โทมัส โบรลิน เขาคือหนึ่งในนักเตะระดับตำนานของสวีเดน ผู้เคยพาทีมคว้าอันดับ 3 ในฟุตบอลโลกปี 1994 และเป็นชาวสวีดิชเพียงคนเดียวที่เคยมีชื่อในทีมยอดเยี่ยมของฟุตบอลโลกนับตั้งแต่ปี 1958
ทว่าเส้นทางลูกหนังของเขากลับต้องพลิกผันในแบบที่ไม่มีใครคาดคิด เมื่อเขาเลือกย้ายมาเล่นให้กับลีดส์ ยูไนเต็ด สโมสรที่เคยยิ่งใหญ่ในอังกฤษ แต่กลับทำให้ชีวิตนักฟุตบอลของเขาต้องเผชิญกับเรื่องราวที่ไม่ค่อยดีมากนัก
ย้อนกลับไปปลายปี 1995 โบรลินย้ายมายังลีดส์ หลังจบช่วงเวลาห้าปีอันรุ่งโรจน์กับปาร์ม่าในอิตาลี เขาได้รับคำมั่นจากผู้จัดการทีมในตอนนั้น
จาก ฮาวเวิร์ด วิลกินสัน ว่าจะได้ลงเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวกลาง ซึ่งเป็นบทบาทที่เขาถนัดที่สุดและเคยทำผลงานได้อย่างโดดเด่นทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ
นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้โบรลินเชื่อใจ และตัดสินใจย้ายมายัง เอลแลนด์ โร้ด ด้วยความหวังใหม่แต่ความหวังนั้นอยู่ได้ไม่นาน อาการบาดเจ็บทำให้เขาถูกโยกไปเล่นในตำแหน่งที่ไม่ถนัด
ฟอร์มของทีมก็ไม่กระเตื้อง ก่อนที่สถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายลงเมื่อสโมสรปลด วิลกินสัน ออกจากตำแหน่งในปี 1996 และแต่งตั้งจอร์จ แกรม เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ นับจากนั้น ทุกอย่างของโบรลินในอังกฤษก็เหมือนกับฝันร้าย
เขาถูกลดบทบาท ถูกกีดกันจากทีมชุดใหญ่ และที่หนักไปกว่านั้นคือสิ่งที่เขาเปิดเผยในภายหลังว่า จอร์จ แกรมถึงขั้น “ยึดพาสปอร์ตของเขาไว้” เพื่อไม่ให้เดินทางกลับไปสวีเดนได้
“ถ้าเป็นทุกวันนี้ พฤติกรรมแบบนั้นจะถูกเรียกว่าอย่างหนึ่ง... แต่ผมจะไม่พูดคำนั้นหรอกนะ” โบรลินกล่าวไว้ในบทสัมภาษณ์กับสื่อ FourFourTwo พร้อมรอยยิ้มที่ฝืนกลบความผิดหวัง
แม้จะยังได้รับเสียงสนับสนุนจากแฟนบอลบางส่วนที่เห็นใจสถานการณ์ของเขา แต่โบรลินก็ยอมรับว่า เขาไม่ได้รับการปฏิบัติเหมือนนักฟุตบอลเลย
เขาไม่มีทางเลือกนอกจากดิ้นรนด้วยตัวเองเพื่อกลับไปมีความรู้สึกว่าตัวเองยังเป็นนักเตะอาชีพ
ช่วงเวลาต่อมา โบรลิน ตัดสินใจย้ายไปเล่นให้ FC Zurich ด้วยสัญญายืมตัว พร้อมยอมลดค่าเหนื่อยลงอย่างมากเพียงเพื่อให้ได้ลงสนามอีกครั้ง
หลังจากนั้นเขาก็กลับไปที่ปาร์ม่าอีกครั้งภายใต้การคุมทีมของ คาร์โล อันเชล็อตติ คราวนี้ โบรลินถึงกับยอมควักเงินส่วนตัวเพื่อให้ดีลเกิดขึ้น
เขาเล่าว่าเป็นช่วงเวลาที่กลับมารู้สึกเป็นนักฟุตบอลอีกครั้ง และการที่โค้ชอย่างอันเชล็อตติเชื่อมั่นในตัวเขา ทำให้เขามีพลังใจเกือบพาทีมคว้าแชมป์เซเรีย อา ได้ในฤดูกาล 1996/97
ช่วงท้ายเส้นทางค้าแข้งในอังกฤษ เขาย้ายไปอยู่กับคริสตัล พาเลซ และแม้จะไม่ได้กลับมาเฉิดฉายแบบที่เคย
แต่เขาไม่มีความรู้สึกเสียใจเลยกับการเลือกย้ายมาลีดส์ เพราะในวันนั้น เขาตัดสินใจด้วยความจริงใจจากคำพูดของผู้จัดการทีมคนหนึ่งที่เขาเชื่อใจ
“เมื่อผู้จัดการบอกว่าจะให้คุณเล่นในตำแหน่งที่คุณชอบ คุณต้องเชื่อใจเขา ผมไม่เสียใจที่ไว้ใจผิด เพราะนั่นคือความจริงใจของผม” โบรลินกล่าวทิ้งท้ายไว้ด้วยน้ำเสียงที่ทั้งนิ่ง สุขุม และไม่หลบเลี่ยงความจริง
นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของนักเตะที่ไม่ประสบความสำเร็จในอังกฤษแต่มันคือบทพิสูจน์ว่า…
ต่อให้คุณเป็นนักเตะระดับโลกที่เปี่ยมด้วยพรสวรรค์หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ผิด ไม่มีใครเข้าใจ และไม่มีใครยื่นโอกาสให้
วันหนึ่ง… ความสามารถที่เคยเปล่งประกาย ก็อาจถูกบดบังจนแทบไม่เหลือแสงให้เห็นอีกเลย