Feature

เลื้อย ยิง วิ่งตัวเปล่า : เจาะสเต็ปเพลย์เมคเกอร์แบบฉบับ เอเบเรชี่ เอเซ่ | Main Stand

ฟอร์มระดับ 5 ดาวในเกม นอร์ธลอนดอน ดาร์บี้ ของ เอเบเรชี่ เอเซ่ ทำให้เขากลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์

 

กูรูหลายคนบอกว่า การเป็นผู้เล่นเบอร์ 10 ของเขาอันตรายทุกมิติ โดยเฉพาะ เธียร์รี่ อองรี ที่ออกมาบอกว่า "แม้แต่ มาร์ติน โอเดการ์ด ก็ยังเหนื่อยหากต้องแย่งตัวจริงกับ เอเซ่ ในตอนนี้"

Main Stand พร้อมพาคุณไปเจาะลึกกับสเต็ปการเคลื่อนที่ของเขา ทั้งตอนมีบอลและไม่มีบอลอยู่กับเท้า ... ทำไมหน้ากรอบเขตโทษ จึงเป็นพื้นที่ที่เขาโปรดปรานที่สุด ? 

ติดตามที่นี่ 

 

ไอ้หนุ่มหมัดเมา 

เอเบเรชี่ เอเซ่ โด่งดังในระดับอาชีพมาจาก ควีนส์พาร์ค เรนเจอร์ส ก่อนจะมาสร้างชื่อจนแฟนบอลหลายคนรู้จักตอนที่เล่นให้กับ คริสตัล พาเลซ ในช่วงเวลานั้น ตำแหน่งที่เขาได้เล่นบ่อยคือตัวริมเส้นฝั่งซ้าย ก่อนที่จะเริ่มขยับเข้ามาเป็นเพลย์เมคเกอร์เต็มตัวในยุคของกุนซือ รอย ฮอดจ์สัน  

การเล่นบทบาทปีกในฟุตบอลยุคนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นการเล่นแบบพาบอลตัดเข้าใน ซึ่งจุดนี้เองทำให้ เอเซ่ ต้องพัฒนาเรื่องการเลี้ยงบอลและใช้ทักษะต่าง ๆ เพื่อเอาชนะในการดวล จนกลายเป็นอาวุธเด็ดของเขา

เอเซ่ เป็นนักเตะที่มีสปีดต้นดี แต่ไม่ใช่ปีกจรวดแบบนักเตะอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง แต่เป็นปีกที่พร้อมจะกลายพันธุ์เข้ามาเป็นเบอร์ 10 ของทีมตลอดเวลา มีการวิเคราะห์ถึงสไตล์การเล่นของเว็บไซต์ The Coach Voice ว่า แม้จะเคยเล่นปีกซ้ายเป็นหลัก แต่จุดเปลี่ยนเรื่องตำแหน่งเกิดขึ้นเพราะวิธีการเล่นของเขาที่ไม่ใช่ปีกที่ยืนชิดเส้น แต่มักจะเป็นคนที่ชอบยืนในพื้นที่ฮาล์ฟสเปซ (พื้นที่ระหว่างข้างสนามกับกลางสนาม) บางครั้งก็ถอยลงมาต่ำเพื่อรับบอล และพยายาหาวิธีที่จะวิ่งสอดเข้าไปเพื่อเป็นตัวจบสกอร์ในเขตโทษด้วย 

แม้จะขยับเข้ามาเป็นเบอร์ 10 ทั้งในรูปแบบของ เพลย์เมคเกอร์ ในยุค ฮอดจ์สัน หรือบทบาท "ดับเบิล 10" ในยุค โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ สิ่งที่ เอเซ่ ใช้เป็นอาวุธ คือการเลี้ยงบอลที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา เขาไม่ใช่คนที่ชอบเลี้ยงแบบแตะบอลยาว ๆ แล้วใช้ความเร็วแข่งขัน แต่สไตล์ของ เอเซ่ คือ พยายามให้บอลติดเท้ามากที่สุด และใช้ร่างกายในการหลอกคู่แข่งให้หลงทาง 

มีการแกะวิธีการเลี้ยงบอลของเขา และเปรียบเทียบว่าเขาเหมือนกับ "The Drunken Master" (ไอ้หนุ่มหมัดเมา) เพราะจังหวะที่บอลอยู่กับตัว เขามักจะดูชิล ๆ ไม่อันตราย แต่พอร่างกายเขาเริ่มตอบสนองความคิด เขาจะสามารถเอาตัวรอดในที่แคบ ๆ ได้ด้วยความลื่นไหลราว "ไหลไปกับสายลม"

เทคนิคการเลี้ยงของ เอเซ่ ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขา เกิดขึ้นจากการมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ (สูงแค่ 178 เซนติเมตร) ทำให้เขาเปลี่ยนทิศทางได้เร็วและคม และอย่างที่บอก แม้จะไม่ใช่คนที่มีสปีดยาวเป็นจุดเด่น แต่สปีดต้นของเขาดีมาก จนสามารถใช้จังหวะ "หยุดแล้วไป" ได้ดี  ยิ่งเมื่อลักษณะการเลี้ยงบอลที่ชอบเอาบอลไว้ติดกับเท้าที่สุด และใช้ 2 เท้าในการเลี้ยงให้มีสัมผัสที่สั้นและถี่ที่สุด ทำให้คู่แข่งคาดเดาการเลี้ยงบอลของเขาได้ยาก

นอกจากนี้ เอเซ่ ยังให้สัมภาษณ์ด้วยตัวเองในการไปออกช่อง Unisport ใน YouTube ว่าสาเหตุที่ตัวเขามีวิธีเลี้ยงบอลแบบเน้นเรื่องการเอาชนะในที่แคบ เพราะตอนเด็ก ๆ เขาเล่นสตรีทฟุตบอลเป็นหลัก การเอาชนะการดวล 1-1 ในพื้นที่จำกัด (ผ่านการเล่นแบบ 2 vs 2 และ 5 vs 5) ไม่สามารถเอาชนะได้ด้วยความเร็วอย่างเดียวเท่านั้น แต่ต้องอาศัยการควบคุมและเปลี่ยนทิศทางบอลให้เร็วที่สุด ซึ่งถ้าหากจะทำได้ ต้องใช้ร่างกายส่วนอื่น ๆ เข้ามาเป็นตัวช่วยด้วย 

จากสิ่งที่เขาพูด คุณสามารถเห็นวิธีของเขาเวลาลงสนามแข่งขันจริงได้บ่อย ๆ เอเซ่ มักจะเป็นคนที่ใช้หัวไหล่และเอวในการหลอกล่อร่วมกับการเลี้ยงบอลด้วย เขาใช้การขยับตัว โยกไหล่ และทิ้งน้ำหนักตัวไปข้างหนึ่ง เพื่อหลอกให้คู่แข่งเอนตัวหรือพยายามพุ่งมาปิดทาง ... และถ้าเข้าล็อกตามที่คิดไว้ เขาจะใช้การโยกตัวกลับมาอีกทาง บวกกับทักษะการครองบอลที่ติดเท้าหนีคู่แข่งนั้นไป จนดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายดาย 

ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด คือจังหวะที่เขายิงประตูให้ อาร์เซน่อล นำ สเปอร์ส 2-0 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2025 จังหวะนั้นเขาใช้ลูกเก่งของตัวเอง ด้วยการโยกง่าย ๆ โดยบอลแทบไม่ได้เคลื่อนไปไหน แต่ก็สามารถหลอกนักเตะ สเปอร์สได้ 2 คน จนเปิดพื้นที่ให้เขายิงประตูแรกของเขาในเกมนี้ 

นั่นเป็นสาเหตุว่า ทำไมเขาจึงถูกเรียกว่า "ไอ้หนุ่มหมัดเมา" เพราะเขาไม่ได้มีเหลี่ยมประจำ หรือท่าประจำที่ใช้หลอกคู่แข่ง แต่วิธีการของเขาคือการตัดสินใจแบบเสี้ยววินาที โดยใช้การหลอกคู่แข่งให้หลงทาง ... หากเจอกองหลังที่ไวไม่พอ เหลี่ยมไม่ดี หรืออ่านเกมล่วงหน้าไม่ขาด เอเซ่ จะสามารถเล่นงานพวกเขาเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น และนำไปสู่สเต็ปต่อไปที่เขาโดดเด่นขึ้นมาก ๆ ในตอนนี้ นั่นคือ "การยิงประตู" 

 

อย่าให้การเลี้ยงบอลเสียเปล่า 

สิ่งที่ เอเซ่ โดดเด่นขึ้นมาในช่วง 1-2 ซีซั่นหลังสุด ไม่ใช่แค่การเลี้ยงกินตัวอย่างเดียว แต่จังหวะจบสกอร์ของเขาก็ยกระดับขึ้นมาด้วย ซึ่งทุกคนคงได้เห็นเขายืนยันสิ่งนี้แล้วจากแฮตทริกในเกม นอร์ธลอนดอน ดาร์บี้ 

เอเซ่ อธิบายว่า การเหลือบมอง และอ่านสถานการณ์ของเกมตลอด เป็นสองสิ่งสำคัญมากที่เขาพัฒนาส่วนนี้ขึ้นมาได้ ก่อนที่เขาจะรับบอลแต่ละครั้ง เขาจะสังเกตเสมอว่า หากสามารถเอาชนะการประกบตัวจากคู่แข่งได้ จะมีพื้นที่มากพอให้เขายิงประตูหรือไม่ เอเซ่ จึงมักจะคิดเสมอว่า เขาจะไม่ใช่แค่เลี้ยงบอลหนีคู่แข่ง แต่ต้องเป็นการสัมผัสบอลที่พาบอลกินพื้นที่ไปข้างหน้าเพื่อหาจังหวะยิงให้ได้มากที่สุดด้วย 

"ถ้าผมมีโอกาสแตะบอลไปข้างหน้าเพื่อยิงประตูผมจะพยายามเอาชนะตัวประกบให้ได้ การจับบอลจังหวะแรกนั้นสำคัญมาก ๆ สำหรับผม คุณต้องรู้เสมอว่าคุณอยู่ส่วนไหนของสนาม และคุณสามารถทำอะไรต่อได้บ้างจากจังหวะนี้" เอเซ่ ว่าแบบนั้น 

โดยสรุปก็คือ เมื่อเขาเติบโตขึ้น เล่นฟุตบอลในระดับสูงขึ้น การอ่านสถานการณ์ล่วงหน้าก็ยิ่งสำคัญมากขึ้นเท่านั้น ต่อให้เลี้ยงผ่านตัวประกบไปได้ แต่ถ้าคุณไม่มีภาพในหัวไว้ก่อน บางครั้งมันอาจจะไม่เกิดประโยชน์อะไร เพราะในฟุตบอลระดับสูง มีจังหวะให้คุณตัดสินใจเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น ฃ

เอเซ่ พยายามฝึกวิธีการสร้างจังหวะยิงประตูของตัวเองมาพักใหญ่แล้ว เมื่อฤดูกาล 2024-25 กับ พาเลซ โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ กุนซือของทีมบอกว่า เอเซ่ ค่อนข้างหงุดหงิดกับจำนวนประตูของเขาที่ไม่มากนัก เขาจึงเริ่มฝึกพิเศษเรื่องการหาจังหวะยิง และการวางเท้ายิงจากนอกกรอบ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เขาสามารถสร้างอันตรายให้ทีมได้มากที่สุด

"เอเซ่ เป็นนักเตะที่มีคุณภาพเรื่องการยิงบอลมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ทุกวันนี้เขากำลังพัฒนาขึ้นอีกเรื่อย ๆ โดยหลัก ๆ แล้วเขาฝึกซ้อมพื้นฐานกับสิ่งเหล่านี้มากขึ้น และเมื่อเริ่มยิ่งประตูได้ มันทำให้เขาเริ่มมั่นใจ ซึ่งความมั่นใจ ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกของเขาด้วย" กลาสเนอร์ กล่าว

ขณะที่ ฮอดจ์สัน ที่เป็นคนแรก ๆ ที่ขยับเขาเข้ามาเป็นเบอร์ 10 ก็เคยบอกว่า เอเซ่ พยายามพัฒนาการวางเท้ายิงตั้งแต่ตอนที่เขาคุมทีมแล้ว และ ฮอดจ์สัน ก็เป็นคนที่เลือกให้ เอเซ่ เป็นมือยิงฟรีคิกประจำทีมด้วย ซึ่งเมื่อเขาซ้อมเรื่องการยิงจากหลายระยะซ้ำ ๆ  มันยิ่งทำให้เขาพยายามหาจังหวะยิงประตูเองในการแข่งขันจริงมากขึ้นเมื่อสบโอกาสเหมาะ ๆ 

การพยายามฝึกของเขาดูเหมือนจะไม่สูญเปล่า และเขาพัฒนาขึ้นจริง ๆ นับตั้งแต่เล่นให้กับ พาเลซ จนมาถึงการย้ายมาอยู่กับ อาร์เซน่อล ลูกยิงของเขาหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นการยิงจังหวะแรก การตัดเข้าใน หรือแม้แต่การหลอกด้วยการล็อกเข้าซ้ายและยิงด้วยเท้าข้างที่ไม่ถนัด ซึ่งแน่นอนว่าทั้งหมดนี้เขายังคงมุ่งมั่นและซ้อมอยู่เรื่อย ๆ แม้กระทั่งก่อนวันแข่งกับ สเปอร์ส ที่เขาทำแฮตทริกได้ 

มิเกล อาร์เตต้า กุนซือของ ปืนใหญ่ พูดถึงแฮตทริกของ เอเซ่ ว่า "มันไม่ใช่เรื่องฟลุก และทุกอย่างล้วนมีเหตุผล หลังเล่นกับทีมชาติ เขาได้พัก 2 วัน แต่เขาก็เลือกพักแค่วันเดียว เพราะเขาบอกว่า เขาอยากจะฝึกซ้อมเพื่อพัฒนาตัวเองมากขึ้น และเขาเข้ามาถามผมถึงเรื่องต่าง ๆ มากมาย" 

"ประตูที่เกิดขึ้นมากจากการซ้อม และเขารู้ว่ามันไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบหรอก จะยังไงก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นยิงด้วยเท้าขวา เท้าซ้าย บอลกระดอนพื้น หรือลูกเรียด เอเซ่ สร้างคุณภาพในการยิงของเขาด้วยลูกยิงที่หลากหลายได้อย่างเฉียบขาด" 

เห็นได้ชัดว่า จากอดีตที่เคยเลี้ยงบอลเก่ง และเอาตัวรอดในที่แคบได้ดี เอเซ่ มาถึงจุดนี้ได้เพราะเขาไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเอง การซ้อมยิงประตูอาจจะเกิดขึ้นทีหลัง แต่เมื่อเขาทำมันซ้ำ ๆ ดูเหมือนว่าเราจะได้เห็นลูกยิงนอกกรอบในลักษณะนี้ของเขาบ่อย ๆ ... นั่นทำให้เขายิ่งอันตรายขึ้นในฐานะเบอร์ 10 ในยามที่มีบอลอยู่กับตัว 

และนั่นไม่ใช่ทักษะเดียวที่เพิ่มขึ้นมาของเขา แต่สิ่งที่เราเห็นเพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง โดยเฉพาะตอนที่เขาอยู่กับ อาร์เซน่อล คือ ... การวิ่งตัวเปล่าเข้าพื้นที่สุดท้าย ซึ่งกลาายเป็นอาวุธที่ทำให้เขาอันตรายยิ่งกว่าเดิม 

 

10 ก็ได้ False 9 ก็ดี 

จากวัยดาวรุ่งที่ใช้การเลี้ยงเพื่อเอาชนะคู่แข่ง ตอนนี้ เอเซ่ เติบโตขึ้น และไม่ใช่นักเตะวัยรุ่นอีกแล้ว การเติบโตนี้ทำให้เขารู้ว่า บางครั้งเขาแทบไม่ต้องออกแรงล็อกหลบคู่แข่งเลยด้วยซ้ำ แค่วิ่งตัวเปล่าไปยังที่ว่าง มันก็ทำให้เขาสามารถสร้างโอกาสยิงประตูได้มากกว่าเดิม

ทักษะนี้ดูเหมือนจะเริ่มเกิดขึ้นในยุคที่เขาเล่นให้ กลาสเนอร์ ที่ พาเลซ บทบาท ดับเบิล 10 ของเขาทำให้เขาต้องทำหน้าที่หลายอย่าง ทั้งถ่างออกด้านกว้าง โจมตีฮาล์ฟสเปซ และอีกหนึ่งหน้าที่สำคัญมาก ๆ คือการเป็นตัวสอดเข้าไปในกรอบเขตโทษเมื่อกองหน้าตัวเป้าอย่าง ฌอง-ฟิลิปป์ มาเตต้า ถอยลงมาเป็นตัวพักบอล หรือชนกับเซ็นเตอร์cคู่แข่ง 

เอเซ่ มักจะถูกวางให้เป็นเบอร์ 10 ฝั่งซ้าย แต่เมื่อลงสนามจริง เขาจะหาจังหวะเข้ามาเล่นตรงกลางเพื่อหาพื้นที่จบสกอร์หรือเชื่อมเกม ทำให้เกมรุกของทีมยืดหยุ่น และสามารถสร้างการเข้าทำโดยไม่มีรูปแบบตายตัว 

ยิ่งเมื่อมาอยู่ อาร์เซน่อล ทีมที่เกมรุกหลากหลาย มีตัวจู่โจมแนวรับคู่แข่งหลายคน รวมถึงคู่แข่งชอบตั้งรับลึกใส่ การเคลื่อนที่ของ เอเซ่ ก็พัฒนาขึ้น และเริ่มทำให้เราเห็นภาพของเขาได้ชัดมากขึ้น 

ประตูในเกมที่ อาร์เซน่อล เปิดบ้านเสมอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-1 ของเขาในช่วงท้ายเกม บอกถึงวิธีตอบสนองของเขาตอนที่ตัวเองไม่มีบอลได้อย่างดี เขามองหาพื้นที่ว่างเสมอ และการวิ่งสอดเข้ามาในไทมิ่งที่พอดีเป๊ะ เป็นสิ่งที่ อาร์เซน่อล พยายามใช้เป็นอีก 1 รูปแบบการเข้าทำในช่วงหลัง ซึ่งเมื่อมี เอเซ่ มาเป็นเบอร์ 10 การวิ่งในลักษณะนำทางเข้าไปในกรอบเขตโทษจึงอันตรายมากขึ้น จน อองรี ยังบอกว่า จุดนี้เขาแข็งแกร่งกว่า โอเดการ์ด ด้วยซ้ำไป 

"เขาหาทางเข้าไปเล่นในกรอบเขตโทษได้ดีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนที่ทีมเล่นแบบ False 9 ยิ่งตอบโจทย์กับเขามาก ๆ เพราะการไม่มีกองหน้าตัวเป้า มันทำให้พื้นที่เปิดและทำให้ เอเซ่ หาทางเข้ากรอบเขตโทษได้ดีมากขึ้น แถมในบางจังหวะเขายังเล่นเหมือนเป็นเบอร์ 9 เองเเลยด้วยซ้ำ" อองรี กล่าวหลังได้เห็นไฮไลต์ประตู 3-0 ที่ เอเซ่ ยิงใส่ สเปอร์ส ที่เจ้าตัววิ่งเข้ากรอบเขตโทษโล่ง ๆ แบบไร้ตัวประกบ ก่อนจะจบด้วยการยิงด้วยเท้าซ้าย 

เช่นเดียวกับประตู 4-1 ที่ เอเซ่ แทบจะยืนเป็นตัวค้ำในแดนหน้า ก่อนที่เขาจะรับบอลจาก เลอันโดร ทรอสซาร์ ก่อนจะยิงด้วยขวา และเป็นแฮตทริกของเขาในเกมนี้ 

ยิ่งเล่นในระดับที่สูงขึ้น ดูเหมือน เอเซ่ ก็ยิ่งมีออร่ามากขึ้นเรื่อย ๆ ... ต้องยอมรับว่าการโฟกัสที่การพัฒนาตัวเองของเขา มีส่วนสำคัญมากสำหรับการที่เขามาถึงจุดนี้ได้ 

เดิมทีสมัยกับ พาเลซ เขาเป็นแค่พระรองของ วิลฟรีด ซาฮา และ ไมเคิล โอลิเซ่ เลยด้วยซ้ำ ... เขามาไกล และเส้นทางเติบโตของ เอเบเรชี่ เอเซ่ ช่างน่าติดตามจริง ๆ ว่าจะไปสุดที่ตรงไหน 

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.youtube.com/watch?v=wLdxkNZ10pU
https://www.independent.co.uk/sport/football/eberechi-eze-arsenal-tottenham-premier-league-arteta-b2870915.html
https://thetitansfa.com/mastering-eberechi-ezes-playing-style-tactical-guide/
https://www.skysports.com/football/news/11095/13474525/eberechi-eze-gives-arsenal-title-winning-aura-with-hat-trick-in-masterclass-performance-against-spurs
https://www.bbc.com/sport/football/articles/cqxqr2v3q7po
https://www.teamtalk.com/news/hodgson-hails-faultless-eberechi-eze-trait-beat-leeds?
https://www.theguardian.com/football/2025/mar/29/oliver-glasner-hails-impact-of-crystal-palace-matchwinner-eberechi-eze
https://learning.coachesvoice.com/cv/eberechi-eze-crystal-palace-patrick-vieira-qpr/?utm_source=chatgpt.com

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

สรัช สวัสดีแป้น

ออกแบบภาพ กราฟิก Main Stand