ที่ทำผลงานได้ดี แต่ความยืดหยุ่นและทัศนคติที่เป็นเลิศ รวมถึงวิสัยทัศน์ในการอ่านเกม ทำให้เขาสามารถขยับลงมาเป็นหัวใจในแดนกลางได้อย่างไม่ยากเย็น
กองกลางในแบบที่ นิวคาสเซิล ใช้งานคือ แข็งแกร่ง มีพละกำลังมากพอที่จะทำลายเกมรุกของคู่แข่ง และขึ้นไปเป็นกำลังเสริมในจังหวะเกมบุกของทีม เหนือสิ่งอื่นใด คือเทคนิคการเอาตัวรอด และเทิร์นบอลขึ้นไปข้างหน้า ซึ่งทักษะเหล่านี้คุณจะได้เห็นใน 3 กองกลางขั้นเทพของ นิวคาสเซิล อย่าง โชลินตอน, ซานโดร โตนาลี และ บรูโน่ กิมาไรส์ ที่แทบจะสลับหมุนเวียนตำแหน่งเบอร์ 6, 8 และ 10 กันตลอดทั้งเกม
การมีอยู่ของกองกลางทั้ง 3 คน บีบให้ แอนเดอร์สัน ที่เด็กกว่าและประสบการณ์น้อยกว่าต้องคอยเป็นตัวหมุนเวียนในวันที่ตัวจริงไม่พร้อมลง แต่ทุกครั้งทีได้โอกาส แอนเดอร์สัน ก็แทบจะทำงานตามจ๊อบได้อย่างไร้ที่ติ ความแข็งแรง การเอาตัวรอดจากการโดนเพรสซิ่ง และการขับเคลื่อนเกมของเขา ทำให้ ฮาว อยากจะใช้งานเขาในระยะยาว ให้เป็นอนาคตของสโมสร
ทว่าเรื่องมันกลับไม่ง่ายแบบนั้นเมื่อฤดูกาล 2023-24 จบลง นิวคาสเซิล อยู่ในสถานะเสี่ยงต่อการผิดกฎ PSR ของพรีเมียร์ลีก และทางเลือกคือพวกเขาต้องปล่อยนักเตะออกเพื่อนำตัวเลขสีเขียว (กำไร) กลับมาอยู่บัญชีอีกครั้ง ซึ่งทางออกที่ดีที่สุด คือการขายตัวที่ไม่ได้เป็นตัวหลัก และเป็นนักเตะในอคาเดมี่ที่สโมสรจะได้ตัวเลขสีเขียวมาแบบเน้น ๆ แน่นอนว่ามันต้องเป็น แอนเดอร์สัน ที่ลงตัวสำหรับกรณีนี้ที่สุด เอ็ดดี้ ฮาว ต้องเลือกขายเขาเพื่อเอาทางรอดของทั้งทีมเป็นที่ตั้ง
40 ล้านปอนด์จาก น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ คือราคาที่สาลิกาดงจำเป็นต้องรับ แม้เงินจำนวนนี้จะถือมากโขสำหรับนักเตะที่ยังไม่ได้ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักแบบเต็มตัว แต่ฮาวก็ยอมรับว่าการเสีย แอนเดอร์สัน คือสิ่งที่ยากจะทำใจ
"การขายเขาไม่ใช่ความต้องการของเราเลย เราถูกบีบให้อยู่ในสถานการณ์ที่จำยอม และต้องขายเขาออกไปในราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริงด้วยซ้ำ เพราะนี่คือนักเตะที่มีพรสวรรค์ในระดับที่พร้อมจะโดดเด่นกับทุกทีม เหนือสิ่งอื่นใดในแง่ของความเป็นคนเขาก็ยอดเยี่ยม มีทัศนคติที่ดี มีความเป็นมืออาชีพ และสามารถเข้าใจเรื่องกลยุทธ์ได้อย่างง่ายดาย" นี่คือสิ่งที่ ฮาว บอก และมันยืนยันถึงความเสียดายของเขาได้เป็นอย่างดี
หัวใจเจ้าป่า
นับตั้งแต่เลื่อนชั้นขึ้นมาในปี 2022 ฟอเรสต์ ได้ลงทุนไปประมาณ 130 ล้านปอนด์ กับเหล่าคนหนุ่มที่มีศักยภาพจะเติบโตในอนาคต ทั้ง เนโก วิลเลียมส์, มูริลโล่, มอร์แกน กิ๊บบ์ส-ไวท์, ดานิโล่, คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย, แอนโธนี่ เอลังก้า จนกระทั่งมาถึง แอนเดอร์สัน ในราคา 40 ล้านปอนด์ ที่ถือว่าเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญของทีมคนหนุ่มชุดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่พวกเขาอยู่ในมือของ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้
พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นแข้งหนุ่มที่มีชื่อเสียงในระดับหนึ่ง แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือ พวกเขาทั้งหมด รวมถึง แอนเดอร์สัน ต่างก็ก้าวหน้าขึ้นอย่างมากที่ ฟอเรสต์ พวกเขากลายเป็นผู้เล่นที่ดีขึ้น จากโอกาสลงสนามที่ต่อเนื่อง พวกเขาสะสมกระดูกฟุตบอลจนแข็งโป๊ก ผ่านสนามยาก ๆ มามากมาย และสิ่งนี้พิสูจน์ได้จากความสนใจที่ ฟอเรสต์ มีต่อพวกเขาได้เป็นอย่างดี
แอนเดอร์สัน ถอยลงมาเป็นเบอร์ 8 อย่างเต็มตัวที่นี่ หน้าที่ของเขาคือบ็อกซ์ทูบ็อกซ์ ที่คอยทำลายเกมคู่แข่ง และพาบอลกลับมาขึ้นมาเล่นเกมรุกให้กับทีมภายในช่วงระยะเวลาเพียงอึดใจ
นี่คือตำแหน่งกองกลางที่ทุกทีมต้องมีในโลกฟุตบอลปัจจุบัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่ แอนเดอร์สัน กลายเป็นเป้าหมายและมีข่าวกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รวมถึงทีมระดับหัวแถวอีกมากมาย
เพราะฟุตบอลในปัจจุบัน การเปลี่ยนจากรับเป็นรุก และรุกเป็นรับ คือหัวใจและจุดชี้ขาดที่จะตัดสินว่าคุณจะยิงประตูได้ หรือเสียประตูไหม ดังนั้นการมีนักเตะอย่าง แอนเดอร์สัน ที่สามารถทรานซิชั่นได้ดีทั้ง 2 แบบ จึงช่วยได้มาก ไม่ว่าคุณจะเป็นทีมใหญ่ที่เปลี่ยนรับเป็นรุกอย่างรวดเร็ว หรือทีมระดับกลาง ๆ ที่ต้องให้น้ำหนักในการตัดจังหวะสำคัญเมื่อคู่แข่งพยายามทำเกมบุก ซึ่งแบบหลังนี้เป็นหน้าที่ที่เราเห็นเขาทำเป็นประจำที่ ฟอเรสต์ โดยผลงานแทบไม่ตกลงไปเลย
แอนเดอร์สัน สามารถเติมเต็มปัญหาของอีกหลาย ๆ ทีมได้แน่ เพราะเขามักปรากฏตัวทุกครั้งเวลาที่ทีมกำลังโดนบุก เขาเข้าปะทะอย่างชาญฉลาด ด้วยอายุที่กำลังวังชายังดี สามารถวิ่งได้ทั้งวัน บวกกับทักษะการอ่านเกมล่วงหน้า ทำให้เขาถึงบอลก่อนในจังหวะอันตรายอยู่เสมอ สถิติในซีซั่นนี้ที่น่าสนใจในเชิงเกมรับของ แอนเดอร์สัน มีมากมาย และติดในอันดับท็อป 10 ของลีกแทบทุกอย่าง ทั้งการเข้าปะทะ (Total Tackles) 43 ครั้ง, ตัดบอล(Interceptions) 15 ครั้ง และบล็อกช็อต (Blocks) อีก 5 ครั้ง
ครั้นจะให้ดูสถิติการเป็นตัวเชื่อมเกมก็มีหลายสถิติที่โดดเด่น ทั้งการผ่านบอลสำเร็จ 89% การดวลชนะคู่แข่งอีก 120 ครั้ง และมีจังหวะขึ้นมาสัมผัสบอลในกรอบเขตโทษคู่แข่งอีก 33 ครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ไม่เลวเลยสำหรับคนที่ทำหน้าที่ ตัด-เชื่อม แบบรับจบอย่างเขา
ความสม่ำเสมอของเขานับตั้งแต่ย้ายมา ฟอเรสต์ ทำให้เขาโดดเด่นได้ด้วยตัวเอง จนกระทั่งก้าวขึ้นไปติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ในยุค โธมัส ทูเคิล พร้อมรับคำชมจากกูรูลูกหนังทั้งสายนักข่าวและสายนักบอลเก่าอย่างล้นหลาม
ตอนนี้ดูเหมือนว่า ฟอเรสต์ จะเล็กเกินไปสำหรับเขาแล้ว อยู่ที่ว่าทีมใหญ่ทีมไหนจะกล้าทุ่มในการคว้าตัวเขา เพราะ แอนเดอร์สัน จะเป็นแข้งเนื้อหอมเมื่อตลาดซื้อขายเปิดอย่างแน่นอน
ราคาค่างวดของเขาถูกตีไว้กลม ๆ ที่ 70 ล้านปอนด์ แต่มันจะมากกว่านั้นแน่ เมื่อนับวันเขาก็ยิ่งตอกย้ำด้วยผลงานในสนาม
ตอนนี้เขายังไม่ใช่กองกลางที่ดีที่สุด แต่การย้ายทีมครั้งต่อไป จะเป็นบทพิสูจน์ว่า แอนเดอร์สัน จะก้าวผ่านขึ้นมาเป็นมิดฟิลด์ตัวท็อปได้หรือไม่ … ดังนั้นการตัดสินใจเลือกสถานีต่อไปของเขาจะสำคัญอย่างยิ่ง และนี่คือเหตุผลที่ทุกคนต้องคอยจับตาดีลของเขาไว้ให้ดี
เพราะพรสวรรค์ของเขากำลังรอวันเติมเต็มจากการเล่นในสโมสรใหญ่ รายการใหญ่ ๆ ที่มีความกดดันมากกว่านี้ ไม่ตลาดซื้อขายเดือนมกราคมนี้ ก็ตลาดซื้อขายซัมเมอร์หน้า พวกเราจะได้คำตอบพร้อมกันอย่างแน่นอน
แหล่งอ้างอิง
https://www.nottinghamforest.co.uk/news/2024/july/01/elliot-anderson--the-story-so-far/
https://www.nytimes.com/athletic/6471023/2025/07/04/elliot-anderson-nottingham-forest-england-thomas-tuchel/
https://www.premierleague.com/en/players/215379/elliot-anderson/stats
https://www.telegraph.co.uk/football/2025/08/15/elliot-anderson-nottingham-forest-love-upsetting-big-clubs/
https://www.nottinghampost.com/sport/football/football-news/eddie-howe-opens-up-elliot-10550601