Feature

ไวรัส หรือ อาวุธ ? : มาร์คัส แรชฟอร์ด กับโอกาสเป็นตัวท็อปครั้งสุดท้ายที่ บาร์เซโลน่า | Main Stand

หลังจากอยู่ในสถานะ "แตะต้องไม่ได้" มานาน ในที่สุด สถานการณ์ของ มาร์คัส แรชฟอร์ด และ แมนฯ ยูไนเต็ด กลายเป็นเส้นขนาน ที่ไม่สามารถบรรจบกันได้ อย่างน้อย ๆ ก็ภายใต้การทำทีมของ รูเบน อโมริม 

 

ณ ตอนนี้ แรชฟอร์ด กำลังได้ที่ลงใหม่ ซึ่งเป็นสโมสรที่กำลังติดเครื่องเดินหน้าคว้าความยิ่งใหญ่อย่าง บาร์เซโลน่า 

ภายใต้กุนซือจอมดุอย่าง ฮันซี่ ฟลิค ... แรชฟอร์ด มีโอกาสจะต้องเจอกับอะไรบ้าง และเขาจะกลับมาเก่งได้แค่ไหนในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ติดตามกับ Main Stand 

 

Now or never

มาร์คัส แรชฟอร์ด แจ้งเกิดครั้งแรกเมื่อปี 2016 ในเกม ยูโรป้า ลีก ที่เขาถูก หลุยส์ ฟาน กัล ส่งลงสนามเป็น 11 ตัวจริงในเกมกับ มิททิลลันด์ ก่อนที่จะยิง 2 ประตูในเกมนั้น จากนั้นไม่กี่วัน เขาลงเล่นและยิงใส่ อาร์เซน่อล ในเกม พรีเมียร์ ลีก อีก 2 ประตู

จากนั้นเป็นต้นมา แรชฟอร์ด ก็เป็นความหวังสูงสุดของ แมนฯ ยูไนเต็ด มาโดยเสมอ แม้กระทั่งวันนี้ ในวันที่เขาเล่นไม่ดีและกลายเป็นที่ติติงของแฟนบอลในแทบทุกสัปดาห์ ... ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ? 

เรื่องนี้จะบอกว่าคล้ายกับ "พ่อแม่รังแกฉัน" ก็คงไม่เกินเลยไปนัก นับตั้งแต่วันที่ แรชฟอร์ด เข้ามาอยู่ในทีมชุดใหญ่ของ ปีศาจแดง ก็ต้องยอมรับว่า สโมสรแห่งนี้ลงทุนอย่างผิดพลาดกับการเสริมทัพ จนไม่สามารถมีใครขึ้นมายืนเป็นตัวหลักในระยะยาวของสโมสรได้เลย ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ที่ แรชฟอร์ด จะต้องขึ้นมาเป็นคน ๆ นั้น คนที่ทีมมองหาเสมอ

เมื่ออยู่ในสถานะนี้ เขาจะได้รับการดูแลประคบประหงมเป็นอย่างดี เป็นหน้าเป็นตาของสโมสร และทุกครั้งที่สัญญาของเขากำลังจะหมด ข้อเสนอสัญญาฉบับใหม่จะต้องมาวางรอให้เขาเดินเข้ามาเซ็น คุณไม่มีทางได้เห็นเหตุการณ์แบบที่เกิดขึ้นกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ลิเวอร์พูล เหมือนกับที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ทำกับ แรชฟอร์ด แน่นอน 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไป จากเด็กดาวรุ่ง จนเป็นตัวหลักของทีม แรชฟอร์ด ก็แสดงให้เห็นสิ่งที่เขาต้องปรับปรุง ทั้งเรื่องความเข้าใจเกม การคาดการณ์สถานการณ์ล่วงหน้า ทัศนคติในการเล่นเป็นทีม หรือแม้กระทั่งการช่วยเพื่อนร่วมทีมเล่นเกมรับ ... เรื่องเหล่านี้มันควรจะดีขึ้น หรือไร้ข้อบกพร่องเลยเมื่อเขาเติบโตในขวบปีที่ผ่านไป แต่กลับกลายเป็นว่าปัญหาเหล่านี้ไม่ได้หายไป หากแต่มันกลับยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนพาเขามาถึงจุดนี้ที่ไม่มีใครคาดถึง

ไม่ว่าจะคุณจะมองเขาด้วยผลงานการยิงประตู ความมุ่งมั่นในการเล่น ความโดดเด่นในสนาม หรือคุณจะมองเขาจากเรื่องใด ๆ ก็ตามแต่ นี่คือความจริงที่แฟนปีศาจแดงไม่สามารถปฏิเสธได้เลย ... และนั่นทำให้วันแยกทางของ แรชฟอร์ด กับ ยูไนเต็ด มาถึง

โอกาสครั้งสำคัญครั้งนี้คือ บาร์เซโลน่า ทีมที่มีคุณสมบัติพิเศษ แนวทางที่เป็นเอกลักษณ์ และเป็นทีมที่มีทัศนคติเป็นผู้ชนะยิ่งกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ณ ตอนนี้ ... คำถามคือการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างที่ แรชฟอร์ด จะต้องเจอ เพราะนี่คือการย้ายทีมที่สามารถพูดได้เต็มปากว่า "Now or never" นั่นคือคุณจะต้องเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองตั้งแต่วันนี้ หรือไม่ ... โอกาสดี ๆ แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นกับเขาอีกแล้ว

 

(โอกาส) ดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

บาร์เซโลน่า เป็นทีมที่มีปัญหาเรื่องบัญชีรายรับรายจ่ายมาตลอดช่วงหลายปีหลัง ดังนั้นการที่พวกเขาคว้าตัว แรชฟอร์ด พร้อมแบกค่าเหนื่อยของนักเตะถึง 100% ซึ่งค่าเหนื่อยของ แรชฟอร์ด ก็ไม่ใช่ถูก ๆ แม้จะยอมลดลงมาบ้างตามข่าว แต่มันก็หมายความว่า บาร์ซ่า ไม่ได้หลับหูหลับตาเซ็นเขามาร่วมทีมเพียงเพราะชื่อเสียงหรือการตลาดอย่างเดียวแน่นอน พวกเขามีวิธีที่จะใช้งานตัวรุกชาวอังกฤษคนนี้ไว้แล้ว นั่นคือสิ่งเราพอจะคาดเดาจากสถานการณ์ได้ 

ยิ่งก่อนหน้านี้ 1 เดือน บาร์ซ่า มีข่าวกับนักเตะปีกซ้ายอย่าง นิโก้ วิลเลี่ยมส์ ของ แอธเลติก บิลเบา ด้วย มันยิ่งเห็นได้ชัดว่า "หน้าซ้าย" ในตำแหน่งแบบเดียวกับ แรชฟอร์ด เป็นสิ่งที่ บาร์เซโลน่า ต้องการติดอาวุธเพิ่มเติม 

สื่อในสเปนหลายเจ้าบอกว่า ฮันซี่ ฟลิค กุนซือของ บาร์ซ่า ได้คุยกับ แรชฟอร์ด เรื่องแผนการและโปรเจ็กต์ของทีมไปเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งมีการบอกว่า แรชฟอร์ด จะได้เล่นในตำแหน่งถนัดที่สุดคือตัวรุกฝั่งซ้าย เนื่องจากในฤดูกาลที่จะถึงนี้ ฟลิค มีแผนจะโยกเอา ราฟินญ่า หนึ่งในกัปตันทีม กลับมายืนเป็นตัวรุกตรงกลาง จากที่เคยเล่นปีกซ้ายเป็นหลัก คำถามนี้มันจึงเด้งกลับไปที่ แรชฟอร์ด ว่านี่คือโอกาสสำคัญที่เขาไม่มีอะไรให้อ้างได้อีกแล้ว เขาอยู่ในทีมที่ยอดเยี่ยม มีกลุ่มนักเตะฝีเท้าคุณภาพ มีรูปแบบการเล่นที่ชัดเจน แถมยังมีตำแหน่งว่าง 1 ที่ ซึ่งเป็นตำแหน่งถนัดของเขาพอดี ... นี่คือเดิมพันครั้งสำคัญของเขาจริง ๆ 

บาร์เซโลน่า ในยุคของ ฟลิค มีวิธีการที่แต่งเติมจากโมเดล Tiki-Taka ขึ้นมาพอสมควร สังเกตได้จากฤดูกาล 2024-25 พวกเขายังคงเป็นที่ให้ความสำคัญเรื่องการครองบอลการเคลื่อนที่ในพื้นที่แคบ และการจ่ายบอลที่แม่นยำ ไม่ต่างจากเดิม ทว่าในสถานการณ์เปลี่ยนรับเป็นรุก ฮันซี่ ฟลิค มักจะเล่นฟุตบอลไดเร็กต์มากขึ้น เมื่อมีโอกาสเอาฟุตบอลขึ้นหน้า บาร์ซ่า พร้อมจะทิ้งบอลให้เหล่าตัวรุกใช้ความเร็วและเทคนิคส่วนตัวเอาชนะคู่ต่อสู้ในสถานการณ์ 1-1 ทันที 

เรื่องดังกล่าวยืนยันได้จากสถิติการเคลื่อนบอลขึ้นหน้า ที่อยู่ที่ 1.77 เมตร/วินาที รวดเร็วที่สุดเมื่อเทียบกับทุกทีมที่ลงเล่นใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นอกจากนี้ยังมีตัวเลขการผ่านบอลแบบทะลุแนวรับคู่แข่งมากขึ้น โดยอาศัยการสวิตช์บอลเปลี่ยนฝั่งเพื่อทำให้แนวตั้งรับของคู่แข่งเสียสมดุล จากนั้นจึงวางบอลทะลุขึ้นแนวรุกอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นวิธีการที่เราเห็นพวกเขาทำประตูได้มากมายในซีซั่นที่ผ่านมา

เชื่อว่าหากให้หลับตาแล้วลองนึกภาพการเข้าทำแบบ บาร์เซโลน่า ในยุค ฟลิค ก็พอจะบอกว่ามันเป็นแนวทางที่เหมาะกับ แรชฟอร์ด เพราะการวิ่งตัดหลังแนวรับคู่แข่งถือเป็นสิ่งที่เขาทำให้เห็นบ่อย ๆ อีกทั้งเรื่องสปีดความเร็ว ความแข็งแกร่งในการเอาชนะคู่ต่อสู้โดยไม่มีบอล ถือเป็นสิ่งที่เขาได้ดีในช่วงเวลาพีก ๆ กับ ยูไนเต็ด มันจึงชวนให้คิดว่า เขาอาจจะไปได้ดีกับต้นสังกัดใหม่อย่าง บาร์เซโลน่า ก็เป็นได้ หากเขา "ตั้งใจ" ที่จะศึกษาและปรับตัว เพื่อให้เข้าใจวิธีการเล่นของทีมและเพื่อนร่วมทีมอย่างแตกฉาน 

สิ่งที่ แรชฟอร์ด จะต้องพัฒนาหลัก ๆ ก็คือทักษะการเล่นบอลจังหวะแรก การหาพื้นที่แทรกระหว่างไลน์กองหลัง และการทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมทีมที่เป็นหัวใจของ บาร์ซ่า ... เขาจะไม่สามารถเล่นฟุตบอลชายเดี่ยวแบบที่ชอบโดนแฟน ๆ แซวได้อีกแล้วหากอยากเกิดใหม่ในถิ่น คัมป์ นู

เขาจะต้องเริ่มเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ หลายอย่าง สิ่งรอบตัวที่เกิดขึ้นจากการเข้าทำและต่อเกมของเพื่อนร่วมทีมจะเป็นเหมือนการบังคับให้เขาพัฒนาจุดอ่อนเรื่องการ "อ่านเกม" และการ "ตัดสินใจ" ให้เร็วขึ้นกว่าที่เคย ซึ่งตอนอยู่อังกฤษ นี่คือจุดที่เขาโดนติติงมาโดยตลอด ... 

นั่นคือเรื่องในสนามที่พอจะคาดเดาได้ เพียงแต่ฟุตบอลมันไม่ได้มีแค่นั้น มันยังมีปัจจัยนอกสนามที่จำเป็นไม่แพ้กันอีกด้วย 

 

ที่นี่ … ไม่มีคนโอ๋

แรชฟอร์ด ไม่ใช่เด็กท้องถิ่น ไม่ใช่สตาร์เบอร์ 1 อีกต่อไปนับตั้งแต่เขาเลือกมา บาร์เซโลน่า ... เขาจะกลายเป็นผู้มาใหม่ที่ต้องปรับตัวเข้าหาทีม มากกว่ารอให้คนอื่นปรับเข้ามาหาเขาเองแบบที่ผ่าน ๆ มา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทำงานกับ ฮันซี่ ฟลิค 

ฟลิค คือกุนซือที่มี DNA แบบชาวด๊อยช์แท้ ๆ เป็นคนที่เรียกร้องสิ่งที่ดีที่สุดจากนักเตะของตัวเองเสมอ ฟลิค เป็นคนที่แข็งกร้าว เชื่อมั่นในระบบและแนวทางของการทำงานร่วมกัน ไม่อ่อนข้อให้กับข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ... เขาพยายามจัดการทุกอย่างเท่าที่ตัวเองจัดการได้ และนั่นคือวิธีการที่ทำให้นักเตะ บาร์เซโลน่า ให้ใจกับเขา

แหล่งข่าวใกล้ชิดเปิดเผยกับ ESPN อีกว่า ข้อความที่ฟลิกส่งถึงนักเตะ บาร์เซโลน่า นั้น "ตรงไปตรงมาและชัดเจน" ความตรงต่อเวลาคือหนึ่งในความเชื่อพื้นฐานของเขา แต่เขาก็ไม่ได้ออกกฎเกณฑ์อะไรมากมายเกินกว่านั้น ไม่มีระบบปรับหรือลงโทษใด ๆ ทั้งสิ้น เขาปล่อยให้นักเตะดูแลตัวเอง และเห็นคุณค่าของจุดที่พวกเขากำลังยืนอยู่ และรู้ว่างานที่พวกเขาทำสำคัญแค่ไหน 

ตรงนี้แหละที่ แรชฟอร์ด ต้องปรับหนัก ๆ เลย เนื่องจากช่วงเวลาท้าย ๆ กับ ยูไนเต็ด เจ้าตัวขึ้นชื่อเรื่องการออกจากระเบียบวินัย ตั้งแต่เรื่องเล็ก ๆ อย่างการไม่ตรงต่อเวลา หรือเรื่องที่ใหญ่กว่า เช่นการแอบไปปาร์ตี้ยามดึก ซึ่งหากเกิดขึ้นใน บาร์เซโลน่า ที่มี ฟลิค เป็นเจ้านาย ก็คงการันตีได้ว่าเป็นเรื่องใหญ่แน่ ๆ แต่อาจจะเดาไม่ออกว่า แรชฟอร์ด จะต้องเจอกับอะไร เพราะนักเตะหนุ่มของ บาร์ซ่า ก็ไม่เคยมีปัญหาเรื่องเหล่านี้หลุดออกมาเป็นข่าวให้เห็นเท่าไรนัก 

อีกข้อสำคัญมาก ๆ คือเรื่องความฟิต ... ฟุตบอลของ ฟลิค ไม่ฟิต อยู่ไม่ได้ เขาจริงจังกับเรื่องนี้มาก ๆ ถึงขั้นที่ขอให้สโมสรจ้างโค้ชฟิตเนสและทีมที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องนี้เข้ามาดูแลนักเตะในทีม เป้าหมายของการจ้างทีมดูแลชั้นดีก็เพราะว่า ฟลิค อยากจะเห็นนักเตะของเขามีแรงและความฟิตพอที่จะเล่นในความเข้มข้นระดับสูงได้ครบ 90 นาที 

นี่คือสิ่งที่รอ แรชฟอร์ด อยู่ และเขาต้องแสดงให้เห็นว่าตนเองสามารถเปลี่ยนจากนักเตะที่วินัยไม่ดี แถมยังมีทัศนคติในการเล่นเกมรับที่สอบตก กลายเป็นนักเตะที่สามารถตอบโจทย์ของ ฟลิค ได้

เพราะที่นี่ไม่มีใครคอยโอ๋เขาอีกต่อไปแล้ว ฟลิค เองก็พูดมาเสมอว่า หากเขามีปัญหากับตำแหน่งไหน เขาก็สามารถมองหาคนขึ้นมาเล่นตำแหน่งนั้นได้จากศูนย์ฝึก ลา มาเซีย ซึ่งเป็นขุมทรัพย์ที่ล้ำค่าของสโมสร ถ้า แรชฟอร์ด ปรับตัวเข้ากับฟุตบอลของ ฟลิค ไม่ได้ ก็จะมีตัวเลือกอื่น ๆ อีกหลายคนเข้ามาแทนที่เขาตลอดเวลา

อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้วนี่คือการเริ่มต้น เหมือนการเปิดหนังสือเล่มใหม่ของ แรชฟอร์ด ที่นี่แม้เขาจะต้องปรับตัวกับเรื่องภาษา เรื่องวินัย และเรื่องการเล่นในสนาม แต่อย่างน้อย ๆ มันก็มีข้อดีที่เขาจะได้เปลี่ยนบรรยากาศ และลดการถูกจับตาลงบ้าง จากที่เคยโดนสื่ออังกฤษเล่นงานประจำทุกครั้งที่พลาด และโดนแฟน ยูไนเต็ด วิจารณ์หนัก ๆ มาเสมอ ตอนนี้เขาจะได้ออกห่างสิ่งเหล่านี้เพื่อผจญภัยครั้งใหม่ และการไปเล่นในสเปนอาจช่วยให้เขามีอิสระทางจิตใจมากขึ้น 

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เขาคือนักฟุตบอลอาชีพ นี่คือสิ่งที่เขาต้องเจอ ... จะแพ้เป็นถ่าน หรือผ่านเป็นเพชร เจ้าตัวเท่านั้นที่จะตัดสิน และรถด่วนขบวนนี้จะบังคับให้เขาต้องพยายามมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน 

 

แหล่งอ้างอิง

https://www.teamtalk.com/manchester-united/man-utd-initiate-shock-marcus-rashford-sale-brutal-reason-why-transfer-timeline-revealed
https://www.teamtalk.com/manchester-united/erik-ten-hag-reveals-reason-for-shock-rashford-axing-united-draw-amid-more-conspiracy-theories
https://www.theguardian.com/football/2024/sep/12/hansi-flick-quietly-getting-everything-right-in-perfect-start-at-barcelona
https://www.espn.com/soccer/story/_/id/41209865/barcelona-hansi-flick-laliga-renaissance-laporta-xavi
https://www.barcablaugranes.com/2024/9/3/24234303/alejandro-balde-discusses-whats-changed-at-barcelona-under-hansi-flick
https://www.goal.com/en/lists/hansi-flick-reveals-key-barcelona-tactical-change-hints-at-move-away-from-possession-based-style/blt03eb4b5aec29753d
https://totalfootballanalysis.com/coaches/hansi-flick/hansi-flick-barcelona-202425-tactical-analysis-tactics?utm_source=chatgpt.com

Author

ชยันธร ใจมูล

นักเขียนลูกสอง จองเรื่องฟุตบอลและมวยโลก รู้จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่เขียนแล้วอินทุกเรื่อง

Photo

วัชพงษ์ ดวงแปง

Main Stand's Backroom staff

Graphic

อรรนพ สะตะ

graphic design ผู้ชื่นชอบกีฬาฮอกกี้, เกมส์, เดินเขา เป็นชีวิตจิตใจ