บ็อบบี้ พอร์ทิส ฟอร์เวิร์ดตัวเก่งของ มิลวอกี้ บัคส์ ถูกบาสเกตบอล NBA สั่ง แบน 25 เกมโดยไม่รับค่าจ้าง หลังจากตรวจพบว่าเขามีสาร Tramadol ซึ่งเป็นยาแก้ปวดที่อยู่ในรายชื่อสารต้องห้ามของลีก ทำให้เขาจะไม่สามารถลงเล่นได้จนถึงวันที่ 8 เมษายน ซึ่งเป็นช่วงท้ายของฤดูกาล 2024-25
เหตุการณ์นี้เริ่มต้นขึ้นจากการที่ พอร์ทิสได้รับบาดเจ็บที่ข้อศอก และได้รับการรักษาด้วยยาแก้ปวด Toradol ซึ่งเป็นยาที่ได้รับอนุญาตจาก NBA อย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตาม เกิดความผิดพลาดขึ้นเมื่อเขาเผลอใช้ Tramadol แทน ซึ่งเป็นยาที่มีคุณสมบัติคล้ายกันแต่มีฤทธิ์ที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ
Toradol เป็นยาแก้ปวดในกลุ่ม NSAIDs (Non-Steroidal Anti-Inflammatory Drugs) ซึ่งมีฤทธิ์ลดอาการอักเสบและความเจ็บปวดโดยไม่ก่อให้เกิดการเสพติด
ในขณะที่ Tramadol เป็นยาแก้ปวดในกลุ่ม Opioid ช่วยบรรเทาอาการปวดระดับปานกลางถึงรุนแรง ซึ่งโทษของตัวยาชนิดนี้คือ หากใช้ผิดวิธีหรือใช้เป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดอาการเสพติด ง่วงซึม วิงเวียน หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือแม้แต่เกิดอาการหายใจช้าหรืออ่อนแรงลง ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต
นอกจากนั้น สหรัฐอเมริกา ยังจัดให้ Tramadol เป็น ยาควบคุมระดับ Schedule IV ตามกฎหมายของ DEA (Drug Enforcement Administration) หรือ สำนักงานปราบปรามยาเสพติด หมายความว่าต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์เท่านั้น ห้ามใช้เอง เช่นเดียวกับในประเทศไทย ที่ยาชนิดนี้ถูกจัดเป็นยาอันตราย ใช้ได้ต่อเมื่อมีใบสั่งแพทย์เท่านั้น และห้ามจำหน่ายโดยไม่มีการควบคุม
จากข้อมูลดังกล่าว เป็นไปได้ว่า บ็อบบี้พอร์ทิสไม่น่าจะได้รับ Tramadol โดยไม่ผ่านแพทย์ เเต่เป็นการเข้าใจผิดว่ายาตัวดังกล่าวเป็นยา Toradol ที่ใช้ได้ตามกฎของ NBA ก่อนที่เขาจะถูกตรวจพบสารต้องห้ามในเวลาต่อมา
พอร์ทิสแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเรื่องที่เกิดขึ้น โดยกล่าวว่า
“ผมทำพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจ และผมรู้สึกแย่มาก ผมต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ผมใส่เข้าไปในร่างกาย ผมอยากขอโทษต่อทีม มิลวอกี้ บัคส์, เพื่อนร่วมทีม, โค้ช, ครอบครัว และแฟน ๆ ทุกคน ผมจะคิดถึงช่วงเวลาที่ไม่ได้ลงสนาม แต่ผมจะทำงานหนักต่อไปและเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการกลับมาในรอบเพลย์ออฟ”
เอเย่นต์ของเขา มาร์ค บาร์เทลสไตน์ ยืนยันว่า พอร์ทิส ไม่ได้มีเจตนาใช้สารต้องห้าม และนี่เป็นความผิดพลาดที่เกิดจาก ชื่อของยาที่คล้ายกัน
“บ็อบบี้เข้าใจผิดและคิดว่าเขากำลังใช้ Toradol ซึ่งเป็นยาแก้ปวดที่ได้รับอนุญาต แต่จริง ๆ แล้วเขาใช้ Tramadol ซึ่งเพิ่งถูกเพิ่มเข้าไปในรายชื่อสารต้องห้ามเมื่อต้นปีนี้ บ็อบบี้ไม่ใช่คนใช้สารเสพติด เขามุ่งมั่นในการพัฒนาศักยภาพของตัวเองอย่างถูกต้องและถูกกฎหมาย แต่ครั้งนี้เขาพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจ”
การถูกแบนครั้งนี้สร้างผลกระทบอย่างมากต่อ มิลวอกี้ บัคส์ ที่กำลังทำอันดับเพื่อไปต่อรอบเพลย์ออฟ โดยปัจจุบันทีมมีสถิติ ชนะ 29 แพ้ 24 รั้งอันดับ 5 ของสายตะวันออก พวกเขาจะต้องลงสนามโดยไม่มีพอร์ทิสเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ซึ่งอาจส่งผลต่อโอกาสเข้ารอบเพลย์ออฟของทีม ทั้งเข้ารอบในอันดับที่แย่ลง หรืออาจต้องไปเหนื่อยในรอบเพลย์อิน หรืออาจตกรอบเลยก็ได้
จอน ฮอร์สท์ ผู้จัดการทั่วไปของทีม มิลวอกี้ บัคส์ ยืนยันว่าทีมยังคงให้การสนับสนุนพอร์ทิสอย่างเต็มที่ แม้จะต้องยอมรับโทษแบนที่เกิดขึ้น มีใจความว่า
“นี่เป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากมากสำหรับบ็อบบี้และทีมของเรา เราเคารพกฎของ NBA/NBPA Anti-Drug Program และจะปฏิบัติตามคำตัดสิน แต่เรายังคงให้การสนับสนุนเขาเต็มที่ เราเชื่อว่าหลังจากเรื่องนี้ผ่านไป เขาจะกลับมาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม”
การถูกแบนครั้งนี้ยังส่งผลต่อรายได้ของพอร์ทิส โดยตามข้อมูลของ Spotrac เขาจะสูญเสียค่าจ้างไปเกือบ 2.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 104 ล้านบาท
ฤดูกาลนี้ พอร์ทิสทำผลงานเฉลี่ย 13.7 คะแนน และ 8.3 รีบาวด์ต่อเกม ถือเป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีมตั้งแต่ฤดูกาล 2020-21 และมีบทบาทสำคัญในการช่วยทีม มิลวอกี้ บัคส์ คว้าแชมป์ NBA ในซีซั่นนั้น
แม้จะต้องพักไปนานถึง 25 เกม แต่พอร์ทิสยืนยันว่าเขาจะใช้เวลานี้ในการฟื้นฟูร่างกาย และเตรียมตัวกลับมาช่วยทีมให้เต็มที่