News

ยกระดับ หรือ ลดระดับ ? เมื่อ MotoGP เตรียมปรับโฉมให้เหมือน F1 แต่ลดความสำคัญ Moto2 กับ Moto3

แฟน ๆ มอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์โลก MotoGP คงทราบกันดีว่า แม้จะมีการแบ่งเป็นรุ่นใหญ่ MotoGP รุ่นกลาง Moto2 และรุ่นเล็ก Moto3 แต่การนับสถิติความสำเร็จ มักจะนับรวมกันทุกรุ่น เพราะไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันรุ่นเล็กหรือใหญ่ ทุกรุ่นมีสถานะ "ชิงแชมป์โลก" เหมือนกัน

 

อย่างไรก็ตาม สื่อสายความเร็วหลายสำนักเปิดเผยว่า Liberty Media ผู้ถือลิขสิทธิ์จัดการแข่งขันรถสูตรหนึ่ง หรือ F1 ที่เพิ่งซื้อหุ้นใหญ่ของ Dorna Sports ผู้ถือลิขสิทธิ์จัดการแข่งขัน MotoGP ทำให้สองศึกรถแข่งเบอร์ 1 ของโลกในสายสองล้อกับสี่ล้ออยู่ใต้ชายคาเดียวกัน มีแผนการที่จะยกระดับ MotoGP ให้ใกล้เคียงกับ F1 ขึ้นไปอีกระดับ

อย่างไรก็ตาม เสียงวิจารณ์เริ่มเกิดขึ้นทันที เพราะดูเหมือนว่า การยกระดับ MotoGP ของทาง Liberty Media จะเป็นการลดความสำคัญของรุ่นรองอย่าง Moto2 และ Moto3 ที่มีศักดิ์ศรีชิงแชมป์โลกเช่นเดียวกัน

โดยในสนามถัดไปของ MotoGP ที่ประเทศญี่ปุ่น หาก มาร์ก มาร์เกซ นักบิดชาวสเปนของทีม Ducati สามารถการันตีคว้าแชมป์โลกได้ จะถูกแนะนำตัวในฐานะ แชมป์โลก MotoGP 7 สมัย ไม่ใช่แชมป์โลก 9 สมัย ที่รวมรุ่น 125cc (Moto3 ปัจจุบัน) กับ Moto2 อย่างละ 1 สมัยก่อนหน้านี้

เรื่องดังกล่าวสอดคล้องกับการที่ MotoGP ยกระดับหอเกียรติยศหรือ Hall of Fame ขึ้นมาอีกระดับ เหนือจากปัจจุบันที่ทำมาตั้งแต่ปี 2000 และให้ความสำคัญกับการแข่งขันทุกรุ่น โดยหอเกียรติยศใหม่ของ MotoGP จะเน้นที่รุ่น MotoGP โดยเฉพาะ ซึ่งผู้ที่จะมีชื่อในหอเกียรติยศนี้ ต้องคว้าแชมป์โลกรุ่นใหญ่อย่างน้อย 2 สมัย หรือชนะในรุ่นใหญ่ 24 ครั้งขึ้นไป

นอกจากนี้ ตั้งแต่ฤดูกาล 2026 เป็นต้นไป จะมีการแยกสัดส่วนพิทและโรงรถของทีมแข่งในรุ่น MotoGP กับ Moto2 และ Moto3 อย่างชัดเจน โดยสองรุ่นรองจะต้องไปใช้พื้นที่แยกต่างหาก ห้ามใช้พื้นที่เดียวกับรุ่นใหญ่ แม้ทีมเดียวกันส่งแข่งหลายรุ่นก็ตาม

ไม่เพียงเท่านั้น สื่อยังตั้งข้อสังเกตว่า ในอนาคต สถิติของรุ่นรองอาจไม่ถูกนับรวมในสถิติของนักแข่งอีกต่อไป และอนาคต การแข่งขันรุ่นรองอาจถูกลดระดับให้เหลือเป็นเพียงการแข่งขันในทวีปยุโรป พร้อมถอดสถานะการชิงแชมป์โลกไปด้วย

ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ความสำคัญของการแข่งขันรุ่นรองอาจยิ่งน้อยลงกว่าเดิม นอกจากนี้ ชื่อของนักบิดผู้ยิ่งใหญ่บนหน้าประวัติศาสตร์หลายคนอาจถูกลบเลือน อาทิ อังเคล เนียโต้ ตำนานนักบิดเจ้าของแชมป์โลก 13 สมัย (ที่เจ้าตัวมักพูดว่า 12+1 เพราะเชื่อเรื่องอาถรรพ์หมายเลข 13) ชาวสเปน ซึ่งคว้าแชมป์โลกได้กับรุ่นเล็ก แต่ไม่เคยเป็นแชมป์โลกรุ่นใหญ่

หลายคนคาดหวังว่า Liberty Media จะเข้ามายกระดับให้ MotoGP ทันสมัย ได้รับความนิยมมากขึ้นเหมือน F1 ที่ปัจจุบันเข้าสู่การเป็นกีฬากระแสหลักมากขึ้นเรื่อย ๆ จากในอดีตที่ F1 ถูกสร้างภาพลักษณ์ให้เป็น "กีฬาพรีเมียม" จนคนส่วนใหญ่เข้าไม่ถึง

แต่หาก MotoGP ถูกปรับโฉมให้มีความ "พรีเมียม" มากเกินไปจนละเลยประวัติศาสตร์ที่เคยเป็นมา ซึ่งมอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์โลก เก่าแก่กว่ารถสูตรหนึ่งเสียด้วยซ้ำ (มอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์โลก เริ่มแข่งขันในปี 1949 ส่วน F1 แข่งขันครั้งแรกในปี 1950) ก็มีความเป็นไปได้ที่แฟนกีฬาสองล้อจำนวนไม่น้อยจะต่อต้านได้เช่นกัน

 

ที่มา:

https://www.motorsport.com/motogp/news/how-liberty-medias-immersion-in-motogp-intensified-at-misano/10760291
https://www.crash.net/motogp/feature/1082004/1/libertys-reported-erasure-motogp-history-worrying-display-ignorance
https://www.the-race.com/motogp/motogps-attempts-to-mimic-f1-are-badly-missing-the-point
https://x.com/motto_motogp/status/1969328759909335514

Author

เจษฎา บุญประสม

EAT, SLEEP, TRAVEL, RACE, MAKE LOVE, REPEAT