มีไม่บ่อยครั้งที่สโมสรฟุตบอลระดับลีกรากหญ้า (Lower League) จะถูกหยิบยกสตอรี่และถอดคาแรกเตอร์มาเป็นแรงบันดาลใจให้กับภาพยนตร์ระดับฮอลลีวูด
และก่อนที่ กริมส์บี้ ทาวน์ จะอัด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ร่วงตกรอบคาราบาวคัพ จนทุกคนรู้จักชื่อทีมของพวกเขา และได้รับรู้ถึงบรรยากาศการเชียร์ของแฟนบอลใน บลันเดลล์ พาร์ค ชื่อทีมและชื่อเมือง ๆ นี้เคยถูกหยิบยกไปทำหนังมาแล้ว แถมยังเป็นที่รั่ว เกรียน และปั่นแบบสุดขีด
ถ้าคุณชอบฟุตบอลและได้ดูเรื่องนี้รับรองว่ามันต้องโดนเส้น ... แม้จะเป็นหนังแอ็กชั่นฟีลสายลับ แต่เนื้อหาและเสน่ห์เกี่ยวกับการเป็นแฟนบอลเดนตายนั้นเข้มข้นสุดขีด
และนี่คือสิ่งที่ ซาช่า บารอน โคเฮน นักแสดงนำของเรื่องถึงขั้นต้องเข้าไปเชียร์ทีม กริมส์บี้ ด้วยตัวเอง จนกระทั่งได้สตอรี่มาต่อยอดเป็นหนังเรื่อง The Brothers Grimsby
ติดตามที่ Main Stand
Grimsby Town
กริมส์บี้ ทาวน์ เป็นสโมสรประจำเมือง กริมส์บี้ ที่มีประวัติอย่างยาวนาน ทีม ๆ นี้ก่อตั้งเมื่อปี 1878 จนถึงตอนนี้มีอายุถึง 147 ปี ซึ่งมันช่างบังเอิญว่า ปีก่อตั้งของพวกเขาตรงกับทีมที่พวกเขาเพิ่งเขี่ยตกรอบอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด พอดีเป๊ะ
และถ้าใครได้ดูเกมคู่นี้ที่เพิ่งจบลงไป คุณจะได้เห็นบรรยากาศสุดเหวี่ยงของแฟนบอลที่นั่น ที่ส่งเสียงเชียร์ทีมดังมากตลอดทั้งเกม และฉากความคลั่งไคล้หลังดวลจุดโทษชนะที่แฟนบอลกรูกันลงไปเต็มสนาม แสดงให้เห็นถึงความหมายของฟุตบอลของแฟนบอลที่นั่น แม้จะเป็นบอลถ้วยเล็ก ๆ ที่ทีมอื่นจัดตัวสำรองลงเล่น และนี่ก็เพิ่งเป็นการเข้ารอบ 32 ทีมสุดท้ายเท่านั้น แต่ชัยชนะเกมนี้ก็มีความหมายกับพวกเขาแบบสุด ๆ
แพชชั่นของทีม ๆ นี้นี่แหละ ที่ดึงดูดให้ ซาช่า บารอน โคเฮน นักแสดงชาวอังกฤษระดับฮอลลีวูดชื่อดังที่มีชื่อเสียงจากหนังตลกเบาสมอง ออกแนวรั่วสุดขีด อาทิ The Dictator (แสดงเป็น นายพลอลาดีน) หรือ Borat (แสดงเป็น โบแรต) ต้องการจะถ่ายทอดเสน่ห์ของกองเชียร์ฟุตบอลอังกฤษ รวมถึงอีกหลายเรื่อง ๆ จนออกตามล่าสตอรี่ เข้ามาศึกษาวัฒนธรรมการเชียร์และวิถีชีวิตของสโมสรนี้ด้วยตัวเอง เพราะเขาต้องการจะเขียนบทหนังสักเรื่องที่โยกเอาแฟนบอลจากลีกรากหญ้า มาผูกกับหนังแอ็กชั่นฟีลสายลับ
และท้ายที่สุด เขาก็เจอกับสโมสรตรงตามที่เขามองหาทุกอย่าง นั่นคือก่อตั้งมายาวนาน มีความสำเร็จในอดีต ปัจจุบันเป็นทีมที่ขึ้น ๆ ลง ๆ ระหว่างลีกทู กับนอกลีก และที่สำคัญคือต่อให้สโมสรจะฟอร์มแย่ขนาดไหน แต่แฟนบอลของพวกเขาจะมาดูกันเต็มสนาม แม้จะต้องจบด้วยความพ่ายแพ้จนพวกเขาต้องออกหาที่เมากันต่อเพื่อระบายความคับข้องใจของผลการแข่งขันที่อยู่มาหลายปีก็ไม่ค่อยจะมีทิศทางที่ดีขึ้นเลย
ทีม ๆ นั้นคือ กริมส์บี้ ทาวน์ ที่เขาพยายามทำรีเสิร์ชข้อมูลด้วยตัวเอง เช่น การเข้าไปชมเกมการแข่งขันในรังเหย้าของทีม โดยในปี 2013 มีคนพบเห็นเขาเข้าไปดูเกมระหว่าง กริมส์บี้ ทาวน์ กับ เคมบริดจ์ ยูไนเต็ด โดยที่เขาใส่ชุดแข่งและหมวกของทีม และหลังเกมเขาได้เข้าไปพูดคุยและดื่มกินกับแฟนบอลหลาย ๆ กลุ่มอย่างเป็นกันเอง
และหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ลงมือเขียนบทภาพยนตร์ขึ้นมาเป็นเรื่อง The Brothers Grimsby (บางประเทศใช้ชื่อเรื่องเพียง Grimsby) ที่ออกฉายในปี 2016 ... และเรื่องราวต่าง ๆ ก็ตามมาเมื่อหนังเรื่องนี้ออกสู่สายตาสาธารณชน
หนังดี (?)... แล้วแต่คนชอบ
ซาช่า บารอน โคเฮน ให้เกียรติทีม กริมส์บี้ ด้วยการเอาชื่อเมืองไปตั้งเป็นชื่อหนัง โดยตัวละครเอกอย่าง "น็อบบี้ บุชเชอร์" ซึ่งแสดงโดยเขาเอง เป็นชาวเมืองกริมส์บี้ ที่เกิด โต เชียร์ทีม กริมส์บี้ ทาวน์ และเลือกเส้นทางฮูลิแกนเต็มระบบ เรียกได้ว่าข้ามเส้นของคำว่าเชียร์ฟุตบอลไปแล้ว แต่ กริมส์บี้ คือสังคมเดียวที่เขามี ใช้ชีวิตแบบสุดเหวี่ยง กิน ดื่ม เที่ยว และไล่กระทืบแฟนบอลฝั่งตรงข้ามที่ทำตัวไม่ถูกใจจิ๊กโก๋
การดีไซน์ตัวละคร น็อบบี้ นั้นได้ถอดเอาภาพจำลองของแฟนบอล Working-class (ชนชั้นแรงงาน) อังกฤษ ที่เขาตั้งใจนำเสนอ คาแรกเตอร์น็อบบี้ถูกออกแบบให้สะท้อนแฟนบอลที่คลั่งไคล้บอลแบบบ้าน ๆ แถมยังไว้ทรงผมและแต่งตัวล้อเลียนกับ เลียม กัลลาเกอร์ ฟรอนต์แมนแห่งวง OASIS ซึ่งกลายเป็นภาพจำของตัวละคร น็อบบี้ ไปโดยปริยาย
ไลฟ์สไตล์ของ น็อบบี้ และแฟนบอลกลุ่มเดียวกับเขาก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการกินเหล้าหนักทุกวัน, ใช้ชีวิตมั่ว ๆ ติดฟุตบอล, สะท้อนภาพ Stereotype ของ “แฟนบอลขี้เมา” ที่ถูกเขียนบทและเติมสีสันให้เกินจริง ผ่านการนำเสนอแบบตลกร้ายด้วยมุกที่หยาบคาย, สกปรก, พัวพันเรื่องชกต่อย และปัญหาสังคม
ยกตัวอย่างฉากที่แสดงความมั่วซั่วของ น็อบบี้ เพื่อโยงเข้ากับ "เซบาสเตียน" (แสดงโดย มาร์ค สตรอง ที่หลายคนจำได้จากบท เมอร์ลิน ใน Kingsman สองภาคแรก) น้องชายของเขาที่พลัดพรากจากกันไปนานถึง 28 ปี โดยในเวลาต่อมา น้องชายเติบโตเป็นสายลับ (พร้อมเปลี่ยนนามสกุล) ได้รับคำสั่งสั่งให้ปลิดชีพ พาเวล ลูคาเชนโก ผู้ก่อการร้ายที่ปลอมตัวเป็นตากล้องในงานการกุศลเกี่ยวกับโรคเอดส์ระดับโลกที่คนดังจากวงการต่าง ๆ ไปร่วมงานมากมาย
ขณะที่ เซบาสเตียน เล็งปืนไรเฟิลไปที่ ลูคาเชนโก น็อบบี้ ดันเกิดจำน้องชายได้พอดีเลยโผเข้ากระโดดกอดจากด้านหลัง จนทำให้ เซบาสเตียน ยิงพลาด จากที่จะยิงผู้ก่อการร้าย ดันกลายเป็นการไปยิงเด็กชายชาวยิว-ปาเลสไตน์ที่ติดเชื้อเอดส์โดยไม่ได้ตั้งใจ และที่ตลกร้ายคือเลือดของเด็กคนนั้นที่โดนยิงดันกระเด็นไปเข้าปากของ แดเนียล แรดคลิฟฟ์ พระเอกจากเรื่อง Harry Potter จึงทำให้เขาติดเชื้อเอดส์ไปโดยปริยาย
การสังหารพลาดครั้งนั้นทำให้ 2 พี่น้องจากเมือง กริมส์บี้ ต้องพากันหนีการตามล่าจากเจ้าหน้าที่ของรัฐและอาชญากรแก๊งอื่น ๆ ที่ตามล่าตัว ซึ่งระหว่างการไล่ล่าก็จะมีมุกตลกแนว Dirty Joke ปล่อยมาแบบไม่ยั้ง เรียกว่าถ้าใครโดนเส้นกับหนังแนวนี้ รับรองว่าต้องขำกับความจัญไรตลอดทั้งเรื่อง แม้โดยรวมหนังจะหาสาระไม่ได้มากนักก็ตาม
ซึ่งความเฉพาะกลุ่มนี้เอง ทำให้ The Brothers Grimsby เป็นหนังเจ๊ง (ทุนสร้าง 35 ล้านดอลลาร์ ทำเงินไป 28 ล้านดอลลาร์) ไปโดยปริยาย แม้นักแสดงชื่อดังจะมาร่วมงานกันไม่น้อยก็ตาม
เอ็นจอยครับ ...
แม้หนังจะพยายามทำให้กระทบกับแฟนบอลกริมส์บี้น้อยที่สุด เพราะ น็อบบี้ ไม่เคยใส่เสื้อแข่งของ กริมส์บี้ เลย (ใส่เสื้อทีมชาติอังกฤษแทน) แต่แน่นอนว่ามันไม่มีทางหนีพ้น หนังถ่ายทำหลายฉากในเมือง ๆ นี้ และใช้โลโก้ อัตลักษณ์บางส่วนของสโมสรมาเป็นฉากหลัง
การใช้ชื่อเมือง และชื่อทีมเป็นหนัง มันไม่มีทางที่จะทำให้คนดูนึกถึงแฟนบอลทีมอื่นไปได้ แต่ความจัญไรของแต่ละมุกตลกในเรื่องนี้แหละที่ทำให้แฟนบอลบางกลุ่มของ กริมส์บี้ รับไม่ได้กับหนังเรื่องนี้ เพราะพวกเขาเป็นเมืองแรงงานที่พยายามสร้างภาพลักษณ์ใหม่ แต่หนังกลับเล่นมุกหยาบโลนแบบสุดขั้ว
พวกเขาบอกว่าตัวตนจริง ๆ ของแฟนกริมส์บี้ไม่ได้เลอะเทอะเหมือนกับในเรื่อง พวกเขาอาจจะเชียร์ทีมที่ห่วยแตก (คำพูดในหนัง) จริง ๆ แต่พวกเขาก็มีความภาคภูมิใจ และเป็นแฟนพันธุ์แท้ที่ติดตามทีมไปตลอดแม้ทีมจะตกไปเล่นนอกลีกในบางครั้ง แถมบรรยากาศใน บลันเดลล์ พาร์ค ก็เป็นสถานที่ที่เป็นกันเองและอบอุ่น ที่ผู้คนในเมืองมักจะใช้เวลาช่วงสุดสัปดาห์ด้วยกันที่นี่
แม้จะมีความเป็นชนชั้นแรงงานเหมือนกับในหนัง แต่ภาพลักษณ์ของแฟนกริมส์บี้จริง ๆ ไม่ใช่ตัวปัญหาเหมือนในเรื่อง เพราะแม้จะเป็นทีมเล็ก ๆ แต่แฟนบอลพยายามสร้างบรรยากาศเชียร์อย่างสร้างสรรค์, ไม่ได้สร้างปัญหาความรุนแรง แตกต่างจากในหนังแบบสุดขั้ว ที่หนังเหมือนกับพยายามทำให้แฟนบอล กริมส์บี้ ถูกจดจำแบบล้อเลียนทั่วโลก เพราะภาพแฟนบอลขี้เมา, ยกพวกตีกัน และเป็นพวกไม่ทำมาหากิน
ถามว่า ซาช่า บารอน โคเฮน สนใจหรือไม่ ? คำตอบคืออาจจะมีบ้างแต่ไม่มากนัก เพราะเขาให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นดังกล่าวว่า
“จริง ๆ แล้ว ผมว่าน่าจะมีคนบางส่วนที่ไม่ชอบหนัง … แต่ก็มีบางคนที่จะชอบมันมาก ๆ แน่นอน ผมเชื่อว่าคุณจะรู้สึกแบบนี้ได้ไม่ยาก แค่คุณปล่อยใจเอ็นจอยกับหนังก็พอ”
การรีเสิร์ชหาข้อมูลของ ซาช่า บารอน โคเฮน ไม่เสียเปล่า เพราะเขาก็ซ่อนสัญญะบางอย่างเกี่ยวกับแฟนบอลของทีมรากหญ้าเอาไว้เช่นกัน ตรงที่ต่อให้โลกจะมองว่าพวกเราเป็นไอ้ห่วยแค่ไหน แต่เมื่อถึงเวลาที่พรรคพวกของพวกเขาตกอยู่ในอันตราย หรือต้องการความช่วยเหลือ พวกเขาก็พร้อมที่จะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยใช้หลักการง่าย ๆ คือเมื่อคุณเชียร์ทีมเดียวกับเรา คุณคือพวกเดียวกับเรานั่นเอง
ถ้าคุณได้ดูหนังเรื่องนี้ด้วยตัวเอง คุณคงตัดสินได้ว่าคุณอยู่ฝั่งชอบหรือไม่ชอบ ? ... และถ้าคุณเคยดูแล้ว และได้ดูเกมที่กริมส์บี้ขยี้ปีศาจแดง อย่างน้อยที่สุดคุณจะเข้าใจว่าบรรยากาศและความรักที่มีต่อสโมสรบ้านเกิดของแฟนบอลกริมส์บี้ ไม่ว่าจะในหนังหรือในสนามแข่งก็ไม่แตกต่างกันเลย
แหล่งอ้างอิง
https://en.wikipedia.org/wiki/Grimsby_Town_F.C.
https://en.wikipedia.org/wiki/Grimsby_(film)
https://amp.theguardian.com/film/2016/feb/21/grimsby-battering-from-borat
https://amp.theguardian.com/film/2016/feb/20/sacha-baron-cohen-as-grimsby-character-nobby