หลังจากโลดแล่นอยู่บนเวทีมวยปล้ำมานานถึง 28 ปี ในที่สุด โกลด์เบิร์ก นักมวยปล้ำซูเปอร์สตาร์ ก็กล่าวอำลาแฟนมวยปล้ำ และรีไทร์จากสังเวียนอย่างเป็นทางการเมื่อจบศึก Saturday's Night Main Event ที่เมืองแอตแลนต้า รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยความพ่ายแพ้ในแมตช์ชิงเข็มขัดแชมป์โลกเฮฟวี่เวตของ WWE ต่อหน้ากองเชียร์ของตัวเอง ในวันที่ 12 กรกฏาคม 2025
ไม่มีคนดูมวยปล้ำคนไหนไม่รู้จัก บิล โกลด์เบิร์ก คนนี้ เพราะนี่คือหนึ่งในนักมวยปล้ำที่มีภาพลักษณ์โดดเด่น แข็งแกร่ง เล่นงานคู่ต่อสู้ด้วยสไตล์การปล้ำที่หนักหน่วงรุนแรง ปิดบัญชีในเวลาอันรวดเร็ว จนเป็นขวัญใจของคนดูทั่วโลกมาอย่างยาวนาน
ทว่าภาพลักษณ์ที่เห็นตรงหน้า คือสิ่งปกปิดจุดอ่อนที่ร้ายแรงที่สุดของเขา นั่นคือ เขาปล้ำไม่เป็น ไม่ปลอดภัย และทำให้เพื่อนร่วมงานที่ขึ้นปล้ำกับเขาต้องเสี่ยงอันตรายมานับไม่ถ้วน
Main Stand ขอนำเสนอเรื่องราวของ "โกลด์เบิร์ก" นักมวยปล้ำสายดุ ผู้ถูกวิจารณ์จากแฟนมวยปล้ำสายทรูทั่วโลกว่า "Overrated" หรือ "ดังเกินฝีมือ"
เส้นทางที่ไม่ได้ขีดไว้
หากคุณเกิดในประเทศสหรัฐอเมริกา และอยากประกอบอาชีพเป็นนักกีฬา "อเมริกันฟุตบอล" คือกีฬาอันดับ 1 ที่เด็กอเมริกันทั่วประเทศใฝ่ฝันอยากเล่น อยากประสบความสำเร็จ คว้าชื่อเสียงเงินทองจากกีฬายอดนิยมอันดับ 1 ของประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ วิลเลี่ยม สกอตต์ โกลเบิร์ก เด็กชายจากเมืองทัลซ่า รัฐโอคลาโฮม่า ที่เกิดแรงบันดาลใจอยากเล่นอเมริกันฟุตบอล จากการเห็นพี่ชายของตัวเอง 2 คน เล่นกีฬานี้ตั้งแต่เด็ก
"ผมเติบโตมาจากการเห็นพี่ชายผม 2 คนเล่นฟุตบอล คุณพ่อของผมเล่นฟุตบอล ทุกคนที่ผมรู้จักก็เล่นฟุตบอลกันหมดเลย ดังนั้นสิ่งที่ผมอยากทำมากที่สุด คือการเล่นฟุตบอล" โกลด์เบิร์ก เล่าความหลังและความฝันในวัยเด็ก
การได้สวมหมวก สวมชุดแข่ง ลงสนามไปปะทะกับผู้เล่นฝั่งตรงข้ามในตำแหน่งตัวแท็กเกิลของทีมรับ ช่วยเพื่อนร่วมทีมในการหยุดทีมบุกอีกฝ่าย คือสิ่งที่ โกลด์เบิร์ก หลงรักอย่างมากเมื่อได้เข้ามาเล่นอเมริกันฟุตบอลจริง ๆ เขาทำความฝันสำเร็จเมื่อไต่เต้าพัฒนาฝีมือจนได้รับการเซ็นสัญญาเป็นผู้เล่นของ แอตแลนต้า ฟอลคอนส์ ทีมในลีก NFL เมื่อปี 1992
แต่น่าเสียดายที่ว่า ชีวิตในฐานะนักกีฬาอเมริกันฟุตบอล ไม่ประสบความสำเร็จดังใจหวัง โกลด์เบิร์ก ไม่ได้เป็นตัวหลักของทีม ฟอลคอนส์ ได้โอกาสลงเล่นไม่มากนัก ก่อนย้ายไปร่วมทีม แคโรไลน่า แพนเธอร์ส ในปี 1995 แต่ชีวิตก็ไม่ได้ดีขึ้นกว่าเดิมสักเท่าไหร่ จนในที่สุด อาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อหน้าท้องฉีก ก็ทำให้ โกลด์เบิร์ก ไม่สามารถทำในสิ่งที่เขารักได้อีกต่อไป จนต้องจบเส้นทางความฝันไว้เพียงแค่นั้น
"ผมต้องหาแพลน B แต่ปัญหาก็คือผมไม่มีแพลน B มาก่อนเลย สิ่งเดียวที่เป็นแรงผลักดันของผมคือการได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพ เมื่อผมถูกพรากไปจากมัน ผมก็รู้สึกถึงความสูญเสีย ผมไม่รู้จะทำอะไรเลยนอกจากยกน้ำหนักไปเรื่อย ๆ" โกลด์เบิร์ก เล่าถึงความผิดหวังที่ไม่ได้เป็นนักอเมริกันฟุตบอลอาชีพ
อย่างไรก็ตาม การที่ โกลด์เบิร์ก ยังฟิตร่างกาย เข้ายิมอย่างสม่ำเสมอ กลายเป็นว่าเขาได้เจอเส้นทางชีวิตใหม่ที่ไม่ได้ขีดไว้แต่แรก เมื่อเขาได้พบ ไดมอนด์ ดัลลาส เพจ (DDP) นักมวยปล้ำรุ่นใหญ่ของ WWE จนได้รับการชักชวนให้มาเจอกับ เอริค บิชอฟฟ์ โปรโมเตอร์ของ WCW ค่ายมวยปล้ำคู่แข่งของ WWE ที่กำลังมาแรง เพราะเห็นหน่วยก้านว่า โกลด์เบิร์ก น่าจะเป็นนักมวยปล้ำของพวกเขาได้
ถึงจะไม่เคยสนใจเรื่องการเป็นนักมวยปล้ำมาก่อน แต่เมื่อได้คุยกับ DDP และ เอริค บิชอฟฟ์ ในเบื้องต้น จนมองเห็นอนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้า เขาก็ตัดสินใจขีดเส้นทางชีวิตใหม่เรียบร้อย นั่นคือ เป็นนักมวยปล้ำ
"ผมตัดสินใจโทรศัพท์หา เอริค บิชอฟฟ์ ผมไม่มีวันลืมสิ่งที่ผมบอกเขา ผมจะไม่เป็นไอ้ขี้แพ้ที่ขายตัวเองแลกเงินแค่ 500 เหรียญ อยู่แต่ข้างเวที ผมจะออกไปทำสิ่งที่แตกต่าง" โกลด์เบิร์ก กล่าวก่อนเบนเข็มตัวเองสู่สังเวียนมวยปล้ำในเวลาต่อมา
จอมไร้พ่ายสุดโหดของ WCW
ภายใต้การผลักดันและส่งเสริมโดย เอริค บิชอฟฟ์ โปรโมเตอร์แห่ง WCW ที่มองหานักมวยปล้ำตัวแกร่งมาต่อกรกับคู่แข่งอย่าง WWE จนในที่สุด โกลด์เบิร์ก ที่ได้รับการปรับแต่งลุคใหม่ และฝึกฝนมวยปล้ำกับทีมงานของโรงเรียนฝึกมวยปล้ำ Power Plant ก็ถูกส่งออกไปอาละวาดบนเวทีของ WCW ในปี 1997
ภาพลักษณ์อันแข็งแกร่ง ดุดัน ที่มาพร้อมกับกล้ามเนื้อกำยำ หัวล้าน และบุคลิกที่น่าเกรงขาม ทำให้ โกลด์เบิร์ก โด่งดังอย่างรวดเร็วในฐานะนักมวยปล้ำของ WCW เขาทำให้แฟนมวยปล้ำของสมาคมอ้าปากค้าง ด้วยสไตล์การปล้ำที่ดุเดือด รุนแรง ปิดบัญชีคู่ต่อสู้อย่างว่องไว ด้วยท่าไม้ตายอย่าง Spear และ Jackhammer คว้าชัยชนะแบบรัว ๆ ด้วยความแข็งแกร่งขั้นสุด จนกลายเป็นขวัญใจของแฟนมวยปล้ำมากมาย
โกลด์เบิร์ก ยกระดับชื่อเสียงของตัวเองอย่างก้าวกระโดดในฐานะนักมวยปล้ำ เขาคว้าแชมป์โลกเดี่ยว, แชมป์ยูเอส, แชมป์แท็กทีม ภายใต้ชายคาของ WCW โดยมี เอริค บิชอฟฟ์ คอยดูแลเป็นอย่างดี ความโด่งดังและมาแรงของ โกลด์เบิร์ก มีส่วนช่วยให้ WCW เติบโตจนสามารถทำเรตติ้งสู้กับ WWE ได้อย่างสูสี จนบางครั้งก็แซงหน้าขึ้นไป
การเป็นนักมวยปล้ำของ โกลด์เบิร์ก ไม่เพียงแต่ทำให้เขาได้มีชื่อเสียง เงินทอง หรือเป็นแชมป์โลก เขายังสร้างสถิติเป็นนักมวยปล้ำที่ชนะคู่แข่งมากที่สุด 173 แมตช์รวด (หรือ 173-0) นับทุกแมตช์ไม่ว่าจะเป็นรายการออกอากาศทางทีวี หรือปล้ำโชว์แบบไม่มีถ่ายทอดสด ตัวเลขนี้ส่งเสริมให้ โกลด์เบิร์ก กลายเป็นนักมวยปล้ำที่สุดแสนจะแข็งแกร่ง ไม่มีใครสู้เขาได้บนเวที
แต่สุดท้าย สถิติไร้พ่ายก็จบลงเมื่อ โกลด์เบิร์ก พ่ายแพ้ต่อ เควิน แนช เสียเข็มขัดแชมป์โลกเฮฟวี่เวตในศึกใหญ่ WCW Starcade ปี 1998 กระนั้น WCW ก็ยังโปรเทกต์ (ปกป้อง) ความแกร่งของ โกลด์เบิร์ก ด้วยการให้เขาแพ้เพราะถูกโกง โดน สกอตต์ ฮอลล์ ปลอมตัวเป็นยามรักษาความปลอดภัย เอากระบองไฟฟ้าช็อตตอนกรรมการเผลอ แล้วเจอ เควิน แนช จับใส่ Jackknife Powerbomb กดนับสามเสียแชมป์โลกไป
ความแกร่งที่เป็นแค่ "มายา" ?
โกลด์เบิร์ก พีคสุดขีดในฐานะนักมวยปล้ำของ WCW แม้จากนั้นเขาจะย้ายมาที่ WWE ในปี 2003 เมื่อต้นสังกัดเดิมอย่าง WCW ล่มสลาย แต่ โกลด์เบิร์ก ก็ยังรักษาคาแร็กเตอร์เป็นนักมวยปล้ำสุดแกร่งไว้อย่างต่อเนื่อง และได้รับการต้อนรับจากแฟนมวยปล้ำฝั่ง WWE เป็นอย่างดี พิสูจน์ได้จากเสียงตะโกนกู่ร้องเมื่อเปิดตัวเข้าสนาม และอัดคู่ต่อสู้แบบหนักหน่วงตามสไตล์
ทว่าภายใต้ภาพลักษณ์ที่ดุดัน โกลด์เบิร์ก ถูกวิจารณ์อย่างหนักทำนองว่า "ดังเกินฝีมือ" เขาถูกมองว่าเป็นนักมวยปล้ำที่ดังเพราะภาพลักษณ์ ซึ่งก็มาจากการเสริมสร้างปั้นแต่งของ เอริค บิชอฟฟ์ ที่วางบทบาทให้ โกลด์เบิร์ก เป็นนักมวยปล้ำสายพันธุ์แกร่ง ไล่อัดและปิดบัญชีคู่ต่อสู้ในเวลาไม่เกิน 3 นาที (หรือที่ศัพท์ในวงการเรียกว่า สควอช แมตช์)
เรื่องนี้ โกลด์เบิร์ก บอกว่านี่ไม่ใช่ไอเดียของเขาตั้งแต่แรก ทว่าเมื่อทีมงานกำหนดมาแล้ว เขาก็ขอเป็นฝ่ายออกแบบการปล้ำบนเวทีด้วยตัวเอง "ผมไม่ได้เลือกที่จะทำ สควอช แมตช์ แต่ผมเป็นคนกำหนดสไตล์ สควอช แมตช์ ของตัวเองต่างหาก"
แม้การทำ สควอช แมตช์ ยำคู่ต่อสู้อยู่ฝ่ายเดียวจะทำให้ โกลด์เบิร์ก ดูแข็งแกร่ง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันคือการกลบจุดอ่อนที่ว่า "เขาปล้ำมวยปล้ำไม่เป็น" จริงอยู่ว่าก่อนเปิดตัวเป็นนักมวยปล้ำของ WCW เขาผ่านการฝึกฝนทักษะมวยปล้ำมาแล้ว ทว่าแทนที่จะพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นเหมือนนักมวยปล้ำอาชีพคนอื่นเมื่อวันเวลาผ่านไป โกลด์เบิร์ก กลับเลือกที่จะปล้ำแบบ สควอช แมตช์ ไม่เน้นโชว์ฝีมือ เน้นปิดบัญชีคว้าชัยชนะให้เร็วที่สุด จนถูกแฟนมวยปล้ำสายทรูวิจารณ์ว่าไร้การพัฒนา น่าเบื่อ
สิ่งที่ยืนยันว่า โกลด์เบิร์ก ปล้ำไม่เป็น คือแมตช์ที่เขาเจอกับ วิลเลี่ยม รีกัล นักมวยปล้ำสายเทคนิคชาวอังกฤษ ในรายการ WCW Nitro ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 1998 ไม่ว่าแมตช์นี้จะเกิดขึ้นด้วยเหตุผลกลใด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นบนเวที พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เมื่อ โกลด์เบิร์ก เผชิญหน้ากับนักมวยปล้ำสายเทคนิคอย่าง รีกัล เขากลายเป็นเพียงลูกไก่ในกำมือที่โดน รีกัล ใช้เทคนิคและชั้นเชิงที่สูงกว่า ไล่ต้อนจนไปไม่เป็น ทองที่เคลือบกายไว้ค่อย ๆ ถูกลอกออกมา แม้สุดท้าย โกลด์เบิร์ก จะเอาชนะ รีกัล ด้วยท่า Jackhammer กดนับสาม แต่ก็สร้างความเสียหายต่อภาพความแกร่งที่เขาสร้างไว้พอสมควร
นอกจากนี้ สถิติไร้พ่าย 173-0 อันน่าเกรงขามที่เขาคุยโวโอ้อวดอยู่เสมอ แท้จริงอาจไม่เป็นเช่นนั้น เพราะมีการร่ำลือว่า WCW เมคตัวเลขนี้ขึ้นมาเอง โกลด์เบิร์ก อาจจะไม่ได้ชนะคู่แข่งทุกแมตช์เสียด้วยซ้ำ แต่ค่ายกลับเมคตัวเลขไร้พ่ายขึ้นมาเพื่อส่งเสริมคาแร็กเตอร์ของ โกลด์เบิร์ก และใช้เป็นจุดขายทางการตลาด
ความอ่อนหัดที่ทำร้ายเพื่อนร่วมอาชีพ
ในวันที่โลกอินเตอร์เน็ตช่วยให้ความรู้ และเปิดหูเปิดตาคนทั่วโลก กลับกันยังทำให้ชื่อเสียงของ โกลด์เบิร์ก ที่สั่งสมไว้ในอดีต ถูกตั้งคำถาม และถูกวิจารณ์มากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเรื่องทักษะการปล้ำที่ไร้การพัฒนา และการปล้ำแบบไม่เซฟเพื่อนร่วมอาชีพ จนทำให้หลายคนได้รับบาดเจ็บเพราะเขา
เหตุการณ์ที่ดราม่าที่สุด คือแมตช์ที่ โกลด์เบิร์ก สู้กับ เบรท ฮาร์ท สุดยอดนักมวยปล้ำที่ย้ายจาก WWE มาอยู่ WCW ทั้งคู่ปล้ำในแมตช์ชิงแชมป์โลก ศึกใหญ่ WCW Starcade ปี 1999 ทว่าระหว่างปล้ำกัน โกลด์เบิร์ก เตะศีรษะของ เบรท ฮาร์ท อย่างแรงจนถึงกับเกิดอาการคอนคัสชั่น แม้ว่าจะฮึดปล้ำกันไปจนจบแมตช์ ทว่า เบรท ฮาร์ท ที่ศีรษะได้รับการกระทบกระเทือนจากลูกเตะของ โกลด์เบิร์ก ก็มีอันต้องยุติอาชีพของตัวเอง หลังจากปล้ำต่อไปได้อีกเพียง 2-3 แมตช์
เบรท ฮาร์ท ต่อว่า โกลด์เบิร์ก อย่างรุนแรงหลายครั้งเมื่อมีโอกาสให้สัมภาษณ์สื่อ "ผมเสียใจที่ได้รับบาดเจ็บโดยคนที่ปล้ำมวยปล้ำไม่เป็น และไม่ควรถูกบรรจุเข้าสู่หอเกียรติยศ คนอย่างเขาควรอยู่ในหอเกียรติยศแห่งความอับอายมากกว่า" ไม่ก็ "หากให้คะแนนทักษะของเขา ผมให้ 0 เต็ม 10"
ส่วนฝั่ง โกลด์เบิร์ก ยอมรับผิดภายหลัง เขาไม่ได้ตั้งใจทำให้ "เดอะ ฮิตแมน" เจ็บจนต้องยุติอาชีพ "มันคือความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่ผมเคยทำมาตลอดชีวิต สำหรับคนที่ยังไม่เคยได้ยินคำขอโทษจากผม ผมขอโทษอย่างจริงใจ พระเจ้ารู้ดีว่าผมยกให้ เบรท ฮาร์ท ขึ้นแท่นแบบไม่มีใครเทียบชั้นได้ สิ่งสุดท้ายที่ผมคาดหวังคือทำให้เขาได้รับอันตราย โดยเฉพาะด้วยฝีมือของผม"
แม้เรื่องราวจะผ่านมานานกว่า 20 ปี แต่รอยร้าวของทั้งคู่ไม่เคยเลือนหายไป ส่วนหนึ่งเพราะ โกลด์เบิร์ก ไม่เคยกล่าวขอโทษ เบรท ฮาร์ท อย่างจริงจังต่อหน้า และ เบรท ฮาร์ท ยังคงรู้สึกอยู่เสมอว่า เหตุผลที่เขาต้องเลิกปล้ำก่อนเวลาอันควร ก็เพราะลูกเตะของนักมวยปล้ำอ่อนหัดอย่าง โกลด์เบิร์ก
อีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือแมตช์ของ โกลด์เบิร์ก กับ ดิ อันเดอร์เทเกอร์ ในคู่เอกของศึก WWE Super Showdown ปี 2019 ที่เมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเมื่อดูจากหน้าสื่อแล้ว นี่คือบิ๊กแมตช์ที่แฟนมวยปล้ำทั่วโลกอยากดู หากทั้งคู่เจอกันตอนร่างกายสมบูรณ์และอยู่ในช่วงเวลาที่พีคที่สุดของตัวเอง
แต่ความผิดพลาดคือ นี่เป็นการเจอกันของสองนักมวยปล้ำที่อายุเกิน 50 แถมโรยราไปมากแล้ว และที่เลวร้ายคือ มันคือแมตช์การปล้ำที่ห่วยแตกที่สุดในประวัติศาสตร์โลกมวยปล้ำในสายตาของใครหลายคน ตลอดแมตช์เราเห็นเพียงแค่สุดยอดนักมวยปล้ำคนหนึ่ง หอบสังขารสู้กับนักมวยปล้ำที่ปล้ำไม่เป็น ปล้ำไม่เซฟ จนเกิดช็อตอันตรายอย่างท่า Jackhammer ที่เกือบทำ อันเดอร์เทเกอร์ คอหัก หรือการใส่ท่า Tombstone ที่ยกคู่แข่งไม่ขึ้น สุดท้ายเป็น อันเดอร์เทเกอร์ จับ โกลด์เบิร์ก ใส่ Chokeslam แบบสิ้นเรี่ยวสิ้นแรง และกดนับสามชนะไปแบบดูไม่จืด
จบแมตช์นี้ อันเดอร์เทเกอร์ ไม่เพียงแต่ร่างกายได้รับบาดเจ็บ แต่ยังรู้สึกหัวเสียจนแทบไม่อยากคิดถึงแมตช์นี้อีก ส่วนฝั่ง โกลด์เบิร์ก ก็เป็นอีกครั้งที่เขาได้แสดงให้เห็นว่า ทักษะมวยปล้ำของเขานั้นย่ำแย่ แถมยังเป็นอีกครั้งที่ทำให้เพื่อนร่วมงานได้รับอันตรายจากความไม่พร้อมของตัวเอง
ปิดตำนาน "บิล โกลด์เบิร์ก"
แม้ที่ผ่านมาจะถูกวิจารณ์และคอมเมนต์ด่าทอมากมายถึงฝีมือการปล้ำอันอ่อนชั้นบนโลกอินเตอร์เน็ต แต่ในช่วงท้ายปลายทางของอาชีพ โกลด์เบิร์ก ก็ยังปรากฏตัวต่อหน้าแฟน ๆ อย่างสม่ำเสมอ เขาร่วมงานกับ WWE ในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นขึ้นปล้ำบนเวที ต่อบท สร้างเรื่องราวกับนักมวยปล้ำยุคปัจจุบัน และเมื่อไหร่ก็ตามที่ปรากฏตัวในโชว์ของ WWE ผู้คนในสนามก็ให้การต้อนรับ ร้องเพลงเรียกชื่อเขาอยู่เสมอ (ซึ่งสวนทางกับแฟนมวยปล้ำบนโซเชียลฯ ที่ส่วนใหญ่ชอบถามว่า กลับมาทำไม ?)
โกลด์เบิร์ก ได้รับเกียรติจาก WWE สร้างแมตช์รีไทร์ให้กับเขา ด้วยการปล้ำแมตช์ชิงเข็มขัดแชมป์โลกเฮฟวี่เวทกับ กุนเธอร์ เจ้าของแชมป์คนปัจจุบัน ซึ่งเป็นนักมวยปล้ำสายพลังและมีเทคนิคที่เก่งกาจ แมตช์สุดท้ายของ โกลด์เบิร์ก เกิดขึ้นในรายการ Saturday's Night Main Event ที่เมืองแอตแลนต้า รัฐจอร์เจีย วันที่ 12 กรกฏาคม 2025 และทุกฝ่ายก็คาดหวังว่าแมตช์จะออกมาดี ไม่น่าเกลียด
ในแมตช์สุดท้ายของชีวิต โกลด์เบิร์ก ที่ทำการฉีดสเต็มเซลล์ ฟื้นฟูร่างกายเพื่อกลับมาปล้ำครั้งสุดท้ายในวัย 58 ปี พยายามปล้ำอย่างเต็มที่เท่าที่ทำได้ แถมมีช็อตใส่ท่าไม้ตาย Spear กับ Jackhammer ใส่ กุนเธอร์ ที่ดูเซฟและปลอดภัยกว่าอดีตที่เคยปล้ำ ก่อนสุดท้ายจะจบลงด้วยการโดน กุนเธอร์ ล็อคคอหมดสติพ่ายแพ้ไป ซึ่งหลังจบแมตช์ เขาได้กล่าวขอบคุณครอบครัว แฟนมวยปล้ำ และทุกคนในวงการที่ให้การสนับสนุนมาตลอดชีวิต
"ผมไม่เคยคิดถึงช่วงเวลานี้เลย เพราะไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น แต่ทั้งหมดนี้จะไม่มีทางเป็นไปได้เลย ถ้าหากไม่มีพวกคุณทุกคน ทุกคนมีความหมายกับผมมากจริง ๆ" โกลด์เบิร์ก กล่าวขอบคุณแฟนมวยปล้ำที่ร่วมเป็นสักขีพยานในแมตช์สุดท้ายของเขาที่ แอตแลนต้า ท่ามกลางวงล้อมของเพื่อนฝูงและครอบครัวที่มาร่วมให้กำลังใจในช่วงเวลาสำคัญ
โกลด์เบิร์ก ปิดฉากตนเองในฐานะนักมวยปล้ำอาชีพ ที่เดินทางมายาวนานตลอด 28 ปี ตลอดเส้นทางที่เขาเดินทางบนถนนมวยปล้ำ มีทั้งเสียงชื่นชม ดอกไม้ ก้อนอิฐ และคำถากถาง แต่ถึงอย่างนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า โกลด์เบิร์ก คือหนึ่งในนักมวยปล้ำคนสำคัญ ที่ถูกจารึกชื่ออยู่ในประวัติศาสตร์มวยปล้ำโลก ผลงานและประวัติศาสตร์ของเขาจะถูกบันทึกอยู่ในพงศาวดารโลกมวยปล้ำแบบไม่มีวันจางหาย
อยู่ที่ว่าคนดูจะจดจำ โกลด์เบิร์ก ในแง่มุมไหน ...
แหล่งอ้างอิง
https://talksport.com/wrestling/816165/goldberg-wwe-wcw-nfl-strip-club-drew-mcintyre/
https://talksport.com/wrestling/1814294/bret-hart-goldberg-wwe-hall-of-shame-wrestlemania/
https://www.thesportster.com/wwe-undertaker-vs-goldberg-one-of-biggest-disasters-in-history
https://www.youtube.com/watch?v=iIErNMFjLq0