Feature

มือบ๊วยที่ไม่เคยยอมแพ้ : บทเรียนที่ทำให้ เฟเดริโก้ เคียซ่า เกิดใหม่กับ ลิเวอร์พูล | Main Stand

บางครั้งการเป็น "มือบ๊วย" ไม่ได้หมายความว่าคุณแพ้ แต่คือจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ และนั่นเองที่ทำให้ เฟเดริโก้ เคียซ่า พลิกเส้นทางในถิ่น แอนฟิลด์ จนทุกคนต้องหันกลับมามอง  

 


เสียงวิจารณ์ เริ่มกลายเป็นคำชม และนี่คือเบื้องหลังของนักเตะที่เคยเป็นส่วนเกิน สู่นักเตะที่แฟนหงส์แดง เริ่มส่งใจเชียร์มากขึ้นเรื่อย ๆ อย่าง เฟเดริโก้ เคียซ่า 

 

ซื้อมาแล้วเสียงแตก

ปีแรกของ อาร์เน่อ ชล็อต ในฐานะกุนซือของ ลิเวอร์พูล เริ่มขึ้นในฤดูกาล 2024-25 และในตลาดซื้อขายครั้งนั้น เขาได้เสริมทัพด้วยนักเตะเพียงรายเดียวเท่านั้น นั่นคือ เฟเดริโก้ เคียซ่า ตัวรุกชาวอิตาเลียนจาก ยูเวนตุส ด้วยราคาราว ๆ 10 ล้านปอนด์เท่านั้น 

การมาของ เคียซ่า ถือเป็นที่ถกเถียงกันในเวลานั้น แฟนบอล ลิเวอร์พูล หลายคนเชื่อว่า เคียซ่า ถูกซื้อเข้ามาเพราะจะถูกใช้เป็นกันชนไม่ให้ทีมโดนวิจารณ์ว่าไม่เสริมทัพเลย และจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับ เคียซ่า ในช่วง 2-3 ปีหลังก่อนย้ายมาก็ต้องยอมรับว่ามาตรฐานของเขาตกลงไปมาก จากวันที่เขาแจ้งเกิดกับ ฟิออเรนติน่า จนกลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงของวงการฟุตบอลอิตาลี 

นอกจากการเป็นลูกชายของ เอ็นริโก้ เคียซ่า อดีตกองหน้าทีมชาติอิตาลีในช่วงยุค 1990s แล้ว เฟเดริโก้ เคียซ่า ถือเป็นนักเตะที่แจ้งเกิดในวงการฟุตบอลอิตาลีมานานแล้ว ถ้าใครติดตาม เซเรีย อา จะพอเข้าใจถึงความสามารถของเขาในวันที่เขาแจ้งเกิด เมื่อฤดูกาล 2016-17 

เขาถูกสร้างมาเพื่อเป็นตัวริมเส้น แม้เรื่องของเซ้นส์ฟุตบอลทั้งการจ่ายและการยิงถือเป็นตัวท็อปของรุ่นในระดับเยาวชน คนที่มั่นใจว่า เคียซ่า จะเหมาะกับตำแหน่งริมเส้นกว่าคือ เปาโล ซูซ่า อดีตโค้ชของ ฟิออเรนติน่า คนที่ให้โอกาสเขาเป็นครั้งแรก โดยให้คำอธิบายแบบเข้าใจง่าย ๆ ว่า ไม่จำเป็นว่าเขาจะเกิดเป็นลูกชายของใคร แต่ถ้าเขาเจอกับนักเตะที่เล่นได้แบบที่ เฟเดริโก้ เคียซ่า ทำ เขาจะต้องให้โอกาสลงสนามอย่างแน่นอน 

"นับตั้งแต่ผมให้โอกาสเขา เขาก็กลายเป็นนักเตะตำแหน่งปีกที่คุณสามารถจะร้องขอสิ่งใดจากเขาก็ได้ เลี้ยงบอล หลอกล่อ วิ่งตัวเปล่า เปิดบอล หรือจบสกอร์ และที่สำคัญก็คือ นี่คือนักเตะที่วิ่งเก่งมาก เขาวิ่งเยอะโดยที่คุณแทบไม่ต้องร้องขอ ผมต้องบอกเลยว่าหมอนี่วิ่งเก่งกว่าพ่อของเขาเยอะเลย" ซูซ่า ที่ทันรุ่นกับ เคียซ่า ผู้พ่ออธิบาย 

สิ่งที่ ซูซ่า อธิบายค่อนข้างชัดในเวลาต่อมา เคียซ่า ย้ายไปอยู่กับ ยูเวนตุส กลยเป็นตัวหลักของทีมได้ในทันที เท่านั้นยังไม่พอเขายังระเบิดผลงานประจักษ์สายตาแฟนบอลทั้งโลกในยูโร 2020 (ที่แข่งขันกันในปี 2021) ครั้งนั้นเขาเป็นตัวหลักและพาทีมชาติอิตาลี คว้าแชมป์ทวีปมาครองได้สำเร็จ 

อย่างไรก็ตาม หลังจากแชมป์ยุโรปครั้งนั้น เคียซ่า เข้าสู่ขาลงแบบเต็ม ๆ เน่องจากอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าอย่่างรุนแรง ต้องพักรักษาตัวหลยเดือน และเมื่อกลับมาเล่นได้ก็มีอาการบาดเจ็บซ้ำ ๆ เกิดขึ้นหลายครั้ง จนว่ากันว่าสภาพของเขาในตอนนั้นแทบไม่สามารถใช้สปีดที่เป็นจุดเด่นแบบที่เคยทำได้อีกแล้ว อีกทั้งสภาพจิตใจของเจ้าตัวก็แย่ลงทุกวันจากสภาพร่างกายที่ไม่เคยสมบูรณ์

สิ่งที่ยืนยันได้คือในช่วงเวลาสั้น ๆ เพียง 2 ปี เคียซ่า เหมือนกับตกสวรรค์ จากเคยเป็นว่าที่ยอดนักเตะในอนาคตอันใกล้ และถูกประเมินมูลค่าไว้ที่ 90 ล้านยูโร กลับค่อย ๆ ลงเรื่อย ๆ จาก 90 เหลือ 35 ล้านยูโร ในปี 2022 และในปี 2024 ก่อนที่เขาจะย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล มูลค่าของเขาถูกประเมินไว้ที่ 15 ล้านยูโรเท่านั้น 

แม้ ลิเวอร์พูล จะจ่ายเงินแค่ 10 ล้านปอนด์เพื่อซื้อตัวเขามาร่วมทีม แต่หากเทียบกับราคาประเมินแล้วก็ไม่แตกต่างอะไรกันมากนัก นั่นทำให้แฟนบอลเริ่มสงสัยว่า นักเตะอย่าง เคียซ่า ที่เล่นในอิตาลียังเจ็บบ่อยขนาดนี้ ถ้าหากเจ้าตัวมาเล่นในพรีเมียร์ลีกที่เป็นฟุตบอลเล่นกันหนัก รุนแรง รวดเร็ว เขาจะสร้างความแตกต่างอะไรได้ ในทีมที่นักเตะเกมรุกแทบทุกคนล้วนมีความรอบจัดอย่าง ลิเวอร์พูล 

คำถามถูกตั้งให้กับ เคียซ่า ตั้งแต่วันแรกที่ย้ายมา และเมื่อเวลาผ่านไป หลายสิ่งก็ไม่ดีขึ้นเลยด้วยเหตุผลมากมายหลายประการ 

 

ตัวเลือกสุดท้ายอย่างชัดเจน

แม้หลายคนจะคาดหวังว่าการมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนของ เคียซ่า หากวันไหนเขาฟิตพร้อมขึ้นมา เขาอาจจะกลับมาเป็นตัวเลือกที่ดีให้กับทีมได้อีกครั้ง ... แต่ความจริงในช่วงเริ่มต้นกับหงส์แดงนั้น ต้องบอกว่าห่างไกลจากสิ่งที่หวังแบบสุด ๆ 

เคียซ่า ต้องเผชิญหน้ากับอะไรหลาย ๆ อย่าง ประการแรก เขาย้ายมาอยู่กับทีมในช่วงปลายของตลาดซื้อขาย และเมื่อเขามาถึง เพื่อน ๆ ก็พรีซีซั่นกันเสร็จเรียบร้อย และเริ่มได้เห็น 11 ตัวจริงที่จะเป็นโครงสร้างหลัก ๆ ในยุคของ ชล็อต แล้ว ดังนั้นผู้มาใหม่ที่มาพร้อมกับร่างกายที่ยังไม่ฟิตเต็มร้อย ยังขาดการซ้อมร่วมกับทีมอีกหลายเซสชั่น และไม่ได้เล่นเกมพรีซีซั่นเลยอย่างเขา ก็ต้องยอมรับความจริงว่า "เขาคือตัวเลือกสุดท้าย" ในแนวรุกชุดนี้ 

มีการลือกันว่าดีลของ เคียซ่า ไม่ได้เป็นดีลที่ อาร์เนอ ชล็อต เรียกร้องกับสโมสร เรื่องนี้จะจริงหรือเปล่าไม่มีใครรู้ได้ แต่สิ่งที่มันเป็นภาพสะท้อนที่ยืนยันได้ก็คือ ด้วยข้อจำกัดหลาย ๆ อย่างที่กล่าวมา ชล็อต แทบไม่เคยให้โอกาสเขาเป็นตัวจริงในเกมลีกเลย เวลาที่ ชล็อต มอบให้เขามักจะเป็นช่วงท้ายเกมแบบเหลือเวลาให้เล่นไม่ถึง 10 นาที และอย่างดีที่สุดคือการออกสตาร์ทตัวจริงในฟุตบอลถ้วยในประเทศอย่าง คาราบาว คัพ และ เอฟเอ คัพ ที่ ชล็อต จะให้นักเตะชุดใหญ่พักอยู่แล้ว 

กว่า เคียซ่า จะยิงประตูแรกให้ ลิเวอร์พูล ได้ก็ต้องรอถึงวันที่ 11 มกราคม ในเกมที่ชนะ แอคริงตัน สแตนลี่ย์ 4-0 ส่วนอีก 1 ประตูเกิดขึ้นในคาราบาว คัพ นัดชิงชนะเลิศ ที่ทีมแพ้ นิวคาสเซิล 1-2 ขณะที่ในลีกนั้นชัดเจนสุด ๆ เพราะเขามีโอกาสเล่นแค่ 6 เกม และถ้าคิดเป็นนาทียิ่งหนักข้อ เพราะเขาเล่นไปเพียง 104 นาทีเท่านั้น ซึ่งโอกาสส่วนใหญ่เกิดขึ้นหลังจากทีมทีมคว้าแชมป์ไปแล้ว 

ปีแรกของ เคียซ่า กับ ลิเวอร์พูล แทบไม่มีอะไรให้จดจำมากไปกว่าการได้คว้าแชมป์ลีกร่วมกับทีม ซึ่งทำให้เขาเป็นนักเตะอิตาเลียนคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ที่ได้คล้องเหรียญแชมป์พรีเมียร์ลีก(คนแรกคือ มาริโอ บาโลเตลลี่ กับ แมนฯ ซิตี้ ในซีซั่น 2011-12 ขณะที่ เฟเดริโก้ มาเคด้า กับ มัสซิโม่ ตาอิบี้ กับ แมนฯ ยูไนเต็ด และ คาร์โล คูดิชินี่ กับ เชลซี ได้ลงสนามน้อยกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำรับเหรียญ ณ ตอนนั้น) 

มิหนำซ้ำ สื่อทั้งจากฝั่งอังกฤษ และอิตาลี ต่างก็วิจารณ์เขาในหลากหลายแง่มุม บ้างก็บอกว่าร่างกายของเขาไม่เหมาะกับลีกอังกฤษ สื่อบางเจ้าก็บอกว่าไม่ใช่ว่า ชล็อต ไม่ให้โอกาสและมองเขาเป็นส่วนเกิน แต่เป็นเพราะในเวลาที่ เคียซ่า ได้ลงเล่น ในหลาย ๆ ครั้งเขาก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างอะไรมากมายหากเทียบกับแนวรุกคนอื่น ๆ ที่ ลิเวอร์พูล มี 

สิ่งที่เขาเคยทำได้ดีในอิตาลี กลับใช้ไม่ได้ที่นี่ สื่ออย่าง The Guardian บอกว่า สิ่งที่ เคียซ่า แสดงออกมาในเชิงบวกคือความมุ่งมั่น ขยันวิ่ง แต่ปัญหาคือกำแพงภาษา ความไม่เข้าขารู้ใจกับเพื่อนทำให้ความขยันของเขาแทบไม่มีผลอะไร หลายครั้งมันยังเป็นการวิ่งแบบไม่เจอบอล การจับบอลจังหวะแรกที่ไม่ดีพอ รวมถึงการวิ่งช่องที่ผิดเหลี่ยมผิดจังหวะกับเพื่อนร่วมทีม

แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เจ้าตัวถูกโหวตว่าเป็นดีลที่ "ล้มเหลว" ระดับท็อป 10 ของพรีเมียร์ลีก ซีซั่น 2024-25 ขณะที่สื่อหลายเจ้าบอกว่าอนาคตของเขากับ ลิเวอร์พูล คงไปกันต่อไม่ได้จากสิ่งที่เกิดขึ้นในปีแรกที่ยุ่งยากนี้ ... ทว่าสุดท้ายแล้วการย้ายทีมก็ไม่เกิดขึ้น เขาได้โอกาสให้ "สู้ต่อ" ในปีที่ 2 กับ ลิเวอร์พูล ซึ่งจุดนี้แหละที่การเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกเกิดขึ้น 

 

รับมือกับโอกาสอันน้อยนิด 

หลังซีซั่น 2024-25 จบลงไม่นาน มีการเปิดเผยจาก เอ็นริโก้ เคียซ่า พ่อของเขาว่า ลูกชายไม่ได้มองว่าการมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล โดยไม่มีส่วนร่วมกับทีมมากนัก แต่ได้แชมป์ และได้ค่าเหนื่อยเยอะกว่าตอนเล่นในอิตาลี ไม่ใช่สิ่งที่ เคียซ่า ต้องการ เคียซ่า ใช้เวลาในช่วงปิดซีซั่นดูแลร่างกายตัวเองอีกระดับ เพื่อเรียกความฟิตให้อยู่ในขีดที่ ชล็อต ต้องการ เพราะซีซั่นที่แล้ว ชล็อต มักจะพูดหลายครั้งว่า สาเหตุที่ เคียซ่า ไม่ได้ลง เกิดร่างกายที่ไม่พร้อม และความฟิตที่ไม่พอของตัวนักเตะเอง 

พ่อของเขาให้สัมภาษณ์กับ Tuttosport ว่า แม้จะถูกมองว่าเป็นส่วนเกินและตัวเลือกตัวสุดท้ายของทีม แต่ลูกชายของเขายังอยากจะสู้และพิสูจน์ตัวเองอีกสักครั้ง สวนเรื่องของความผิดหวังและเสียใจนั้น ... เขาเก็บเรื่องนี้ไว้ในลิ้นชัก เพราะไม่อยากแสดงออกแบบผู้แพ้ที่ฟูมฟายกับสิ่งที่ตัวเองเลือก 

"เฟเดริโก้ กำลังเริ่มทำได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ที่ ลิเวอร์พูล ในความยากมีหลายอย่างที่ถูกต้อง เขาอยู่กับสโมสรชั้นนำของลีก ... ซัมเมอร์นี้ผมมีโอกาสคุยกับเขา และผมเล่าย้อนถึงสิ่งที่ผมพูดกับเขาเสมอตั้งแต่เขาอายุ 15 ปี มันเป็นความรู้สึกเดียวกันกับตอนนี้นั่นแหละ"

"ตอนอายุ 15 เขาไมjได้ลงเล่นบ่อยนัก และเขามักจะเข้ามาถามผมตรง ๆ ว่า 'ผมควรจะทำอย่างไรดี ?' ซึ่งคำตอบที่ผมมีให้เขาจนถึงวันนี้ก็ยังเหมือนเดิมนั่นคือ จงตั้งใจซ้อมต่อไป อย่ายอมแพ้ เตรียมตัวเองให้พร้อมเสมอ เพราะหากวันใดโอกาสมาถึง เขาจะได้อยู่ในจังหวะพร้อมที่จะคว้าโอกาสนั้นไว้ให้ได้" 

"ส่วนเรื่องที่หลายคนสงสัยว่า ลูกชายของผมเสียใจหรือไม่ที่ตัดสินใจย้ายจาก ยูเวนตุส ไป ลิเวอรืพูล ... คำตอบเดียวที่เขามีก็คือ 'การเสียใจและฟูมฟายคือเรื่องของพวกขี้แพ้' ... เขาไม่เสียใจหรอก และเขาจะเดินหน้าต่อแน่นอน"

ซีซั่น 2025-26 เริ่มขึ้น และ เฟเดริโก้ เคียซ่า ก็ทำในสิ่งที่ตรงกับพ่อของเขาบอกว่า ในฤดูกาลนี้เขากลับมาด้วยร่างกายที่ดีขึ้น ความมั่นใจที่มากขึ้น และเมื่อเขาทำตัวให้พร้อม เขาก็คว้าโอกาสสำคัญได้ทันทีในเกมเปิดสนามพรีเมียร์ลีกที่ เจ้าตัวลงมาซัดประตูนาทีบาป ให้เกมที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ บอร์นมัธ 4-2 ซึงหลังเกมนั้น แทบจะเป็นครั้งแรกที่ อาร์เน่อ ชล็อต กล่าวชื่มชมเขาตรง ๆ ไม่ต้องอ้อม 

"ตอนนี้ผมมองเห็น เฟเดริโก้ ในแง่มุมที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาส่วนใหญ่ของเขากับทีมในฤดูกาลที่แล้ว" ชล็อต เริ่มกล่าวเพื่อยืนยันว่าเขาไม่ได้ "อคติ" กับ เคียซ่า แบบที่หลายคนตั้งแง่เอาไว้

"ผมจะอธิบายแบบนี้ ปีที่แล้วที่เขาได้เล่นน้อยและยังทำผลงานได้ไม่ดีนัก เป็นเพราะหลากหลายปัจจัย เขาพลาดปรีซีซั่นกับทีม และเมื่อเขาต้องเล่นในจังหวะของฟุตบอลพรีเมียร์ลีก มันค่อนข้างขัดว่าเขายังไม่พร้อมที่จะเจอกับเกมที่มีความเข้มข้นสูงสุด ... ตอนนี้ทุกคนเริ่มใหม่พร้อมกัน รวมถึงตัวของเขาด้วย" 

แม้สถานะในการแย่งตัวจริงของเขาจะยังห่างไกล ยืนยันได้จากการที่เขาไม่ได้ถูกส่งชื่อลงเล่นในฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก แต่โอกาสและเวลาที่เขาได้รับจากชล็อตก็มากขึ้นเรื่อย ๆ และอีกครั้งในเกมคาราบาว คัพ ล่าสุดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 2-1 ซึ่งในเกมนี้ เคียซ่า ได้รับคำชมจาก ชล็อต เต็ม ๆ หลังทำผลงานได้โดดเด่น และมีความปราดเปรียว ดุดันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 

"ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอนที่ เฟเดริโก้ เคียซ่า จะฉกฉวยโอกาสและสร้างสรรค์การทำประตูให้กับเรา เหตุผลที่ผมคิดแบบนั้นก็เพราะเขาเป็นคนที่มีส่วนร่วมกับเกมมากที่สุด พยายามมากที่สุด และทำงานหนักมากที่สุด สิ่งเหล่านี้ทำให้เขาวิ่งไปรับบอลจากลูกเปิดของ ร็อบโบ้ (แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน) ซึ่งนั่นแหละเป็นวิธีการเล่นในแบบที่ทีมต้องการ" 

"สำหรับเขาไม่มีอะไรมากไปกว่าคำว่า การเตรียมพร้อมที่จะเล่นอยู่เสมอ นั่นเป็นวิธีที่ทำให้เขาได้โอกาสกลับมาสู่ทีม และได้โอกาสลงสนามมากขึ้น มีไม่บ่อยครั้งหรอกที่ผมจะมีความสุขและกล่าวชมผู้เล่นคนไหนเป็นการส่วนตัวแบบนี้ แต่ระดับการเล่นของเคียซ่าในวันนี้มันเป็นเรื่องสมควรที่ผมจะพูดถึงมัน" ชล็อต ว่าเช่นนั้น 

ตอนนี้ เคียซ่า เริ่มได้รับเสียงเชียร์จากแฟนบอล ลิเวอร์พูล มากขึ้นเรื่อย ๆ ในฐานะตัวริมเส้นที่อยากจะให้ลงสนามมากขึ้น บางคนถึงขั้นบอกว่าอยากจะให้เขาเบียด โคดี้ กักโป ในตำแหน่งริมเส้นฝั่งซ้ายเลยด้วยซ้ำ ... แม้จะไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ทีจะไปถึงจุดนั้น แต่ที่แน่ ๆ เคียซ่า กำลังทำทุกอย่างตามวิถีมืออาชีพได้อย่างสมบูรณ์แบบ 

วันใดที่ไม่ถูกเลือก ให้คิดเสียว่าตัวเองยังไม่ดีพอและเป็นรองคนอื่น ๆ สิ่งที่ทำไม่ใช่การป่าวประกาศและแสดงตัวบนโลกโซเชี่ยลเหมือนที่นักเตะยุคนี้หลาย ๆ คนทำ แต่มันคือการพิสูจน์ตัวเองในทุกโอกาส ว่าเขาพร้อมแค่ไหนเมื่อโอกาสมาถึง ... ดูเหมือนว่าโอกาสกำลังเข้าใกล้เขาขึ้นอีกนิด หากวัดจากเสียงเชียร์ที่แฟนหงส์มีถึงเขาในเวลานี้

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.liverpoolfc.com/th/news/arne-slot-press-conference-ekitike-red-card-chiesa-performance-and-isaks-first-lfc-goal
https://www.si.com/soccer/arne-slot-why-liverpool-fans-should-be-excited-federico-chiesa
https://www.empireofthekop.com/2025/03/24/enrico-chiesa-federico-happy-liverpool/
https://onefootball.com/en/news/he-has-more-running-than-his-father-mancini-praises-juventus-star-32123302
https://sempreinter.com/2020/04/07/inter-target-federico-chiesa-i-have-already-played-in-a-3-5-2-system/
https://football-italia.net/sousa-no-chiesa-doubts/
https://football-italia.net/chiesa-can-follow-enricos-footsteps/

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ