ไม่ต้องเอ่ยกันมาก ทุกคนก็คงทราบกันดีว่า กลิ่นกาย โดยเฉพาะบริเวณ รักแร้ นั้นส่งผลต่อความมั่นใจและการตอบรับจากบุคคลรอบข้างมากมายขนาดไหน
สำหรับสายแอ็กทีฟสายกีฬาอย่างเรา ๆ ปัญหาเรื่องกลิ่นตัวโดยเฉพาะรักแร้นั้นมันค่อนข้างหลีกเลี่ยงยาก แต่คุณเคยสงสัยบ้างไหมว่า กลิ่นรักแร้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ? ทำไมกลิ่นของแต่ละคนจึงไม่เหมือนกัน ยิ่งกับบางคนด้วยแล้วยิ่งชวนให้ไม่น่าเข้าใกล้เสียเลย ? และจะป้องกันแก้ไขเรื่องนี้อย่างไร ?
Main Stand ขอพาไปไขข้อสงสัยนี้ด้วยกัน
กลิ่นตัวเกิดได้อย่างไร ?
กลิ่นตัว คือสิ่งที่หลายคนประสบพบเจอจนเป็นปัญหาประจำตัว แต่คุณสงสัยบ้างไม่ว่า มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ?
สาเหตุของการมีกลิ่นตัวนั้นมาจาก ต่อมกลิ่น (Apocrine glands) ซึ่งพบมากบริเวณรักแร้ อันที่จริง ต่อมกลิ่นนี้มีตั้งแต่แรกเกิด แต่จะเริ่มทำงานในช่วงวัยรุ่น
หน้าที่ของต่อมกลิ่นนั้นคือการสร้างกลิ่น ซึ่งเป็นลักษณะทางเพศแบบหนึ่ง สารที่หลั่งจากต่อมกลิ่นประกอบไปด้วยกรดไขมันหลายชนิด โดยมีลักษณะเหลวข้นไม่มีกลิ่น
ทว่าเมื่อสารจากต่อมกลิ่นหลั่งออกมาจะทำปฏิกิริยากับแบคทีเรียที่อยู่บริเวณด้านนอกของผิวหนัง จนเกิดเป็นสารที่มีกลิ่นขึ้น
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีอีกสาเหตุที่นำมาซึ่งกลิ่นตัว นั่นคือ ต่อมเหงื่อ (Eccrine glands) ซึ่งอยู่ทั่วร่างกายของมนุษย์ แต่กระจุกตัวอยู่มากบริเวณใต้วงแขน โดยเมื่อเหงื่อออกมันก็จะผสมกับแบคทีเรียบริเวณผิวหนังชั้นนอก จนเกิดความชื้นและส่งกลิ่นออกมา
แดน บาวดอน (Dan Bawdon) นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยยอร์ก ประเทศอังกฤษ เปิดเผยการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า "โมเลกุลที่ไม่มีกลิ่นเหล่านี้ออกมาจากใต้วงแขนและมีปฏิสัมพันธ์กับจุลินทรีย์ที่ใช้งานอยู่ เมื่อพวกมันถูกย่อยสลายภายในแบคทีเรียจะเกิดผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า Thioalcohols ซึ่งมีกลิ่นฉุนมาก"
ซึ่งแพทย์ผิวหนังอย่าง ริชาร์ด ทอร์เบ็ค (Richard Torbeck) เสริมด้วยว่า การออกกำลังกายนั้น แม้จะมีประโยชน์ แต่ก็แทบไม่อาจเลี่ยงการเกิดกลิ่นตัวได้เลย
"เมื่อคุณออกกำลังกาย ร่างกายจะผลิตคอร์ติซอลและฮอร์โมนอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อต่อมเหงื่อบนผิวหนังของเรา สารต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการออกกำลังกายที่คล้ายกับฟีโรโมนนี้จะให้พลังงานแก่แบคทีเรียบนผิวหนัง และมันอยู่เบื้องหลังของกลิ่นอันไม่พึงประสงค์บนร่างกายคุณ ซึ่งโดยมากมักเกิดที่บริเวณใต้วงแขนหรือรักแร้ และจุดที่มีทั้งต่อมกลิ่นและต่อมเหงื่อจำนวนมากนั่นเอง"
ทำไมถึงเหม็นไม่หาย ?
ถึงหลายคนจะมีกลิ่นตัว แต่ ซูซาน มาสซิค (Susan Massick) แพทย์ผิวหนังจาก Ohio State University Wexner Medical Center เปิดเผยด้วยว่า "กลิ่นตัวแบบปกติทั่วไปนั้นไม่มี เพราะสิ่งนี้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล"
คำถามคือ กลิ่นตัวที่แตกต่างกันนั้นเกิดจากอะไร ?
เรื่องดังกล่าวนั้นมีที่มาจากหลายสาเหตุ โดยปัจจัยหนึ่งซึ่งส่งผลต่อกลิ่นตัวคือ อาหาร เพราะการรับประทานอาหารที่มีกลิ่นแรงส่งผลต่อร่างกายในการสังเคราะห์กลิ่นตัวมากกว่าอาหารที่มีกลิ่นอ่อน ซึ่งมีการศึกษาในปี 2017 ที่ระบุว่า ผู้หญิงนั้นชื่นชอบผู้ชายที่มีกลิ่นตัวซึ่งสื่อถึงการรับประทานผักและผลไม้มากกว่ากลิ่นตัวที่สื่อถึงการรับประทานเนื้อสัตว์
อย่างไรก็ตาม ซูซาน มาสซิค เล่าต่อว่า ไม่ว่าจะพันธุกรรม, อาหาร, ฮอร์โมน, สุขอนามัย, โรคประจำตัว, ยาที่ใช้ หรือแม้แต่ฮอร์โมนที่เปลี่ยนไปล้วนส่งผลต่อกลิ่นตัว โดยเฉพาะที่บริเวณรักแร้ได้ทั้งสิ้น
ซึ่งกลิ่นตัวที่เปลี่ยนไปอาจส่งสัญญาณเตือนถึงโรคภัยได้เช่นกัน โดยหากกลิ่นตัวของคุณมีลักษณะคล้ายผลไม้อาจเป็นสัญญาณของโรคเบาหวาน ส่วนกลิ่นตัวที่คล้ายสารฟอกขาวอาจเป็นสัญญาณของโรคตับหรือโรคไต เนื่องจากสารพิษที่สะสมอยู่ในร่างกาย
ไม่เพียงเท่านั้น คนที่มีภาวะเหงื่อออกมาก หรือ Hyperhidrosis ยังส่งผลต่อกลิ่นตัวที่มากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน เพราะอย่าลืมว่าสาเหตุหลักอันนำมาซึ่งกลิ่นตัวมาจากแบคทีเรียบนผิวหนัง ทำให้ยิ่งมีเหงื่อออกมากก็ยิ่งเอื้อให้แบคทีเรียเติบโตได้ดียิ่งขึ้น
และภาวะเหงื่อออกมากนี้ก็สามารถเป็นสัญญาณเตือนถึงภาวะทางสุขภาพได้เช่นกัน เพราะมันมีที่มาได้จากหลายสาเหตุ ทั้งความวิตกกังวล, ภาวะหมดประจำเดือน, ภาวะต่อมไทรอยด์, ภาวะหลอดเลือดในสมอง, การติดเชื้อ หรือแม้แต่โรคภัยต่าง ๆ ซึ่งรวมถึง มะเร็ง
จบปัญหาอย่างมั่นใจ
จากที่กล่าวไปข้างต้น เชื่อว่าคุณ ๆ คงเห็นภาพชัดเจนขึ้นถึงปัญหากลิ่นตัวแล้วว่า นอกจากจะส่งผลต่อความมั่นใจในการเข้าสังคมแล้วยังอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงโรคร้ายที่ใกล้จะมาถึงเช่นกัน
แต่แน่นอนว่าทุกปัญหาย่อมมีทางแก้ ปัญหากลิ่นตัวก็เช่นกัน เพราะวิธีการต่าง ๆ ที่จะช่วยแก้ปัญหากวนใจนี้มีหลายทาง ตั้งแต่การสวมใส่เสื้อผ้าที่สะอาด ดูแลรักษาสุขภาพตัวเองอย่างจริงจัง ปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหาร เลี่ยงอาหารที่อุดมไปด้วยไขมัน ตลอดจนอาหารที่มีกลิ่นแรง เช่นเดียวกับการรักษาความสะอาดร่างกายด้วยการอาบน้ำวันละ 2 ครั้ง เช็ดตัวให้แห้งหลังอาบเสร็จ รักษาความสะอาดรักแร้ ไม่ว่าจะด้วยการทำความสะอาด เช็ดให้แห้ง ตลอดจนเล็มหรือโกนขนรักแร้ เพราะนี่คือจุดหลักที่กลิ่นตัวจะออกมา เนื่องจากการมีต่อมกลิ่นอยู่เป็นจำนวนมากนั่นเอง
นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นตัว อย่าง โรลออน ก็ถือเป็นอีกของดีที่ควรมีไว้ติดตัว เพราะสามารถช่วยลดการผลิตเหงื่อ เสริมความมั่นใจได้
ซึ่ง ทรอส คูลสปอร์ต โรลออน ถือเป็นอีกตัวเลือกที่ตอบโจทย์อย่างแท้จริง เพราะทั้งช่วยลดการสะสมของแบคทีเรีย ตัวต้นเหตุแห่งปัญหากลิ่นกาย อีกทั้งยังช่วยระงับเหงื่อ ตลอดจนกลิ่นกายด้วยพลัง 4X Shield Protect ปกป้องสูงสุด 48 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังช่วยทำให้อุณหภูมิผิวเย็นขึ้น 4 องศา เหมาะสำหรับผู้ที่มีเหงื่อออกมาก
กลิ่นกาย โดยเฉพาะบริเวณรักแร้ เป็นเรื่องน่ารำคาญและชวนให้เสียความมั่นใจ แต่หากคุณเริ่มเปลี่ยนแปลง ทั้งกิจวัตรประจำวัน และมีตัวช่วยที่ดีเสริม เชื่อเถอะว่าปัญหานี้จะไม่กวนใจคุณอีกต่อไป แถมยังช่วยเสริมความมั่นใจให้คุณในทุกย่างก้าวด้วยเช่นกัน
แหล่งอ้างอิง
https://my.clevelandclinic.org/health/symptoms/17865-body-odor
https://www.insider.com/guides/health/conditions-symptoms/why-do-my-armpits-smell-so-bad
https://www.livestrong.com/article/443465-why-do-i-smell-so-bad-when-i-work-out/
https://www.npr.org/sections/health-shots/2015/03/31/396573607/meet-the-bacteria-that-make-a-stink-in-your-pits
https://www.shape.com/lifestyle/beauty-style/beauty-products-stink-proof-your-workout-routine
https://theconversation.com/why-do-my-armpits-smell-and-would-using-glycolic-acid-on-them-really-work-183354
https://www.theverge.com/2015/7/24/9031605/deodorant-antiperspirant-night-time
https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=1097
https://www.pobpad.com/%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%81