บังเอิญหรือไม่ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เปลี่ยนผู้รักษาประตูมาเป็น เซนเน่อ ลัมเมนส์ แล้ว พวกเขาก็สามารถทำสถิติชนะ 2 เกมติดต่อกันในลีกได้เป็นครั้งแรกในยุค รูเบน อโมริม
การเปลี่ยนปราการด่านสุดท้าย สามารถทำให้ผู้เล่นคนอื่น ๆ ในทีมเปลี่ยนแปลงแปลงได้จริงหรือไม่ ?
เก็บตกบรรยากาศของศึกแดงเดือดเกี่ยวกับศาสตร์ของผู้รักษาประตูไปพร้อมกับ Main Stand
การส่งต่อความรู้สึกโดยไร้คำพูด
"เขาลงเล่นไปแค่ 2 เกมเอง ผมไม่อยากพูดอะไรมาก แต่จาก 2 เกมที่เขาลงเล่น เขาเป็นคนที่ไว้ใจได้มาก ๆ และคำ ๆ นี้นี่แหละ (ไว้ใจ) คือคำที่คุณอยากเรียกร้องจากผู้รักษาประตูของคุณที่สุด" ริโอ เฟอร์ดินานด์ ตำนานกองหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด กล่าวหลังได้เห็นฟอร์มล่าสุดขอ เซนเน่อ ลัมเมนส์
สิ่งที่เฟอร์ดินานด์ บอกและเน้นย้ำมันคือเรื่องของ "ความไว้ใจ" ... ตำแหน่งผู้รักษาประตู และเซ็นเตอร์แบ็ก ถือเป็นตำแหน่งที่ใกล้ชิดและได้สื่อสารกันโดยตรงมากที่สุดในสนาม ถ้าทั้ง 2 ตำแหน่งนี้ไว้ใจกันและกัน ภาพที่ออกมาในสนาม ก็จะเห็นถึงความแน่นอน มั่นคง ไม่เกิดความผิดพลาดง่าย ๆ
แมนฯ ยูไนเต็ด ขาดผู้รักษาประตูที่ไว้ใจได้มาพักใหญ่ ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาหลายครั้งพวกเขาไม่ได้เล่นแย่เสียทั้งหมด แต่ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวของผู้รักษาประตูเปลี่ยนแปลงผลสกอร์ เช่นเดียวกันกับการบั่นทอนความรู้สึกของเพื่อนร่วมทีมและกลายเป็นการถอดใจที่แฟนบอลสามารถเห็นได้โดยภาษากาย
ด้วยเหตุนี้ ยูไนเต็ด จึงเป็นทีมที่ "โดนปุ๊ป รวนปั๊ป" เรียกง่าย ๆ ว่าถ้าโดนออกนำไปก่อน โอกาสที่จะพลิกกลับมาชนะแทบไม่มี
และการเกิดเหตุแบบนี้บ่อย ๆ ยิ่งทำให้ความไว้วางใจของกันและกันลดน้อยถอยลง จนเกิดความโกลาหลที่เราเรียกกันว่า "ความผิดพลาดระดับอนุบาล" จนเป็นภาพจำของแนวรับที่ซุ่มซ่ามอย่างเลี่ยงไม่ได้ ... จนกระทั่งพวกเขาเปลี่ยนผู้รักษาประตูมาเป็น ลัมเมนส์ นี่แหละ ที่สามารถพูดได้เต็มปากแม้จะลงเฝ้าเสาแค่ 2 นัดว่า "ความสงบที่หน้าปากประตู" ของทีมชุดนี้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วโดยแท้จริง
มันมีทฤษฎีหนึ่งที่ชื่อว่า "Emotional Contagion" หรือเรื่องของการส่งต่อความรู้สึกกันในทีม เป็นทฤษฎีที่ว่าความรู้สึกของบุคคลหนึ่งสามารถ "แพร่" ไปยังคนอื่นได้โดยไม่ต้องพูดอะไรเลย เช่น ความมั่นใจ ความตื่นตระหนก ความสงบ
จากคำอธิบายในข้างต้น คุณแทบจะเห็นภาพชัดในทันทีเลยว่า เรื่องนี้มันเป็นเรื่องจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณเป็นแฟน แมนฯ ยูไนเต็ด เพราะในวันที่มี อองเดร โอนาน่า หรือ อัลตาย บายินดีร์ เฝ้าเสา เราได้เห็นภาพความโกลาหลมาแล้วนักต่อนัก แต่แล้วเมื่อ เซนเน่อ ลัมเมนส์ เข้ามา ความรู้สึกสงบก็เกิดขึ้น มันคือความแตกต่างที่ต่อให้คุณเป็นแฟนบอลที่ดูการถ่ายทอดสดอยู่ที่บ้าน ก็ยังรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาด
กลับกัน ฝั่ง ลิเวอร์พูล ที่เป็นเหมือนอีกด้านของ ยูไนเต็ด อย่างชัดเจนในเรื่องดังกล่าว พวกเขาขาดผู้รักษาประตูที่สร้างความอุ่นใจอย่าง อลีสซง เบ็คเกอร์ ที่บาดเจ็บจนพลาดเกมนี้ และให้ จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี่ ลงทำหน้าที่แทน
แม้ผู้รักษาประตูจากจอร์เจียจะไม่ได้ทำพลาดอะไรแบบเตะตาจัง ๆ แต่เราไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าด้วยความใหม่ของเขา และมาตรฐานที่เจ้าของตำแหน่งเดิมอย่าง อลีสซง (และอาจรวมถึง ควีวีน เคลเลเฮอร์ มือสองคนเดิมที่ย้ายออกไปแล้ว) ทำไว้ มันจึงทำให้ความเรื่องความนิ่ง และมั่นใจ ในมุมมองของหลาย ๆ คน โดยเฉพาะแฟนบอลของ ลิเวอร์พูล เองสัมผัสได้
โดยหัวข้อคะแนนนักเตะหลังเกมของ GiveMeSport ให้คะแนน มามาร์ดาชวิลี่ อยู่ที่ 6.5 คะแนน พร้อมด้วยการอธิบายว่า "แม้จะเซฟลูกสำคัญ ๆ ได้หลายครั้ง แต่คงจะดีกว่านี้ถ้าเขาสามารถป้องกันลูกยิงของ ไบรอัน เอ็มเบอโม่ ในช่วงต้นเกมได้"
เราได้เห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างน้อยก็ในแง่ความรู้สึกอย่างชัดเจน ความนิ่งเกิดขึ้นในแผงหลังของ ยูไนเต็ด ในวันที่พวกเขาอาจจะไม่ได้มีโกลที่ดีที่สุด แต่อย่างน้อยก็ดีกว่า 2 คนที่ผ่านมา
กลับกัน ฝั่ง ลิเวอร์พูล ก็ยังต้องมีคำถามคาใจแฟนบอลว่า หากลูกนั้นเป็น อลีสซง เฝ้าเสา เขาจะป้องกันมันได้ดีกว่า มามาร์ดาชวิลี่ หรือไม่ ? นี่คือตัวอย่างที่อธิบายทฤษฎนี้ได้อย่างชัดเจน
ผู้รักษาประตู แนวรับ และทั้งทีม
ประตูที่ดีทำให้กองหลังมั่นใจ กองหลังที่ดีทำให้ผู้รักษาประตูมีสมาธิโฟกัสกับงานตัวเองได้ดีขึ้น และถ้าวันไหนทั้ง 2 ตำแหน่งเกิดเล่นได้ท็อปฟอร์มขึ้นมา นักเตะคนอื่น ๆ ในตำแหน่งกองกลางหรือตัวรุก ก็จะสามารถเล่นได้อย่างเป็นตัวเอง กล้าเสี่ยง และกล้าหาญเพื่อบุกขึ้นไปเอาประตูมากขึ้นด้วย
มันเห็นได้ชัดว่าถ้าประตูมีบุคลิก "นิ่ง และ มั่นใจ" ผู้เล่นในแนวรับจะรู้สึกปลอดภัยขึ้นโดยอัตโนมัติ และไม่ใช่กลุ่มผู้เล่นแนวรับเท่านั้นที่จะได้เอฟเฟ็กต์นี้ เพราะการออกมาตัดบอลที่เด็ดขาดและการเซฟที่แน่นอน จะทำให้เพื่อนร่วมทีมรู้ว่า "หลังบ้านเรายังไหว" มันส่งผลให้ผู้เล่นแดนกลางและแดนหน้าเล่นเกมบุกได้อย่างมั่นใจมากขึ้น
ในเกมแดงเดือดที่ผ่านมา ถ้าคุณเป็นแฟนบอลของ ยูไนเต็ด คุณจะเข้าใจเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี ... จากจังหวะการตีเสมอ 1-1 ของ โคดี้ กักโป เชื่อเหลือเกินว่าทุกคนเริ่มเกิดความวิตกกังวล และคิดไปไกลถึงขึ้นโดนยิงแซงจนกลับมาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เสียเองแน่ ๆ
แต่สิ่งที่ผิดคาดและแตกต่างออกไปก็คือ แมนฯ ยูไนเต็ด ในวันนั้นมีความกล้าที่เสี่ยงเล่นเกมบุกในหลายจังหวะเพื่อหวังจะเป็นผู้ชนะในเกมนี้ให้ได้ ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วการเก็บผลเสมอที่ แอนฟิลด์ ก็นับว่าเป็น 1 แต้มใหญ่ที่น่าพอใจแล้ว
ในเกมนั้น ยูไนเต็ด ยังคงใช้นักเตะในเกมบุกหลายคน โดยเฉพาะช่วงได้ลูกตั้งเตะ ที่ภายหลังมีการเปิดเผยว่าพวกเขาซักซ้อมมาอย่างดี เพราะรู้ดีกว่าด้วยโอกาสที่มีอันน้อยนิด ลูกตั้งเตะจะเป็นตัวชี้ขาดให้กับพวกเขาได้ และมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ
ผู้รักษาประตูที่ดี นำมาสู่ทีมเวิร์กที่ดีขึ้นได้ เพราะมันทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่า "แม้พลาด เราก็ยังมีคนคอยป้องกันอยู่ข้างหลัง" ภาพที่เห็นจึงออกมาเป็นการกล้าเล่นเสี่ยง กล้าเพรสซิ่ง กล้าเล่นบอลยาก ๆ มากขึ้น แตกต่างกับในหลายครั้ง ๆ ที่คนที่อยู่ข้างหลังไม่ใช่ ลัมเมนส์ เรามักจะได้เห็นความลังเล การขาดความกล้า และนำไปสู่ความผิดพลาดบ่อย ๆ
แม้จะยังมีข้อผิดพลาดให้เห็นตามประสาทีมที่พยายามติดตั้งระบบการเล่นและความเข้าใจใหม่ ๆ แต่ 3 แต้มที่ แอนฟิลด์ ช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดี เพราะการมาเอาชนะที่สนามนี้ คุณต้องพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจอย่างแท้จริง
ใช้เท้าดี ... อาจไม่จำเป็นเสมอไป
การมาของ ลัมเมนส์ ทำให้อดไม่ได้ที่จะนึกถึงแนวคิดการซื้อผู้รักษาประตูที่เล่นด้วยเท้าดีและบิลด์อัพเกมได้ เหมือนกับที่ทีมเคยพยายามจะใช้ โอนาน่า และ บายินดีร์ ในอดีต
จริงอยู่ คุณสมบัติการใช้เท้าถือเป็นสิ่งสำคัญของผู้รักษาประตูยุคนี้ แต่มีผู้รักษาประตูเพียงหยิบมือที่จะสามารถใช้เท้าได้เก่ง และในขณะเดียวกันก็มีทักษะในการป้องกันประตูสูง และสามารถสร้างความมั่นใจให้ทีมจากความสงบนิ่งของพวกเขา
สิ่งที่เกิดขึ้นกับ ลัมเมนส์ ในเกมเแดงเดือดที่เจ้าตัวออกมาเปิดเผยภายหลังเกมก็คือ รูเบน อโมริม กุนซือของทีมช่วยเขาเป็นอย่างมากในการวางแท็คติกก่อนเกมนี้ โดย อโมริม เลือกที่จะมองโลกจากความเป็นจริงว่า หากต้องต่อบอลในแนวรับเพื่อหนีการไล่ล่าของ ลิเวอร์พูล มันคงเป็นไปได้ยากที่ฝั่ง ยูไนเต็ด จะเหนือกว่า ดังนั้นเขาจึงไม่ฝืนธรรมชาติ และเลือกให้ ลัมเมนส์ พยายามใช้บอลยาวเพื่อตัดปัญหานี้
ในขณะเดียวกัน บอลยาวจากด้านหลังก็สร้างประโยชน์ให้กับทีมได้ เพราะมันคือที่มาของประตูแรกจาก ไบรอัน เอ็มเบอโม่ เช่นเดียวกับการเล่นบอลจังหวะให้น้อย เน้นเปิดให้ถึงเขตโทษให้เร็วที่สุด ก็กลายเป็นที่มาของประตูที่ 2 จาก แฮร์รี่ แม็คไกวร์ เช่นกัน
สิ่งที่จะบอกคือ หากผู้รักษาประตูที่ทำได้ดีทั้งใช้เท้าและป้องกันประตูมันหายาก ก็ควรเลือกคนที่สามารถนำความสงบมาสู่ทีมให้ได้ก่อน เพราะผลบวกที่เกิดขึ้นมันส่งผลถึงผู้เล่นคนอื่น ๆ ด้วย ส่วนเรื่องการใช้เท้าหรือบิลด์อัพ สิ่งนี้สามารถแก้ไขได้หากโค้ชช่วยกันให้ข้อมูลและวางกลยุทธ์ที่เหมาะสมดังเช่นเกมแดงเดือดที่ผ่านมา
"ปลอดภัย เชื่อใจได้ มั่นใจ แน่วแน่ และ สงบ นี่คือสิ่งที่คุณต้องการจากผู้รักษาประตูของคุณ ถ้า เซนเน่อ ลัมเมนส์ รักษาฟอร์มและพัฒนาการเล่นของเขาต่อไปได้ มันจะช่วยปลุกความมั่นใจให้แนวรับ และผู้เล่นทั้งทีม"
"ผมต้องบอกว่าผมประทับใจ ลัมเมนส์ มาก ๆ กับ 2 เกมที่ผ่านมา แต่ผมไม่อยากปล่อยให้ตัวเองหลงใหลกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ทั้งหมด เพราะเขากำลังเล่นในตำแหน่งที่กดดันที่สุด เป็นตำแหน่งที่ยากที่สุดของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ... แต่จากความรู้สึกเขามีทุกอย่าง บุคลิกภาพที่ยอดเยี่ยม"
ดูเหมือนว่าคำกล่าวของ เฟอร์ดินานด์ จะแทนใจแฟนบอลปีศาจแดงทุกคนในเวลานี้
แหล่งอ้างอิง
https://www.nytimes.com/athletic/6731985/2025/10/20/man-utd-harry-maguire-ruben-amorim/
https://www.manchestereveningnews.co.uk/sport/football/football-news/man-united-senne-lammens-amorim-32715475
https://www.bbc.com/sport/football/articles/c781w1504v1o
https://www.nytimes.com/athletic/6732741/2025/10/20/lammens-manchester-united-goalkeeper/