2 เกมยาก ๆ กับ นิวคาสเซิล และ อาร์เซน่อล ที่ทีมไร้แบ็กขวาอาชีพ แต่ก็ได้ 6 แต้มเต็ม ๆ และคนที่มีบทบาทสำคัญคือแบ็กเฉพาะกิจอย่าง โดมินิค โซโบสไล
เขาไม่เคยเล่นตรงมาก่อน และเป็นนักเตะเกมรุกโดยธรรมชาติ ใคร ๆ ก็มองว่าถอยมาเล่นตรงนี้ หงส์แดง มีปัญหาแน่
เพียงแต่ว่าเมื่อลงสนามจริงทุกอย่างกลับกลายเป็นอีกเรื่อง ความเข้าใจจนได้ฟอร์มเยี่ยมของ โซโบสไล เกิดขึ้นได้อย่างไร ?
ติดตามกับ Main Stand
แบ็กที่ดีมีอะไรบ้าง ?
"แบ็กเป็นตำแหน่งที่เล่นง่ายที่สุด คุณจะสังเกตได้ว่านักเตะหลายคนเริ่มจากตำแหน่งนี้" นี่คือคำที่ "เม้ง ซัมเมอร์ฮิลล์" หรือ ชุมพตน์ ทรงสายสกุล แห่ง Footballista X พูดอยู่ประจำ และความจริงก็คงไม่หนีไปจากนั้นมากนัก
นี่คือตำแหน่งที่ยอดนักเตะหลายคนเริ่มเล่นจากตรงนี้จริง ๆ เซร์คิโอ รามอส, แกเร็ธ เบล, ฟิลิปป์ ลาห์ม, ดาวิด อลาบา หรือ โยชัว คิมมิช คือตัวอย่างของสมมติฐานนี้ได้เป็นอย่างดี
อันที่จริงคำว่า "แบ็กเล่นง่ายที่สุด" อาจจะไม่ใช่ความจริง 100% บางคนบอกว่าจริง บางคนก็บอกว่าไม่ ... เพียงแต่เค้าโครงของคำกล่าวนี้เกิดขึ้นจากในฟุตบอลยุคเก่า ๆ ฟูลแบ็ก มักถูกใช้เป็น “ตำแหน่งตั้งต้น” ของนักเตะที่ยังไม่เจอบทบาทที่ใช่ในตอนเด็กหรือช่วงพัฒนา ฟูลแบ็กถูกมองว่าเป็น “ตำแหน่งสำรอง” ของพวกที่ไม่เก่งพอจะเล่นปีกหรือเซ็นเตอร์
เหตุผลเพราะหน้าที่หลัก ๆ ของฟูลแบ็กคือการป้องกันปีกฝั่งตรงข้ามเป็นหลักเพื่อปิดเกมรุก และทำให้ทีมกดดันน้อยที่สุด พื้นที่รับผิดชอบของพวกเขาจะเป็นเส้นตรงแบบ 180 องศา พูดง่าย ก็คือพวกเขาเปิดทางให้คู่แข่งเข้ามารุมกดดันได้แค่ 3 ด้าน คือ หน้า-หลัง-และด้านข้างด้านเดียวเท่านั้น (อีกข้างหนึ่งติดเส้นข้างสนาม) ต่างจากผู้เล่นเอาท์ฟิลด์ตำแหน่งอื่น ๆ ที่โดนล้มหน้าล้อมหลังแบบ 360 องศา
ส่วนเรื่องของเกมรุกนั้นแม้แบ็กจะมีความสำคัญในการเติมขึ้นมาเปิดบอลจากด้านข้าง หรือการทำงานร่วมกับปีกด้วยการโอเวอร์แลป(วิ่งอ้อมหลังไปรับบอลในที่ว่าง) แต่ก็ต้องบอกว่าพวกเขาเป็นกำลังเสริมในเกมรุก มากกว่าหัวใจหลักหากเทียบกับปีกหรือเพลย์เมคเกอร์ของทีม
แกรี่ เนวิลล์ แบ็กขวาที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเยอะที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ เคยยืนยันเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยการให้สัมภาษณ์ว่า "ตอนเด็ก ๆ ถ้าคุณไม่ดีพอจะเล่นปีกหรือกองกลาง คุณจะถูกส่งไปยืนแบ็กขวาเสมอ”
อย่างไรก็ตามคำว่า "เล่นง่ายที่สุด" ไม่ได้แปลว่ามันง่ายสำหรับทุกคน ในฟุตบอลระดับโลก ทุกตำแหน่งต้องทำหน้าที่ตัวเองให้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และแบ็กก็มีคุณสมบัติมากมายแบบที่บางคนไมสามารถตอบโจทย์ได้หมดทุกข้อ
คุณสมบัติประการแรก คือการวิ่งขึ้น-ลง ตลอดทั้งเกม ทำให้ต้องใช้ความอึดเยอะมาก แบ็กแทบจะเป็นตำแหน่งที่วิ่งเยอะที่สุดในสนาม คุณสมบัติที่สอง คือคุณต้องมีสมาธิตลอดเวลา รู้ว่าจังหวะไหนควรขึ้น จังหวะไหนควรลง เพราะพริบตาเดียวที่คุณ "เผลอ" ก็จะเปิดพื้นที่ให้ฝั่งตรงข้ามโจมตีทันที ซึ่งปีกสมัยนี้เร็วยิ่งกว่านรก นึกสภาพว่ามีแบ็กคนหนึ่งที่ขาดสมาธิ และความเข้าใจเกม แต่ต้องมาดวลกับปีกอย่าง วินิซิอุส จูเนียร์ หรือ โม ซาลาห์ ... พวกเขาจะถูก 2 คนนี้ฉีกเละเทะแค่ไหน
และที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย คือคุณสมบัติข้อที่สาม นั่นคือการเข้าใจจังหวะของเกมและระบบของทีม แบ็กที่ดีจะต้องเติมให้ถูกจังหวะ วิ่งเข้าตำแหน่งตอนเล่นเกมรุกด้วยไทมิ่งที่เป๊ะ รวมถึงสายตาต้องสอดส่องตลอดว่าเพื่อนร่วมทีมคนไหนว่าง ควรส่งบอลให้คนไหนจึงจะทำให้ทีมได้ประโยชน์ในการเล่นเกมรุกที่สุด
ดังนั้นในความ "เล่นง่ายที่สุด" กลับแฝงด้วยรายละเอียดต่าง ๆ มากมายในฟุตบอลสมัยใหม่ ... แต่คุณอาจจะไม่จำเป็นต้องมีคุณสมบัติทุกข้อนี้ คุณก็สามารถรับผิดชอบการเล่นตำแหน่งแบ็กที่ดีได้เหมือนกัน เหมือนกับที่ โดมินิค โซโบสไล รับหน้าที่ยืนให้ ลิเวอร์พูล ระหว่างที่แบ็กอย่างชีพอย่าง เจเรมี่ ฟริมปง และ คอเนอร์ แบรดลี่ย์ ไม่พร้อมลงเล่น
เพลย์เมคเกอร์สู่แบ็คขวา
ในฟุตบอลสมัยใหม่ แบ็กมีความสำคัญขึ้นไปอีกระดับ โดยเฉพาะทีมที่เล่นเกมบุกโดยธรรมชาติอย่าง ลิเวอร์พูล
วิธีการเล่นของลิเวอร์พูล เป็นทีมที่ส่งนักเตะขึ้นเล่นเกมรุกในแดนคู่แข่งแทบทั้งทีม ดังนั้นุทกคนแทบจะต้องมีความสามารถในการเปิดเกมรุกได้ด้วยตัวเอง ซึ่งในตำแหน่งแบ็กนี้ DNA ถูกปลูกฝังโดย เยอร์เก้น คล็อปป์ ที่บอกว่า “ฟูลแบ็กของผมคือเพลย์เมกเกอร์ที่วิ่งเยอะที่สุด” และเขาทำให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ กับ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน สามารถสร้างจังหวะเกมรุกได้มากมาย มีแอสซิสต์เป็นกอบเป็นกำในแต่ละปี
แม้ปัจจุบันจะเปลี่ยนกุนซือเป็น อาร์เน่อ ชล็อต แต่คุณสมบัติแบ็กของ ลิเวอร์พูล ยังไม่เปลี่ยนแปลง คำจำกัดความของ "ฟูลแบ็กคือเพลย์เมคเกอร์ที่วิ่งเยอะที่สุด" สะท้อนผ่านการเล่นใน 2 เกมล่าสุดที่ถือว่าเป็นบททดสอบระดับ "Hard Mode" (เจอ นิวคาสเซิล และ อาร์เซน่อล) ของ โดมินิค โซโบสไล ออกมาอย่างเห็นได้ชัด เพราะเขามีคุณสมบัติหลายข้อที่ตรงกับแบ็กในอุดมคติสำหรับ ลิเวอร์พูล
ประการแรก โซโบสไล เป็นนักเตะที่มีความฟิตและพลังงานสูงมาก ตอนที่เขาเล่นกองกลาง คุณจะพบว่าเขาเป็นเพลย์เมคเกอร์ที่เล่นคล้ายกับกองกลางตำแหน่ง บ็อกซ์-ทู-บ็อกซ์ นั่นคือมีการขึ้นลงช่วยเกมรับ-รุก ตลอดเวลา
ถึงเวลาที่ต้องไล่บอล เขาเพรสซิ่งได้อย่างดุดัน และถึงเวลาที่เพื่อนร่วมทีมโดนบีบจากฝั่งตรงข้าม "โซโบ" มักจะเป็นคนที่ปรากฏตัวบนพื้นที่ว่าง และช่วยให้การแก้เพรสซิ่งเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที เปลี่ยนรับเป็นรุกได้เสมอ ซึ่งความฟิตระดับนี้ ทำให้เขาฟิตพอที่จะเล่นฟูลแบ็กที่วิ่งเป็นเส้นตรง (ส่วนใหญ่) ได้แบบไม่มีปัญหา
ส่วนเรื่องสปีดนั้น แม้ โซโบ อาจจะไม่ได้เป็นนักเตะที่วิ่งเร็วจี๊ดเหมือนแบ็กธรรมชาติอย่าง ฟริมปง แต่ก็สามารถทดแทนด้วยความคล่อง การวางก้าวในการวิ่งที่ยาวมาก และเมื่อประกอบกับการดวลคู่แข่งแบบ 1-1 หันหน้าชนกัน มันช่วยให้เขาพอจะท้าดวลกับคู่แข่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ไม่ถึงกับปิดได้ 100% แต่ไม่ทำให้เกมรับของทีมต้องเสียขบวน
และด้วยการที่เขาเป็นเพลย์เมคเกอร์โดยธรรมชาติ สิ่งที่เขาเอามาใช้ในการเป็นแบ็กได้ก็คือการอ่านเกมและไหวพริบ ทำให้ โซโบ มีวิธีคิดแบบมิดฟิลด์ กาารอ่านจังหวะก่อน-หลัง ของเขาจึงทำได้ดี รู้ว่าจะจังหวะไหนควรชลอ จังไหนควรเร่ง จังหวะไหนควรตัด ซึ่งการอ่านเกมนี่แหละที่ช่วยให้ โซโบ ทำหน้าที่แบ็กดีจนได้คำชมสารพัดจากเพื่อนร่วมทีมอย่าง เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ และกุนซือของทีมอย่าง ชล็อต
การเป็นกองกลางไม่ได้ช่วยแค่การอ่านเกมดีเท่านั้น แต่มันยังช่วยให้มิติเกมรุกของทีมเพิ่มขึ้นด้วย โซโบ เป็นนักเตะที่ครองบอลภายใต้ความกดดันดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นเวลาโดนเพรสริมเส้น เขาใช้สกิลการพลิกบอล - พาบอลหนีเหมือนมิดฟิลด์ ไม่เสียบอลง่าย ๆ
ไม่ใช่แค่พาหนีเท่านั้น เพราะถ้าเขาหนีตัวประกบได้เมื่อไหร่ วิสัยทัศน์และการจ่ายบอลทะลุช่องแบบกองกลาง จะช่วยให้เขาเลือกเปิดบอลไปยังแดนกลางหรือสลับออกฝั่งตรงข้ามได้แม่นยำกว่าฟูลแบ็กสายธรรมชาติบางคนแน่นอนในจุดนี้ ... ยิ่งบางจังหวะต้องเข้ามาเล่นตัวกลางเป็นอินเวิร์ตฟูลแบ็ก มันยิ่งเป็นงานถนัดของเขาเลย
และท้ายที่สุด คือสิ่งที่เราได้เห็นในเกมกับ อาร์เซน่อล ที่เขายิงประตูชัยให้ ลิเวอร์พูล ชนะ 1-0 จากลูกฟรีคิกท้ายเกม สิ่งนี้คือความมั่นใจในการยิงไกล ไม่ใช่แค่จังหวะฟรีคิกเท่านั้น แม้กระทั่งในการเล่นแบบโอเพ่นเพลย์ เขาก็สอดขึ้นมายิงจากแถวสองได้ ซึ่งเพิ่มมิติให้ทีมมากกว่าฟูลแบ็กธรรมดาที่มักเน้นแต่เปิดบอลด้วย
ตัวตนและความสามารถของเขา สามารถเล่นมิดฟิลด์ที่คู่แข่งล้อมรอบ 360 องศาได้สบาย ๆ มาแล้ว ดังนั้งการเล่นแบ็กได้ดี จึงไม่ใช่อะไรที่เซอร์ไพรส์มากมายขนาดนั้น
เพียงแต่ว่าเรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับเขาแค่คนเดียวเท่านั้น ที่ทำให้หน้าที่ฟูลแบ็กเฉพาะกิจของเขาออกมาได้สมบูรณ์แบบ เรื่องนี้ต้องยอมรับว่าองค์ประกอบรอบข้างช่วยผลักดันเขาไม่น้อยเลยทีเดียว
ระบบได้ ใครก็เกิด
ไม่ใช่ครั้งแรกที่นักเตะลิเวอร์พูลในช่วงยุค 4-5 ปีหลังลงเล่นในตำแหน่งที่ไม่ถนัด เจมส์ มิลเนอร์ เคยโดนจับเล่นแบ็ก, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ ฟาบินโญ่ ถูกส่งลงมาเป็นเซ็นเตอร์แบ็ก หลุยซ์ ดิอาซ และ ซาดิโอ มาเน่ เคยถูกส่งลงมาเป็นศูนย์หน้า ... แม้จะไม่ใช่ตำแหน่งถนัด และไม่ได้ดีระดับเพอร์เฟ็กต์ แต่พวกเขาก็หาจุดติแทบไม่เจอเมื่อกันเมื่อต้องมาปรับบทบาทเหล่านี้
เรื่องของ โซโบสไล ในตอนนี้ก็เช่นกัน ... ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่มีระบบการเล่นชัดเจนมาแต่ไหนแต่ไร ฟุตบอลเกมบุกของพวกเขาทำให้แบ็กเล่นเกมรุกมากกว่ารับ และอย่างที่กล่าวไปในข้างต้น แบ็กคือเพลย์เมคเกอร์สำหรับหงส์แดง มันทำให้เขาไม่ต้องรับผิดชอบอะไรที่มากเกินไป หรือฝืนทำในสิ่งที่เขาอาจจะไม่ถนัดจนเกมโดยรวมเสีย
และถึงแม้พวกเขาจะเป็นทีมเล่นเกมรุกเป็นหลัก แต่ในจังหวะเกมรับ ลิเวอร์พูล ก็เป็นทีมที่ช่วยกันเล่นทั้งทีม การไล่บอลเกิดขึ้นจากนักเตะทั้ง 11 คนด้วยระบบเพรสซิ่งที่เข้มข้น ซึ่งระบบเเพรสซิ่งนี้เองช่วยลดภาระการดวล 1-1 ในเกมรับได้ดีมาก และฟูลแบ็กไม่ต้องเผชิญหน้ากับปีกคู่แข่งบ่อยเหมือนกับทีมที่ตั้งรับลึก หรือเสียบอลง่าย เสียแล้วไม่ไล่ หรือไล่แล้วก็ไล่ไม่จน
ที่ต้องชมอีกคนก็คือ อาร์เน่อ ชล็อต กุนซือของทีม ที่รู้ว่าจุดแข็ง-จุดอ่อนของ โซโบ คืออะไร เขารู้ว่านี่ไม่ใช่แบ็กอาชีพ และในเกมกับ นิวคาสเซิล และ อาร์เซน่อล เขาได้วางแท็คติกให้เซ็นเตอร์แบ็กฝั่งขวา อิบู โกนาเต้ คอยช่วยขยับมาคุมพื้นที่ฝั่งขวาให้มากขึ้น เพื่อคอยซ้อน คอยช่วย โซโบ ที่ความเข้าใจและธรรมชาติในการเล่นเกมรับมีไม่มากได้ ช่วยปิดจุดอ่อนข้อนี้ได้ดี จนทำให้ โซโบ เล่นได้เนียนยิ่งกว่าแบ็กธรรมชาติบางคนด้วยซ้ำ
“ผมไม่คิดว่าเขาเปลี่ยนไปเลยในช่วงสองสามเกมที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับสิ่งที่เขาทำในฤดูกาลที่แล้ว เขาเข้าใจว่านักเตะลิเวอร์พูลควรมีลักษณะอย่างไร หากคุณสวมเสื้อตัวนี้ คุณควรทุ่มเทอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเล่นตำแหน่งไหน ในฐานะกองกลาง เขามักจะเป็นคนแรกที่วิ่งตามและเพรสซิ่งสูงเสมอ วันนี้ ผมไม่คิดว่าเขาทำอะไรผิดเลย"
“มันเป็นเกมที่น่าเหลือเชื่อสำหรับเขาในตำแหน่งที่เขาน่าจะเล่นแค่สองหรือสามครั้งในชีวิต มันบอกอะไรได้หลายอย่างเกี่ยวกับสภาพจิตใจของเขา เขาเล่นได้ดีมาก เหมือนกับที่เขาเล่นได้ดีมาหลายครั้งให้กับเราในฐานะกองกลางตัวรุก” อาร์เน่อ ชล็อต ชมเขาหลังเกมกับ นิวคาสเซิล
และท้ายที่สุดคนที่จะพูดถึงไม่พูดถึงไม่ได้เลยนั่นคือ ฟาน ไดค์ นักเตะในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็กและกัปตันทีม ผู้ที่เมื่อลงสนามเมื่อไหร่ ผู้เล่นแนวรับรอบตัวของเขาจะทำผลงานได้ดี เจองานที่ง่ายขึ้นในแทบทุกครั้ง
ความนิ่งของ ฟาน ไดค์ คงไม่ต้องพูดกัน เขาเอาตัวเองรอดสบาย ๆ แต่สิ่งที่ ฟาน ไดค์ เป็นระดับโลกคือการเป็นผู้บัญชาการในแนวรับที่แข็งแกร่ง เป็นเสาหลักที่ค้ำให้ทุกคนพึ่งพาได้อย่างยอดเยี่ยม
ฟาน ไดค์ ขึ้นชื่อเรื่องการตะโกนสั่งการเพื่อนเพื่อจัดระเบียบเกมรับ เขาทำแบบนี้กับ เทรนท์ สมัยที่เล่นด้วยกัน และไม่ต่างอะไรกับตอนที่ โซโบ เล่นในตำแหน่งฟูลแบ็ก จังหวะไหนควรหุบเข้ามาช่วยตรงกลาง จังหวะไหนควรยืดแนวรับออกไปเพื่อคุมพื้นที่ และจังหวะไหนควรเดินหน้าไล่ล่าฟุตบอล ฟาน ไดค์ กำกับให้ทุกคนหายใจเป็นจังหวะเดียวกัน และเมื่อวิ่งพร้อมกัน ก็สามารถจัดการคู่แข่งได้ง่ายขึ้นด้วยการใบ้ความเป็นทีม
“มันอาจจะไม่ใช่ตำแหน่งที่เขาชอบ แต่สองเกมที่ผ่านมา เขาก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาเล่นตำแหน่งนั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ” ฟาน ไดค์ กล่าวชม โซโบสไล ในเกมล่าสุด
การมีฟาน ไดค์ ทำให้ โซโบ เล่นได้อย่างมั่นใจในเกมรับ ... และอาจจะร่วมถึงเกมรุกที่เขายิงประตูจากฟรีคิกด้วย เพราะลูกนั้น ฟาน ไดค์ ก็เป็นคนให้ความมั่นใจกับเขาเช่นกัน
“ผมอยู่ข้าง ๆ และพยายามบอกให้เขา (โซโบสไล) เลือกเล่นบอลไปที่เสาไกล แต่เขาตั้งใจแน่วแน่ว่าจะยิง ผมเลยบอกเขาไปว่า ‘ถ้ามั่นใจแล้วลุยเลย’ ... และผมดีใจที่เขาทำแบบนั้น !”
ถ้าจะบอกว่าทำไม โซโบสไล จึงเล่นแบ็กดีมาก ๆ ทั้งที่ไม่เคยเล่นมาก่อน ก็ต้องบอกว่าคุณสมบัติของเขา ทั้งเรื่องความฟิต ความเข้าใจเกม และการเอาตัวรอดในการครองบอล ช่วยให้การเล่นตำแหน่งใหม่ไม่ยากจนเกินไป
และสิ่งเหล่านี้ถูกเสริมเข้าไปอีกด้วยสภาพแวดล้อมที่พร้อมจะทำให้งานของเขาง่ายขึ้นไปอีก มันจึงทำให้จากที่หลายคนมองว่าการขาดแบ็กอาชีพควรจะเป็นจุดอ่อน กลับกลายเป็นตรงกันข้าม
นี่คือพลังของระบบทีม และการเลือกนักเตะที่มีคุณสมบัติที่ดีเข้ามาเป็นส่วนประกอบด้านต่าง ๆ ของทีม ... เพราะทุกครั้งที่เกิดปัญหา พวกเขาจะมีความสามารถพอในการรับผิดชอบ และร่วมกันแก้ปัญหานั้น เหมือนกับที่ลิเวอร์พูล ติดปีกชนะ 3 เกมรวด แม้พวกเขาจะไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับปี 2024 ด้วยซ้ำ
แหล่งอ้างอิง
https://www.nytimes.com/athletic/6587729/2025/09/01/dominik-szoboszlai-has-proved-an-extraordinary-emergency-right-back-he-should-stay-there/
https://www.nytimes.com/athletic/6588031/2025/08/31/dominik-szoboszlai-free-kick-analysed/
https://www.skysports.com/football/news/11095/11706893/gary-neville-how-full-backs-have-evolved-over-time