ลีดส์ กลับมาสู่พรีเมียร์ลีกอีกครั้งในซีซั่น 2025-26 … นี่อาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่ ๆ เพราะพวกเขาก็เพิ่งตก ๆ ขึ้น ๆ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
แต่ความน่าสนใจก็คือ ทีม ๆ นี้เพิ่งแพ้เพลย์ออฟเลื่อนชั้นนัดชิงชนะเลิศในซีซั่นที่แล้วอย่างเจ็บปวด แถมจบซีซั่นพวกเขายังขายนักเตะที่ที่สุดออกจากทีมพร้อมกันถึง 3 คน และยังเจอปัญหานักเตะตัวหลักบาดเจ็บยาวในช่วงพรีซีซั่นอย่างน้อย ๆ อีก 2 คน
แต่สุดท้ายพวกเขายกระดับการเล่นทั้ง ๆ ที่สถานการณ์ดูน่าจะแย่ลงได้ จนกลายเป็นตอนจบด้วยความสะใจ พุ่งชนเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้สำเร็จ
ลีดส์ ซีซั่น 2024-25 ทำอย่างไรจึงเลื่อนชั้นได้ ติดตามที่ Main Stand
เลือกโค้ชที่ใช่
ลีดส์ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่ดีในแง่ของแนวทางการเล่นฟุตบอล นับตั้งแต่ที่ มาร์เซโล่ บิเอลซ่า เข้ามาคุมทีมในปี 2018 พวกเขาใช้แนวทางการเล่นฟุตบอลที่ชัดเจนแน่นอน เล่นเกมรุกแบบไม่กลัวใคร ใช้ความดุดันไล่ล่าฟุตบอลในทุกพื้นที่ของสนาม และเล่นเกมด้วยความรวดเร็วไม่เยิ่นเย้อ ... นั่นทำให้ฟุตบอลของพวกเขาดูสนุกมาตลอดในช่วงหลังแม้ว่าพวกเขาจะตกชั้นจาก พรีเมียร์ลีก มาในฤดูกาล 2022-23 ก็ตาม
ทีนี้ถ้าเราจะมาคุยว่า ทำไมปีนี้พวกเขาจึงการันตีการเลื่อนชั้นตั้งแต่ยังเหลืออีก 4 เกม ก็คงต้องเริ่มกลับไปที่การแต่งตั้ง ดาเนี่ยล ฟาร์เก้ กุนซือชาวเยอรมันเข้ามาทำทีมในฤดูกาล 2023-24 หรือปีที่พวกเขาตกลงมาเล่นใน แชมเปี้ยนชิพ เป็นซีซั่นแรก
ฟาร์เก้ เป็นโค้ชเยอรมัน ที่คุมทีมในอังกฤษมานาน เคยมีประสบกาารณ์คุมทีมระดับ เลื่อนชั้น-ตกชั้น อย่าง นอริช มาก่อน และการเลือก ฟาร์เก้ ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม เพราะค่าจ้างของ ฟาร์เก้ ไม่ได้แพงมาก ตกอยูที่สัปดาห์ละ 45,000 ปอนด์ ถูกกว่า เจสซี่ มาร์ช กุนซือชาวอเมริกันที่พาทีมตกชั้นอยู่ราว ๆ 20,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์
มันเป็นไปตามวิถีของทีมตกชั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อตกจากพรีเมียร์ลีก รายได้ก็จะลดลงมาก ดังนั้นการลดภาระค่าใช้จ่ายจึงเป็นสิ่งจำเป็น แต่ ลีดส์ ทำได้ดีในกรณีนี้ เพราะพวกเขาได้โค้ชที่ค้าจ้างถูกลง แต่ตรงสเป็กมากขึ้น เพราะ ฟาร์เก้ เป็นคนทำฟุตบอลที่เน้นเกมรุก บุกดุดันอยู่แล้ว ดังนั้นนักเตะที่ตกชั้นลงมา จึงเป็นนักเตะที่ตรงตามแนวทางการทำทีมของเขา จนแทบไม่มีนักเตะคนไหนที่ทีมต้องแบกค่าเหนื่อยแพง ๆ แต่ใช้งานไม่ได้เลย เรียกได้ว่า ยิงปืนนัดเดียว ได้นก 2 ตัว ก็คงไม่ผิดนัก
ในซีซั่น 2023-24 ฟาร์เก้ ทำ ลีดส์ ได้มันเร้าใจสุด ๆ นี่คือทีมที่ยิงประตูมากที่สุดในลีก และมีสถิติเกมรุกมากที่สุดไม่ว่าจะเป็นการครองบอล การสร้างจังหวะเกมบุก และการผ่านบอลเข้าสู่พื้นที่อันตราย แต่ปัญหามันติดอยู่อย่างเดียวคือใน แชมเปี้ยนชิพ คุณต้องการยิ่งกว่าความสม่ำเสมอ เพราะนี่คือลีกที่โปรแกรมชุก ต้องเล่นถึง 46 นัดต่อฤดูกาล เราจึงแทบไม่ค่อยเห็นทีมไหนทำสถิติชนะรวดยาว ๆ เลย เพราะโปรแกรมเยอะ เตะถี่ และฟุตบอล แชมเปี้ยนชิพ ก็เน้นเกมเร็วและหนักไม่ต่างจากพรีเมียร์ลีก จะด้อยกว่าก็เห็นจะเป็นแค่เรื่องคุณภาพนักเตะ และความสามารถของโค้ชนี่แหละที่ทำให้ทั้ง 2 ลีกที่แตกต่างกัน
ลีดส์ เจอปัญหาของโปรแกรมหนัก พวกเขาเป็นทีมที่ "ไม่มีตรงกลาง" ว่าง่าย ๆ ก็คือ ลีดส์ มักจะชนะแบบถล่มคู่ต่อสู้บ่อย ๆ แต่บางเกมจะเล่นไม่ดี พวกเขาก็เปลี่ยนไปเป็นคนละทีม หนักข้อเข้าบางทีก็แพ้ให้กับทีมท้ายตารางไปแบบงง ๆ ไปเลย ด้วยแนวทางการเล่นที่ไม่เน้นความปลอดภัยเท่าไรนัก
แตกต่างกับทีมอย่าง เลสเตอร์, อิปสวิช และ เซาธ์แฮมป์ตัน ที่อาจจะชนะคู่แข่งแบบยิงไม่เยอะเท่า ลีดส์ แต่ 3 ทีมเหล่านี้มักจะชนะแบบเฉือน ๆ ยิงลูกเดียวปิดเกมอยู่บ่อย ๆ ทำให้พวกเขาเก็บแต้มได้มากกว่า ลีดส์ แถม ลีดส์ ยังต้องไปแพ้ในเกม เพลย์ออฟ ต่อ เซาธ์แฮมป์ตัน ไปอย่างน่าผิดหวัง เพราะทุกสำนักบอกว่า ลีดส์ คือทีมที่ดีกว่าตั้งแต่ก่อนลงสนาม เพียงแต่ว่าในเกมชี้เป็นชี้ตายแบบนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ สุดท้าย ลีดส์ ก็พลาดไป
การพลาดตั๋วเลื่อนชั้นในปีที่แล้ว ทำให้ ลีดส์ ต้องเข้าสู่สภาวะรัดเข็มขัดต่อไป นักเตะดัง ๆ ที่ซื้อมาแพง ๆ หรือบางคนก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักในซีซั่น 2023-24 ต้องโดนขายออกไปไม่ว่าจะเป็น คริเซนซิโอ ซัมเมอร์วิลล์ นักเตะ MVP ของลีก ที่ย้ายไป เวสต์แฮม, จินี่ รุตแตร์ ย้ายไป ไบรท์ตัน, อาร์ชี่ เกรย์ เด็กปั้นที่แฟนบอลยกให้เป็น "ว่าที่กัปตัน" ย้ายไปอยู่กับ สเปอร์ส และอาจรวมถึงนักเตะเกรดลีกสูงสุดอีกหลาย ๆ คนที่ไม่ถูกปล่อยยืมตัวก็โดนขายขาด เพราะทีมไม่สามารถกลับสู่ลีกสูงสุดได้ตามเป้า
แต่ด้วยการที่โค้ชอย่าง ฟาร์เก้ มีแนวทางชัดเจน และทำทีมมา 1 ปีแล้วทำให้นักเตะในทีมคนอื่น ๆ ก้าวขึ้นมาทำหน้าที่ทดแทนของคนที่จากไปได้เป็นอย่างดี จุดนี้ทำให้ ลีดส์ ประหยัดเงินลงไปเยอะ เพราะไม่ต้องเปลี่ยนขุมกำลังแบบยกชุด หรือต้องแตกตื่นในการหาตัวแทนของคนที่ย้ายออก ซึ่งสิ่งนี้ยืนยันได้จากการที่แม้จะเสียขุมกำลังหลักระดับตัว MVP ออกไป แต่ ลีดส์ ยังคงเป็นทีมที่ทำสถิติยิงประตูมากที่สุดในลีก สร้างโอกาสยิงประตูมากที่สุดในลีก และเป็นทีมที่สัมผัสบอลในกรอบเขตโทษคู่แข่งมากที่สุดใน แชมเปี้ยนชิพ ซีซั่นนี้เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
เงินน้อย ก็เลือกของดี ๆ
การพลาดตั๋วเลื่อนชั้นในฤดูกาล 2023-24 ทำให้ ลีดส์ ตื่นตัวอย่างมาก แหล่งข่าววงในของ The Athletic บอกว่า ฟาร์เก้ ขอเข้าพบ พารัก มาราธ ประธานสโมสรทันทีหลังจากที่เกมเพลย์ออฟจบลง โดยเนื้อความที่ ฟาร์เก้ แจ้งต่อประธานสโมสรก็คือ อะไรบ้างที่ต้องเปลี่ยนแปลงก่อนที่ฤดูกาลที่ 2 ของเขาจะเริ่ม นักเตะคนไหนที่มีปัญหาเรื่องทัศนคติ เขาของงบประมาณการทำทีม และชี้สเป็กนักเตะที่เขาต้องการตั้งแต่ฤดูกาลจบวันแรก นั่นทำให้ ลีดส์ มีเวลาในการหาตัวเลือกนักเตะที่ตรงกับที่ ฟาร์เก้ ร้องขอ
สุดท้ายพวกเขาเปิดตลาดได้อย่างยอดเยี่ยม นักเตะที่ย้ายเข้ามาแต่ละคนกลายเป็นตัวหลักได้ในแทบจะทันที โจ โรดอน ซื้อขาดมาจาก สเปอร์ส, เจย์เดน โบเกิล แบ็กขวาในวัยกำลังพีกถูกดึงเข้ามาแทนที่ ลุค อายลิ่ง แบ็กจอมเก๋าที่อยู่กับทีมมานาน, ลากี้ รามาซานี่ ปีกชาวเบลเยียมจาก อัลเมเรีย ถูกดึงเข้ามาแทนที่ MVP อย่าง ซัมเมอร์วิลล์ นอกจากนี้ยังได้ยืมตัวนักเตะตัวรุกที่ฟอร์มดีที่สุดคนหนึ่งในซีซั่นนี้อย่าง มานอร์ โซโลม่อน ปีกชาวอิสราเอล มาจาก สเปอร์ส
และที่ลืมไม่ได้เลยคือดีลยอดเยี่ยมประจำซีซั่นอย่าง อาโอะ ทานากะ ห้องเครื่องทีมชาติญี่ปุ่น ที่ ฟาร์เก้ อยากจะได้มาก ๆ เพราะเขาเชื่อว่า ปีที่แล้วกองกลางของทีมมีตัวหมุนเวียนน้อยไป และมีประตูจากนักเตะจากตำแหน่งกองกลางน้อย จนภาระยิงประตูส่วนใหญ่เป็นของกองหน้า โดยพวกเขาได้ ทานากะ มาในราคาแค่ 2.7 ล้านปอนด์เท่านั้น
นอกจากการเสริมทัพระดับที่ส่งผลต่อฟอร์มการเล่นในสนามแล้ว ดีลที่สร้างอิมแพ็กต์ในห้องแต่งตัวก็มีเช่นกัน อาทิการดึงตัว โจชัว กีลาโวกี กองกลางประสบการณ์สูงที่ผ่านการลงเล่นให้กับโวล์ฟบวร์กมาเกิน 100 นัด มาแบบไม่มีค่าตัว หลังหมดสัญญากับ ไมนซ์ในฤดูกาลที่ผ่านมา เข้ามาในช่วงที่กัปตันทีมอย่าง อีธาน อัมปาดู และ อีเลีย กรูเยฟ 2 มิดฟิลด์ตัวกลางบาดเจ็บ ซึ่งนอกจาก กีลาโวกี จะมาพร้อมประสบการณ์แล้ว เขายังเข้ามาเป็นพี่ใหญ่ที่ทำให้ 2 ดาวรุ่งอย่าง วิลเฟร็ด ยอนโต้ และ รามาซานี่ มีลูกพี่ใหญ่ที่คุยกันรู้เรื่อง ซึ่งมีรายงานว่า นักเตะทั้ง 2 คนนี้ เล่นดีขึ้น และมีความลงล็อก เล่นได้ตามระบบมากขึ้นเมื่อ กีลาโวกี เข้ามา
นักเตะซีเนียร์คนหนึ่งของ ลีดส์ ให้ความเห็นถึงเรื่องนี้กับ The Athletic ว่า "ถ้าจะมีใครสักคนเข้ามาและเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักเตะดาวรุ่งในทีมได้ทันที คนนั้นต้องเป็น โจชัว กีลาโวกี นอกจากเขาจะเล่นได้ดีแล้ว เขายังเป็นพี่ใหญ่ที่คอยโอบกอดให้กำลังใจและแนะนำ ยอนโต้ และ รามาซานี่ ตลอดเวลา โจชัว เปรียบเหมือนพ่อของเด็กพวกนี้"
นักเตะที่กล่าวมาทั้งหมดสร้างอิมแพ็กต์ให้ลีดส์ในซีซั่นนี้ได้จริง ไม่ว่าจะด้วยบทบาทที่เข้ามาเป็นตัวหลักตามจำนวนนัดที่ได้ลงเล่นตลอดซีซั่นแล้ว หลายคนได้รับคำชมจากสื่อใหญ่ ๆ มากมาย อาทิ อาโอะ ทานากะ ที่ถูกสำนักข่าวอย่าง BBC ทำสกู๊ปขึ้นมาในหัวข้อ "นักเตะสุดคุ้มตลอดกาลของสโมสร ลีดส์ ยูไนเต็ด" รวมถึง มานอร์ โซโลม่อน ที่ยิงไป 9 ประตูและทำไปอีก 11 แอสซิสต์ ก็ถูกยกย่องให้เป็น "ดีลยืมตัวที่สร้างอิมแพ็กต์มากที่สุดใน แชมเปี้ยนชิพ"
แม้เสียนักเตะตัวหลักออกไปหลายคน แต่ตัวแทนเหล่านี้เข้ามาอุดรอยรั่วได้ทันทีทันใด พวกเขาเหล่านี้อาจจะชื่อเสียงน้อยกว่าคนที่ออกไป แต่สิ่งที่ดีก็คือ พวกเขาค่าตัวถูกกว่า ค่าจ้างถูกกว่า และทำผลงานได้เทียบเท่า หรือบางรายทำได้ดีกว่าคนที่ย้ายออกไปด้วยซ้ำ ... เรียกได้ว่าตลาดซื้อขายคือปัจจัยสำคัญของ ลีดส์ ในซีซั่นนี้อย่างแท้จริง
Trust the Process
อย่างที่ได้กล่าวไปในข้างต้น ลีดส์ ขายนักเตะได้ราคาออกไปหลายคน และซื้อนักเตะที่ราคาถูก แทบไม่มีใครราคาถึง 10 ล้านปอนด์เลยสักคน ทำให้ตัวเลขในบัญชีของพวกเขาเป็นสีเขียว ทำให้สามารถมีเงินเหลือที่จะจ่ายค่าเหนื่อยให้นักเตะที่ทีมซื้อมาตอนเล่นในพรีเมียร์ลีก และปล่อยยืมตัวไปตอนตกชั้นในฤดูกาล 2023-24 ได้อีกครั้ง อาทิ มักซิมิเลี่ยน โวเบอร์ เซ็นเตอร์แบ็กตัวทีมชาติออสเตรีย และ เบรนแดน อารอนสัน เพลย์เมคเกอร์ตัวทีมชาติสหรัฐอเมริกา ที่กลับมาเล่นให้กับทีมเต็ม ๆ ในซีซั่นนี้
การเตรียมตัวตั้งแต่ก่อนซีซั่นเริ่มทำให้ ลีดส์ ชุดนี้มีความพร้อมมากกว่าฤดูกาล 2023-24 พวกเขามีขุมกำลังที่พร้อมจะสลับกันลงเล่น อีกทั้งยังมีนักเตะตัวจริงและตัวสำรองที่เกรดแทบไม่ห่างกันเลย โดยเฉพาะในกลุ่มนักเตะเกมรุกที่เรียกว่าส่งใครลงก็ยิงประตูได้ นอกจาก โจเอล ปิโร ดาวซัลโวประจำทีมที่ซัดไป 19 ลูกแล้ว ตัวรุกของ ลีดส์ แต่ละคนยังมีสถิติยิงและแอสซิสต์สูง ๆ แทบทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น แดน เจมส์ ยิง 12 ประตู, อารอนสัน 9 ลูก, ยอนโต้ 7 ประตู, โซโลม่อน 9 ประตู, รามาซานี่ 5 ประตู แม้แต่ดาวรุ่งที่ดันขึ้นมจากทีมชุดเยาวชนอย่าง มาเตโอ โจเซป ก็ยิงทุกรายการไปได้ถึง 4 ลูก
ฟาร์เก้ ยังอธิบายต่อว่าทีมชุดนี้ส่วนใหญ่เป็นนักเตะที่ทำงานร่วมกันมานานถึง 18 เดือนนับตั้งแต่เขาเข้ามารับงานที่นี่ สิ่งที่แตกต่างจากวันแรกก็คือนักเตะทุกคนเข้าใจและเชื่อมั่นในการสอน และสั่งการของเขา นอกจากนี้ตัวของเขาเองก็ลดความมุทะลุลง โดยแหล่งข่าวอ้างว่าในช่วงท้ายซีซั่นนี้ ฟาร์เก้ ได้มีการปรับแท็คติกแบบที่ได้บทเรียนจากซีซั่นที่แล้วนั่นก็คือพวกเขาเร่งเกมมากเกิน เขาอยากให้ลูกทีมเล่นช้าลงอีกนิด มีความใจเย็นลง เน้นที่การเก็บแต้มให้ได้อย่างสม่ำเสมอ มากกว่าเป็นทีมที่ฉูดฉาดแบบนัดเว้นนัด จนทำให้ต้องเจ็บช้ำในตอนจบ
สิ่งที่เกิดขึ้นก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นเรื่องของการจัดการหลังบ้านที่ถูกต้อง การปล่อยนักเตะที่ทำเงินได้ การเสริมนักเตะที่เข้าระบบในราคาที่เหมาะสม และท้ายที่สุดคือห้องแต่งตัวของทีมในปีนี้ลงตัวขึ้น บวกกับประสบการณ์ที่บอบช้ำในปีที่แล้ว กลายเป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้พวกเขาทุกคนมีสมาธิในทุก ๆ เกม จนกลายเป็นทีมที่เก็บแต้มได้ต่อเนื่อง และเข้าป้ายคว้าชัยกลับสู่พรีเมียร์ลีกได้ในท้ายที่สุด
แหล่งอ้างอิง
https://www.yorkshireeveningpost.co.uk/sport/football/leeds-united/jesse-marschs-reported-leeds-united-salary-compared-to-newcastle-united-everton-and-aston-villa-3762875
https://en.wikipedia.org/wiki/2024%E2%80%9325_Leeds_United_F.C._season#Out
https://www.nytimes.com/athletic/6290234/2025/04/21/leeds-united-promotion-promoted-premier-league-inside/
https://www.skysports.com/football/news/11095/13353139/leeds-promoted-daniel-farkes-side-return-to-premier-league-after-burnley-beat-sheffield-united