Feature

ศิลปะแห่งการยืนระยะ : ทำไม โรนัลโด้ ยังยอดเยี่ยมแม้ใกล้แตะ "1,000 ประตู" | Main Stand

ไม่ว่าคุณจะรักเขาหรือไม่ อย่างไรเสียคุณก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คือยอดนักฟุตบอล ที่ไม่ว่าเขาจะอยู่ไหนก็การันตีประตูได้เสมอ 

 


และมันน่าแปลกที่ตอนนี้เขาอายุ 40 ปีแล้ว สังขารก็ไม่เที่ยง กระทั่งเขาเองก็หนีความจริงข้อนี้ไม่พ้น แต่แปลกตรงในขณะที่หลายคนเริ่มถดถอยและเลิกเล่น เขากลับเป็นคนที่ยืนระยะ และทำให้ตัวเองถูกพูดถึงในความเป็นปีศาจ ไม่ต่างจาก 20 ปีที่แล้ว 

อะไรคือความลับและเบื้องหลังของการยืนระยะได้ยาวนาน แถมยังมีคุณภาพที่สามารถรับมือเกมระดับสูงได้สบาย ๆ ของชายวัยหลักสี่อย่างเขา ?

 

วัยเด็กที่มีเป้าหมาย

ในยุคสมัยนี้ คุณคงเคยได้ยินว่ามันคือยุคของ "ความถนัดเฉพาะทาง" หากเด็กคนไหนค้นพบว่าตัวเองอยากเป็นอะไร ถนัดอะไร และเก่งเรื่องไหนตั้งแต่อายุยังน้อย เขาคนนั้นจะสามารถต่อยอดความสามารถที่มี จนสร้างเป็นอาชีพได้อย่างยั่งยืน ... ซึ่งดูเหมือนว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จะเป็นผู้มาก่อนกาล เพราะเป้าหมายในชีวิตของเขาชัดเจนตั้งแต่ตอนที่เริ่มเป็นนักฟุตบอลแล้ว 

หลายคนคงรู้ดี เรื่องราวเกี่ยวกับเขาในวัยหนุ่มที่ถูกความจนผลักดันให้เขาอยากจะเป็นนักฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จ มีทุกอย่างที่เขาและครอบครัวต้องการ สิ่งนี้นำมาสู่ความตั้งใจจริง และอยู่กับการประกอบร่างความฝันแบบวินัยเสมอ นับตั้งแต่การแจ้งเกิดกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน และกลายเป็นนักเตะของ 1 ในทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุคอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

มีนักเตะไม่กี่คนที่ทำให้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ประทับใจและเอ่ยปากชมอยู่บ่อย ๆ และ โรนัลโด้ คือคน ๆ นั้น ... ซึ่งคุณอาจจะบอกว่าเขาเป็น No.1 ในใจ เฟอร์กี้ เลยก็ว่าได้ เพราะอันที่จริง การมาของ โรนัลโด้ นี่แหละที่ทำให้ เฟอร์กี้ ยกเลิกความคิดที่จะรีไทร์จากการเป็นโค้ช และจะอยู่สร้างทีมที่มี โรนัลโด้ เป็นศูนย์กลาง ร่วมเกม เวย์น รูนี่ย์ เพราะแพชชั่นของเด็กทั้ง 2 คนนี้ ทำเอาคนแก่อย่าง เฟอร์กี้ กลับมามีไฟในการทำงานอีกครั้ง 

"เขามีความทะเยอทะยานในแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ทุกสิ่งที่เขาทำ ล้วนมุ่งสู่การเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในโลก" แค่ประโยคนี้ประโยคเดียวของ เฟอร์กี้ คุณแทบไม่ต้องบรรยายต่อแล้วว่า โรนัลโด้ เริ่มต้นอาชีพนักเตะด้วยความถูกต้องแค่ไหน 

ในช่วงวัยขนาดนั้น โรนัลโด้ เริ่มเอาตัวเองมาเป็นมาตรฐานของโลกด้วยการฝึกหนักแบบที่คุณได้ยินบ่อย ๆ ว่า "มาก่อน กลับทีหลัง" นอกจากนี้เขายังเป็นนักเตะคนแรก ๆ ของโลกที่ถึงขั้นสร้างโรงยิมสำหรับออกกำลังกายในบ้าน และใช้ชีวิตประจำวันแบบแทบไม่แตกแถว กินอยู่ตามหลักโภชนาการ และมีโค้ชฟิตเนสส่วนตัว   

เผลอไม่ทันไร เด็กที่ร่างกายผอมบางก็กลายเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก และจากปีกที่ถูกวิจารณ์ว่าขี้เลี้ยง ขี้โชว์ โรนัลโด้ ก็เข้าสู่โหมด "ปีศาจ" ด้วยการก้าวขึ้นมาเป็นเครื่องจักรถล่มประตู เป็นคนที่เพื่อนในสนามมองหาเวลาได้บอล และเป็นคนที่แฟนบอลสามารถฝากความหวังได้เสมอ 

ไม่ว่าจะเกมใหญ่ หรือเกมเล็ก สถานการณ์ไล่ถล่มสบาย ๆ หรือกดดันและต้องการประตูสุด ๆ ในช่วงท้ายเกม ... หากในเกมนั้นจะมีประตูเกิดขึ้น แฟน ยูไนเต็ด เดาได้ทันทีเลยว่า ชื่อของ คริสเตียโน่ โรนัลโต้ ต้องอยู่บนสกอร์บอร์ดอย่างแน่นอน 

ชีวิตที่ดีและมั่นคงล้วนเกิดจากการสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง หากเปรียบเทียบกับคนธรรมดาคือ โรนัลโด้ รู้ว่าตัวเองจะเป็นอะไรตั้งแต่อายุก่อน 20 ปี จากนั้นเขาเลือกทำแต่สิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง ทำมันซ้ำ ๆ ทุกวัน ตัดแทบทุกสิ่งเร้าที่อาจจะทำให้เส้นทางสั่นคลอนออกไป จนมันกลายเป็นเป็นการตั้งหลักที่ปักฐานอย่างแน่นอน ไม่สามารถมีอะไรมาสั่นคลอนได้แนวทางของเขาได้ 

สำหรับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในช่วงเริ่มต้นอาชีพจนถึงการคว้าบัลลงดอร์สมัยแรกกับ แมนฯ ยูไนเต็ด นั้น มันคือการใช้ทั้งคำว่า "แพชชั่น" และ "วินัย" แบบคู่กันไป แพชชั่น คือการจุดไฟในช่วงเริ่มต้นและตั้งเป้าหมายแบบที่อยากจะเป็น ซึ่งสิ่งนี้หลายคนมี ไม่ใช่แค่เขา 

แต่สิ่งที่แตกต่างสำหรับโรนัลโด้ที่น้อยคนจะทำได้ นั่นคือ "วินัย" เพราะมันคือการทำอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะอยากหรือไม่อยาก มันคือ "การบังคับตัวเองให้ทำ" มันคือการก้าวเท้าที่ต่อเนื่อง แม้เหนื่อยแค่ไหนก็ยังบอกตัวเองว่า "ฉันต้องไปข้างหน้าต่อ" ... ซึ่งสิ่งนี้เอง ทำให้เขาที่ประสบความสำเร็จทุกอย่าง กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในช่วงเริ่มอาชีพ ยังคงเดินหาความยิ่งใหญ่ที่เหนือกว่านั้น และเป็นเหตุผลที่ เรอัล มาดริด คว้าตัวเขาไปร่วมทีมด้วยราคาสถิติโลกในเวลานั้นที่ 80 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2009

 

ท้าพิสูจน์ตัวเองด้วยเป้าหมายที่สูงขึ้น

หากจะมีอะไรที่ใหญ่กว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ โรนัลโด้ พอจะเลือกได้หลังจากนั้น ก็คงจะมีแค่ เรอัล มาดริด สโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกเท่านั้น และความท้าทายนี้ เรียกร้องให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มาหาความหมายของการเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลด้วยตัวเองที่นี่ 

ว่ากันว่านี่คือทีมที่แฟนบอลกดดันนักเตะมากที่สุด ความพ่ายแพ้เป็นสิ่งที่ยากจะยอมรับ ขณะที่นักเตะทุกคนในทีมจะต้องแข่งกันเก่ง ต้องแย่งกันขึ้นมาเป็นหัวแถวให้ได้ เพราะถ้าคุณไม่ดีพอที่จะเป็น "เดอะ เบสต์" ในตำแหน่งนั้น ๆ ไม่นานนักพวกเขาจะซื้อคนที่เก่งกว่าคุณเข้ามาแทนที่อย่างแน่นอน 

ความท้าทายที่ เรอัล มาดริด นี้ พา โรนัลโด้ ไปสู่อีกระดับ เพราะในสีเสื้อ เรอัล มาดริด โรนัลโด้ไม่ใช่แค่ซูเปอร์สตาร์ แต่เขาคือ “หัวใจ” ของทีม ความกดดันมหาศาลจากการเล่นให้สโมสรที่ใหญ่ที่สุดในโลก ไม่ได้ทำให้เขาถดถอย ตรงกันข้าม กลับทำให้เขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม

โชเซ่ มูรินโญ่ เคยพูดถึง CR7 ในเวลานั้นว่า "โรนัลโด้คือมืออาชีพที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ผมเคยร่วมงานด้วย เขาไม่เคยพอใจในสิ่งที่ทำได้แล้ว แต่จะมองหาวิธีทำให้ดียิ่งขึ้นเสมอ" ซึ่งมันสะท้อนไปถึงตัวตนของเขาว่า ในขณะที่คนอื่นบอกว่าเขาเก่งที่สุด แม้กับ เรอัล มาดริด ก็ไม่มีอะไรต้องพิสูจน์แล้ว ทว่า โรนัลโด้ ยังขยับมาตรฐานตัวเองต่อไป เขายิงประตูมากขึ้นเรื่อย ๆ ประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละปี ทั้งในแง่รางวัลส่วนตัวหรือทีม 

สิ่งที่ยืนยันเรื่องนี้ได้ดีก็คือในเกมระดับ "เพชรยอดมงกุฎ" อย่างเกมนัดชี้เป็นชี้ตายใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และบิ๊กแมตช์ต่าง ๆ โรนัลโด้ จะปรากฏตัวเสมอ และแน่นอนว่าจนถึงตอนนี้ เขาเป็นเจ้าของสถิติยิงประตูในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก สูงสุดอยู่ที่ 140 ประตู พร้อมกับแชมป์รายการนี้อีก 5 สมัย 

ความสามารถในการสร้างความแตกต่างในเกมใหญ่ขนาดนี้ได้บ่อย ๆ แบบที่เขาทำ มีนักเตะเพียงหยิบมือในประวัติศาสตร์โลกฟุตบอลที่ทำได้  

หากเปรียบกับชีวิตการทำงานของคนธรรมดาอย่างเรา ๆ กับช่วงอาชีพของ โรนัลโด้ ในช่วงที่พีกที่สุดกับ เรอัล มาดริด ก็คงจะเหมือนกับการเติบโตโดยสมบูรณ์ทั้งคุณวุฒิ และวัยวุฒิ จนคุณได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบในงานที่ยากและกดดันที่สุด เป็นงานที่มีแค่ไม่กี่คนบนโลกนี้ที่เหมาะสำหรับงานนี้ โดยที่ไม่มีการการันตีเลยว่าต่อให้เลือกคนเก่งเข้ามา ก็ใช่ว่าจะทำงานนี้ให้สำเร็จได้ทุกคน แต่ โรนัลโด้ ยังผ่านมันมาได้ด้วยทัศนคติ วินัย และการเสียสละตัวเอง 

สโมสรฟุตบอลอันดับ 1 ของโลกอย่าง เรอัล มาดริด มองหานักเตะแบบนี้มาตลอดในทุกตลาดซื้อขาย ทุกยุค ทุกสมัย พวกเขาทำลายสถิติโลกไปก็หลายครั้ง เพื่อที่จะได้ใครสักคนมาทำแบบที่ โรนัลโด้ ทำ ซึ่งคุณก็น่าจะได้เห็นว่านักเตะระดับโลกหลายคนเอาชื่อมาทิ้งที่นี่ แต่ไม่ใช่กับ โรนัลโด้ ที่ไม่ได้แค่ทำงานยากจนสำเร็จเท่านั้น แต่ยังทำมันออกมาได้เฉียบขาดไร้ที่ติ สมราคาหมายเลข 1 อย่างแท้จริง 

 

ท้าทายตัวเองเสมอจนวันสุดท้าย (ของอาชีพ) 

ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเขากับ เรอัล มาดริด ผ่านไป และไม่มีนักเตะคนไหนในโลกที่หลีกหนีพ้นสัจธรรม "เก่าไป-ใหม่มา" "คลื่นลูกใหม่ไล่หลังคลื่นลูกเก่า" ไม่นานนักหลังจากเป็นศูนย์กลางของสโมสร เรอัล มาดริด โรนัลโด้ ก็ได้ย้ายไปอยู่กับ ยูเวนตุส, แมนฯ ยูไนเต็ด และ อัล นาสเซอร์  

ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เริ่มนับตั้งแต่อายุ 32 ปี ... ถ้าเป็นนักบอลยุคปัจจุบันคงไม่ใช่เรื่องแปลกมากที่ยังเล่นในระดับสูงได้ แต่นักฟุตบอลในยุค โรนัลโด้ กำลังพีก ๆ หรือยุคที่เก่ากว่านั้น เมื่อถึงช่วงหลังเข้าอายุ 30 มาตรฐานก็ตกลงกันเป็นส่วนใหญ่แล้ว เพียงแต่ โรนัลโด้ ยังคงเป็นข้อยกเว้นเหมือนเช่นเดิม 

มันคงไม่ผิดนักหากเราจะบอกว่า เขาคือต้นแบบของนักเตะที่สามารถยืนระยะได้ยาวนาน จากการใส่ใจและดูแลสุขภาพตัวเองจนสามารถยืดอาชีพการเป็นนักเตะได้ยาวนาน แถมยังเป็นความยาวนานที่มีคุณภาพ แม้กราฟอาชีพของเขาจะเริ่มหัวตกไปบ้าง แต่ถ้าเอากราฟของเขาไปวัดกับกราฟของคนอื่น มันก็ยังเป็นมาตรฐานที่สูงกว่ามาก ๆ อยู่ดี นั่นคือมาตรฐานที่ไปอยู่ที่ไหนก็สามารถทำผลงานส่วนตัวได้ดี และยังเป็นคนจุดประกายนำทัศนคติของผู้ชนะมาให้ผู้เล่นคนอื่น ๆ รอบตัวได้อีก 

"สิ่งที่โรนัลโด้นำมาสู่ยูเวนตุสไม่ใช่แค่ประตู แต่คือจิตใจนักสู้ เขาทำให้ทั้งทีมยกระดับขึ้น" นี่คือคำยืนยันจาก เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ ตอนที่ทั้งคู่เล่นด้วยกันที่ ยูเวนตุส 

แม้กระทั่งกับสโมสรสุดท้ายในยุโรปของ โรนัลโด้ ในวัย 36 ปี อย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด เขาก็ยังคงเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในทีมที่สุด ณ เวลานั้น ความเร็ว ความปราดเปรียว ของเขาลดลงไปเยอะก็จริง แต่ โรนัลโด้ ก็ยิงยิงประตูตูมตาม ฝากความหวังได้เสมอไม่เปลี่ยนแปลง 

สิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่แค่การดูแลร่างกายตัวเองอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันเป็นการปรับความคิด เปลี่ยนแปลงวิธีเล่น เลือกวิธีที่เหมาะกับตัวเองที่สุด และจะทำให้ทีมได้ประโยชน์ที่สุด ซึ่งความเจนจัดของ โรนัลโด้ ที่สร้างมาแน่นตั้งแต่พื้นฐาน มันทำให้เขาสามารถพลิกแพลงวิธีการเล่นได้มากมาย 

ในช่วงท้ายอาชีพ โรนัลโด้ เปลี่ยนวิธีการเล่นเพื่อยืนระยะ เขาลดการเลี้ยงบอลริมเส้นและการดวล 1 ต่อ 1 ที่เคยเป็นจุดเด่นในวัยหนุ่ม หันมาโฟกัสกับการหาพื้นที่ในกรอบเขตโทษ การจบสกอร์แบบเฉียบคม และการโหม่งที่ทรงพลัง กลายเป็นกองหน้าตัวเป้าชั้นยอด ชนิดที่ว่าแม้ ณ ตอนนี้เขาอายุ 40 ปี เล่นให้กับสโมสรในซาอุดีอาระเบีย อย่าง อัล นาสเซอร์ แต่ถ้าวัดกันเรื่องจบสกอร์เพียว ๆ เชื่อเหลือเกินว่ามีนักเตะยุคใหม่ ๆ ไม่กี่คนที่จะคมได้ทุกจังหวะแบบเขา 

ถ้าถามว่าทำไมการปรับเปลี่ยนวิธีการและการยืนระยะจึงสำคัญกับอาชีพของ โรนัลโด้ นัก เหตุผลก็คือเพราะเขายังไม่มีความคิดในหัวเลยว่าจะหยุดเล่นฟุตบอล ดังนั้นเขาต้องเลือกในสิ่งที่ทำให้ตัวเองยังคงมีคุณค่ากับทีมมากที่สุด และเหนือสิ่งอื่นใดคือเมื่อเขาประสบความสำเร็จมากมาย แต่เพื่อที่จะยังค้าแข้งต่อไป เขาจำเป็นที่จะต้องหาแชลเลนจ์ต่าง ๆ ขึ้นมาท้าทายตัวเองเสมอ ทำให้เขายังคงกระหายเหมือนกับวัยหนุ่ม แม้ด้วยวัยของเขาสำหรับอาชีพนักฟุตบอลหลายคนถือว่าอยู่ในวัยเกษียณแล้วก็ตาม 

การเปลี่ยนแปลงสไตล์เพื่อยืนระยะทำให้เขาเจอตรงกลางระหว่างการหาจุดแข็งให้ตัวเอง กับการหาความท้าทายให้อาชีพ ณ ตอนนี้เขาเป็นนักเตะที่ทำประตูในอาชีพค้าแข้งได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์โลกฟุตบอล เหลือเพียงอีก 57 ประตูเท่านั้น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จะยิงประตูครบ 1,000 ลูกในเกมทางการ และเป็นคนแรกของมนุษยชาติที่ทำได้

เชื่อเหลือเกินว่าเขาไม่มีวันเลิกจนกว่าจะไปถึงจุดนั้น และคงไม่มีใครคนไหนบนโลกรู้ดีไปกว่าเขา ว่าจะต้องทำอะไรบ้างเพื่อไปให้ถึงจุดนั้น จุดสูงสุดที่เขาแหงนหน้ามองตั้งแต่เริ่มเล่นฟุตบอล 

การที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยืนระยะได้จนถึงวัย 40 ปี และน่าจะต่อไปอีกพักใหญ่ คงไม่ใช่เพราะโชคช่วย แต่เพราะเขาเริ่มต้นด้วยความทะเยอทะยาน พิสูจน์ตัวเองในแรงกดดันมหาศาล และปรับตัวตามวัยอย่างชาญฉลาด เขาคือภาพสะท้อนของนักเตะที่ไม่ได้พึ่งพาพรสวรรค์เท่านั้น แต่ยังสร้างตำนานด้วยวินัย ความรับผิดชอบ และความมุ่งมั่นที่ไม่เคยสิ้นสุด ... เขาก้าวข้ามคำว่า "ยอดนักกีฬา" สู่คำว่า "ยอดคน" ได้อย่างสมบูรณ์แบบ 

 

แหล่งอ้างอิง

https://youtu.be/wZ90vPpLoAQ?si=U93OlRHw58JxOjii
https://www.olympics.com/en/news/cristiano-ronaldo-40-years-old-football-goals
https://www.menshealth.com/uk/fitness/a64860523/cristiano-ronaldo-biological-age/

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ