เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย ณ สนามเมโทรโปลิตาโน ที่ แอตเลติโก มาดริด เปิดบ้านเอาชนะ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 2-1 แม้ มาร์กอส ยอร์เรนเต้ ห้องเครื่องของ "ตราหมี" จะไม่ได้มีชื่ออยู่บนสกอร์บอร์ดหรือมีฟอร์มที่โดดเด่น แต่เขาคือหนึ่งในแข้งที่ช่วยทีมได้ตลอดจนสิ้นเสียงนกหวีด
อย่างไรก็ตามหลายคนอาจยังไม่ทราบว่าพลังงานอันเหลือล้นที่ซ่อนอยู่ภายในตัว มาร์กอส ยอร์เรนเต้ มีที่มาจากอาหารที่มนุษย์ยุคหินรับประทานเพื่อดำรงชีวิตในอดีต
อาหารที่แข้งทีมชาติสเปนวัย 29 ปีรายนี้รับประทานก่อนพา "ตราหมี" เปิดบ้านเอาชนะ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ คือเมนูใด ... ติดตามพร้อมกันได้ที่ Main Stand
อย่างที่ทราบกันดีว่าก่อนที่นักกีฬาจะลงแข่งขันหรือฝึกซ้อม พวกเขาจะต้องเตรียมร่างกายให้พร้อมที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพักผ่อน การเตรียมอุปกรณ์ แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคงเป็นเรื่องโภชนาการ ที่ปัจจุบันจริงจังถึงขนาดสโมสรฟุตบอลส่วนใหญ่มีพ่อครัวประจำทีมคอยประกอบเมนูอาหารให้แก่นักกีฬา เพื่อควบคุมปริมาณแคลอรีรวมถึงให้ได้สารอาหารที่ครบถ้วน
ที่ผ่านมาเรามักจะได้เห็นนักฟุตบอลรับประทานอาหารจำพวกคาร์โบไฮเครต เช่น พาสต้า ขนมปัง และข้าว เป็นส่วนใหญ่ ทว่าไม่ใช่กับ มาร์กอส ยอเรนเต้ แข้งแอตฯ มาดริด ที่เมื่อคืนลงเต็มเกมช่วยทีมเอาชนะ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในบ้านของตนเอง เพราะเจ้าตัวได้ออกมาเปิดเผยว่า ตัวเขารับประทานอาหารของมนุษย์ยุคหิน อาทิ มันฝรั่ง มันเทศ และ มันสำปะหลัง เป็นประจำ โดยไม่แตะ พาสต้า ขนมปัง และข้าว แม้แต่น้อย
โดยแนวทางการรับประทานอาหารข้างต้นที่ มาร์กอส ยอเรนเต้ ใช้นั่นคือ Paleolithic หรืออีกชื่อ Caveman diet ซึ่งจะจำกัดอาหารที่รับประทานได้อยู่แค่ประเภทก่อนที่มนุษย์เราจะรู้จักการทำฟาร์มหรือเกษตรกรรมต่าง เช่น เนื้อสัตว์ที่เลี้ยงโดยกินหญ้า หรือ สัตว์โตในป่า, ปลาจากแหล่งน้ำธรรมชาติ, ผัก ผลไม้ แบบออร์แกนิก ไม่ผ่านการตัดต่อทางพันธุกรรม, ถั่วเปลือกแข็ง (อัลมอนด์ วอลนัท), น้ำมันมะกอก หรือ น้ำมันวอลนัท
ส่วนอาหารที่ห้ามรับประทานในแนวทาง Paleolithic ประกอบด้วย ข้าว เส้นก๋วยเตี๋ยว ขนมปัง ข้าวโอ๊ต ธัญพืชต่าง ๆ, ถั่วแดง, ถั่วดำ, ถั่วเขียว, ถั่วเหลือง เนื้อสัตว์แปรรูป เช่น ไส้กรอก แฮม เบค่อน กุนเชียง ลูกชิ้น, นมวัวและผลิตภัณฑ์จากนมวัว, น้ำตาล และอาหารสำเร็จรูปอาหาร
มาร์กอส ยอเรนเต้ เล่าผ่าน Cadena SER 'El Larguero' สื่อชื่อดังว่าตัวเขาดูแทบจะไม่ชายตามองอาหารแปรรูปเลย แถมเผยอีกว่าหลังจากแขวนสตั๊ดจะยังรับประทานมันฝรั่ง มันเทศ และมันสำปะหลัง ต่อไป "มื้ออาหารของผมเป็นสิ่งที่มนุษย์รับประทานในยุคหินเก่า"
"คุณจะต้องกำจัดอาหารแปรรูปพิเศษทั้งหมด อย่าแม้แต่จะชายตามองพวกมัน รวมถึงพวกซีเรียล ธัญพีช ทุกอย่างที่เป็นพาสต้า ขนมปัง ข้าวสาลี และผลิตภัณฑ์จากนมด้วย ซึ่งผมรับประทานแต่สเต็กที่ผมชอบ ปลา ไข่ ผัก และคาร์โบไฮเดรต เช่น มันฝรั่ง มันเทศ และมันสำปะหลัง"
"ผมมีวิธีการรับประทานอาหารและควบคุมน้ำหนักแบบ Paleolithic 100 เปอร์เซ็นต์ สิ่งนี้คือชีวิตประจำวันของผมและเป็นแนวทางการใช้ชีวิตของผม ด้วยการรับประทานอาหารแบบ Paleolithic ผมสามารถมีชีวิตและตายไปพร้อมกับมันได้ นั่นคือวิถีของ Paleolithic"
"สิ่งที่ผมทำไม่ใช่เพียงเพราะแค่เหตุผลด้านฟุตบอล ผมชัดเจนว่าเมื่อผมแขวนสตั๊ด ผมจะดูแลตัวเองต่อไปเรื่อย ๆ หรือมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่"
ปัจจุบันการรับประทานอาหารแบบ Paleolithic กำลังได้รับความนิยมในประเทศที่กำลังพัฒนา ซึ่งถือเป็นอาหารพื้นฐานสำหรับผู้คนกว่าครึ่งพันล้านคน และผลวิจัยของ The American Journal of Clinical Nutrition เมื่อปี 2015 มีการเปิดเผยว่าการรับประทานอาหาร Paleo ส่งผลให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น รอบเอวลดลง ระดับไตรกลีเซอไรด์ลดลง (ไขมันในเลือดที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ เบาหวาน และโรคตับ) รวมถึงความดันโลหิตลดลง
อย่างไรเสียการรับประทานอาหารแบบ Paleolithic ก็ยังมีข้อควรระวังเรื่อง การขาดสารอาหาร ซึ่งอาจส่งผลให้น้ำหนักตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง