จอห์น ดูรัน ลงเล่นให้ แอสตัน วิลล่า ในซีซั่น 2024-25 เพียง 745 นาที (นับถึงวันที่ 9 ธันวาคม 2024) โดยมีแค่ 4 เกมที่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ทว่าเขากลับยิงไปแล้วถึง 9 ลูก และส่วนใหญ่เป็นลูกยิงระดับชี้ขาดชัยชนะ พาทีมเก็บ 3 แต้มแทบทั้งสิ้น
ผลงานที่ยิ่งดูยิ่งเด่น จึงทำให้เราอยากนำเรื่องราวของเขามาให้คุณรู้จัก กองหน้าที่ชอบยิงจากทุกระยะ เป็นตัวแสบที่เพื่อนร่วมทีมถึงขั้นบอกว่า "การมีเขาอยู่ในทีมเหมือนฝันร้าย และความมหัศจรรย์ในเวลาเดียวกัน"
ติดตามเรื่องราวชีวิตนักเตะที่เกือบมาไม่ถึงจุดนี้ของ จอห์น ดูรัน ที่นี่กับ Main Stand
ชีวิตติดลบของ ด.ช. จอห์น
วิลเบิร์ธ เปเรีย เจ้าหน้าที่แผนกเยาวชนของสโมสร เอ็นวิกาโด (Envigado) ได้รับมอบหมายให้ออกเดินทางไปชมเกมฟุตบอลเด็กนักเรียนชิงแชมป์ประเทศโคลอมเบียที่ชื่อว่า Pony Futbal เมื่อราวปี 2015 หรือ 9 ปีก่อน
หน้าที่ของ เปเรีย คือมองหาเด็กที่อายุต่ำกว่า 14 ปี ดึงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของศูนย์ฝึกของทีม เอ็นวิกาโด ซึ่งเขาก็เห็นเด็กตัวสูงคนหนึ่งในรุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี กำลังเล่นอย่างดุเดือดเกินรุ่นอายุ เด็กคนนั้นตัวสูง แต่ผอมแห้ง พับแขนเสื้อ เข้าบอลหนัก และเล่นแบบใส่อารมณ์ในทุกจังหวะ แน่นอน นั่นคือ จอห์น ดูรัน
"ผมเจอเขาครั้งแรกตอนเขาอายุ 11 ปี มีคาแร็คเตอร์ดีมาก สูง ผอม แต่กระหายที่จะพัฒนาตัวเอง ผมเข้าไปคุยกับครูของเขา และจำเป็นต้องไปขอตัวเขาจากโรงเรียนที่เรียนอยู่ให้มาซ้อมกับทีมของเรา ข้อแม้ ณ ตอนนั้นไม่มีอะไรเลย นอกเสียจากว่าเขาต้องห้ามทิ้งเรื่องการเรียนเด็ดขาด นั่นคือคำขาดที่ผมใช้ชื่อตัวเองไปรับประกัน" เปเรีย เล่าย้อนไป
ดูรัน เป็นเหมือนคำโบราณที่ว่า "ม้าดีต้องพยศ" เพราะสิ่งที่ เปเรีย เล่ามาแต่ละอย่างนั้นเขาดูแสบมาก โดยเฉพาะเรื่องเรียนที่เจ้าตัวอยากจะเป็นนักฟุตบอลอย่างเดียว ไม่สนใจหนังสือหนังหา ซึ่งกว่าจะหาตัวได้ ทางโรงเรียนก็เกือบที่จะยกเลิกใบอนุญาตให้ออกไปแข่งขันฟุตบอลกับทีม เอ็นวิกาโด เลยด้วยซ้ำ
"ก่อนแข่งเกมหนึ่งผมทำเหมือนเดิมทุกครั้ง นั่นคือไปขอใบอนุญาตจากโรงเรียนของเขา ผมเจอ ผอ. และเขาบอกผมว่า คุณลองไปหาเด็กคนนี้ให้เจอแล้ว ถ้าเจอผมจะออกใบอนุญาตให้ ... แน่นอนเขาไม่ได้อยู่ในห้องเรียน และไม่ไปโรงเรียนด้วย"
"ผมปรี๊ดแตกเลยในตอนนั้น ผมขับรถตรงไปที่บ้านเขาที่อยู่ใกล้ ๆ โรงเรียนทันที เปิดประตูเข้าไป ไอ้เด็กนี่มันกำลังนั่งเต๊ะมาดฟังเพลงเร็กเก้อย่างสบายใจเฉิบ ... สาบานได้เลยผมโคตรอยากจะหักคอเขาตรงนั้น เพราะผมเสียสละตัวเองเพื่อเขามากมาย เพื่อให้เขาได้ใบอนุญาตนั้น แต่เขาดันไม่สนใจเลย"
"ผมถามเขาว่าทำไมมันเป็นแบบนี้ เขาตอบกลับ ไม่รู้สิ ผมชอบอยู่กับลูกฟุตบอลมากกว่าสมุดและหนังสือ" เปเรีย เล่าย้อน
ทั้งสองคนนั่งคุยกันอย่างละเอียดว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นแบบไหน เปเรีย อธิบายทุกอย่างที่ดูรันต้องรู้ ซึ่งก็จบลงด้วยการสะท้อนให้เห็นว่าสิ่งที่เขาเป็นอยู่ ณ ตอนนี้ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต หากเขาตั้งใจเรียนและตั้งใจเล่นฟุตบอล และสโมสรแห่งนี้ไม่เคยง้อนักเตะดาวรุ่งคนไหน ถ้าเขายังมองผ่านโอกาสนี้ มันจะไม่ย้อนกลับมาเป็นครั้งที่ 2
ต้องคุยกันแบบเป็นผู้ใหญ่ดูรันจึงจะเข้าใจ นักเตะจากเขตพื้นที่ยากจนที่ชื่อว่า อันติโอเกีย มีประชากรแค่ 24,000 คน ส่วนใหญ่ทำอาชีพรับจ้างทำสวนทำไร่ ... ไม่แปลกเลยที่ดูรันจะไม่อยากเรียน เพราะเขาเห็นมาตั้งแต่เด็กว่า พ่อ แม่ ปู่ ย่า ต้องพยายามอย่างมากในการทำงาน หาเงินมาให้เขาเรียนหนังสือ เขาจึงอยากจะทำงานเพื่อช่วยลดภาระตรงนี้ ... โชคยังดีที่ เปเรีย อธิบายหลักการบางอย่าง โดยเฉพาะเรื่องการเสียสละปัจจุบัน เพื่ออนาคตที่ดีกว่าเดิม
"การเติบโตมาในพื้นที่ยากจนมันบอกอะไรได้มากกว่าแค่เรื่องของฐานะ อย่าง จอห์น เขาอยากจะเป็นผู้ใหญ่เพราะเห็นความดิ้นรนของคนวัยทำงานรอบตัว ไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ ที่บ้านของเขา ทุกอย่างต้องทำงานแลกมา โชคยังดีที่เขารับรู้ว่าเขาสามารถพัฒนาตัวเองได้" เปเรีย กล่าว
ดูรัน กลับมาตั้งใจตั้งแต่ตอนนั้น ทำตัวเป็นเด็กดี อาจจะไม่มากนักแต่อย่างน้อยก็ดีกว่าเดิม ถึงจะเรียนไม่เก่งก็ยังมีความพยายาม ไม่ขาดเรียนไม่ทำตัวมีปัญหา และเมื่อชีวิตเริ่มลงล็อก ฟุตบอลก็พร้อมไปต่อ ซึ่งใครเลยจะรู้ว่าสโมสร เอ็นวิกาโด คือที่ที่ถูกยกให้เป็นศูนย์พัฒนาเยาวชนชั้น 1 ของอเมริกาใต้ และขึ้นชื่อเรื่องการให้โอกาสนักเตะจากอคาเดมี่ลงสนามในฐานะทีมชุดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกอีกด้วย
เอ็นวิกาโด ... โรงเรียนชีวิต
ข้อมูลจาก CIES Football Observatory ระบุว่าสโมสร เอ็นวิกาโด ถือเป็นสโมสรอันดับที่ 2 ของโลกในการให้โอกาสนักเตะจากอคาเดมี่ลงสนามในฐานะทีมชุดใหญ่ ต่อจาก แอธเลติก บิลเบา ในสเปน และเมื่อย้อนกลับไปเราพบว่าสโมสรแห่งนี้ไม่เคยมีแชมป์ถ้วยใหญ่ประดับทีมเลยในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา แต่ดูจากนักเตะที่พวกเขาสร้างถือว่าไม่ธรรมดา นักเตะระดับทีมชาติโคลอมเบียหลายคนเกิดที่นี่ อาทิ ฮาเมส โรดริเกซ, ฮวน เฟอร์นันโด กินเตโร, มาเตอุส อูริเบ, เฟรดี กัวริน และ ยาเซอร์ อัสปริญ่า
อาจจะเป็นเพราะ เอ็นวิกาโด คือสโมสรที่มอบโอกาสให้กับนักเตะเยาวชนมากที่สุด พวกเขาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากจนคู่ควรกับอันดับที่ได้ ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น นอกจาก เอ็นวิกาโด จะให้โอกาสกับเด็กอายุน้อย ๆ ในสนามหญ้าแล้ว สโมสรยังให้โอกาสครอบครัวของนักเตะที่อยู่ไกลได้ย้ายมาอยู่กับตัวนักเตะในอพาร์ทเมนต์ที่สโมสรจัดหาเอาไว้ให้ ซึ่งข้อนี้แหละที่ครอบครัวของ ดูรัน ได้ย้ายเขามาอยู่ใกล้ ๆ สโมสรด้วย
การมีครอบครัวมาอยู่ใกล้ ๆ สำคัญกับพัฒนาการของ ดูรัน มาก เพราะเดิมทีเขาเป็นคนใจร้อนชอบเถียง และมีอารมณ์ตอนเล่นฟุตบอล แต่นั่นเป็นบุคลิกที่จะหายไปตอนที่เขาอยู่กับครอบครัว ดังนั้นเมื่อมีครอบครัวมาอยู่ใกล้ ๆ เขาก็บาลานซ์เรื่องอารมณ์ได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะทั้งในและนอกสนาม
ที่เหลือก็เป็นการพัฒนาตัวเองไปตามทรงของนักเตะอเมริกาใต้ ที่เน้นเรื่องเทคนิคต่าง ๆ จน ดูรัน ที่เริ่มต้นในฐานะปีกหรือตัวริมเส้นโดดเด่นเรื่องการครองบอล และการเอาตัวรอดจากการเข้าปะทะได้ดี
ยิ่งตอนที่เขาอายุ 16 ปี ดูรัน มีร่างกายที่ใหญ่ขึ้นมาก จากเด็กตัวผอมสูงในอดีต เมื่อได้กินอาหารที่ถูกหลัก พักผ่อนถูกเวลา และมีโฟกัสที่ฟุตบอลและการเรียนแค่ 2 อย่าง ทำให้ร่างกายของเขาใหญ่โตขึ้นมา กล้ามเนื้อของดูรันเป็นเหมือนสิ่งที่สวรรค์ให้มา เพราะเป็นมัดกล้ามที่แข็งแรง โดยเจ้าตัวบอกว่าเขาแค่เข้ายิมตามโปรแกรมที่สโมสรตั้งไว้ให้ ไม่มีการฝึกเองหรือเล่นนอกเวลา แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่มันจะใหญ่ขึ้นมาจนทำให้เขาแข็งแกร่งพอที่จะเล่นตำแหน่งที่เล่นได้ยากที่สุด นั่นคือการเล่นในตำแหน่งกองหน้าหมายเลข 9
ดูรัน ขึ้นชุดใหญ่ของ เอ็นวิกาโด ตั้งแต่อายุ 16 ปี และได้เป็นผู้เล่นตัวหลักจริงจังตอนอายุ 17 ปี อยู่กับสโมสรแค่ 2 ปีเท่านั้น พออายุได้ 18 เจ้าตัวก็ถูกขายให้กับสโมสร ชิคาโก ไฟร์ ในเมเจอร์ลีก ซอคเก้อร์ อเมริกา ซึ่งเหตุผลที่ได้ย้ายทีมไปเล่นในต่างประเทศไวขนาดนี้ส่วนหนึ่งก็ต้องยกความดีความชอบให้เรื่องโชคชะตาด้วย
เรื่องมันมีอยู่ว่า เซบาสเตียน เพลเซอร์ อดีตผู้เล่นของ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ที่เข้าเป็นประธานเทคนิคของ ชิคาโก ไฟร์ หลังแขวนสตั๊ด ได้รับมอบหมายมาว่าต้องพยาหากองหลังดาวรุ่งฝีเท้าดีจากอเมริกาใต้มาเสริมทัพ ซึ่งก็มีหลายที่ที่ได้ลิสต์ไว้ แต่ที่ เอ็นวิกาโด คือที่แรกที่เขาไป และนั่นคือเรื่องบังเอิญที่ทำให้เขาได้เจอ จอห์น ดูรัน
เพลเซอร์ ไปหากองหลัง และกองหลังคนที่เขามองไว้ จะต้องดวลกับ ดูรัน ในเกมดังกล่าว ภาพที่เห็นคือเป้าหมายที่เขาตั้งใจมาดูโดนดูรันถล่มเละ เด็กอายุ 18 ปี คนนี้แข็งแรง รวดเร็ว และมีความดุดันไม่กลัวใคร ชนิดที่ว่าเตะมาก็เตะกลับ ไม่มีหงอ นั่นแหละที่ทำให้ เพลเซอร์ ตั้งใจดู ดูรัน ทันที
"ตอนนั้นผมกำลังดู คาร์ลอส เตอราน ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของเรา ... จากนั้น จอห์น ก็ลงมาแล้วก็คุณก็รู้ได้เลยว่าหมอนี่เก่งแค่ไหน ในภาษาแมวมองเขาเรียกว่านักเตะที่มีพรสวรรค์ตั้งแต่กำเนิด มีความเร็ว มีสปีดต้น และเล่นลูกกลางอากาศได้แข็งแกร่งมาก กองหลังเอาเขาไม่อยู่แน่ ๆ"
"พูดตรง ๆ จากที่ผมเคยเล่นในอังกฤษผมคาดเดาว่าเขามีคุณสมบัติดีมากที่จะเล่นในอังกฤษ แต่เขาอาจจะต้องถูกขัดเกลาอีกนิด ซึ่งไม่กี่สัปดาห์หลังจากนั้น เราก็คว้าตัวมาร่วมทีมได้สำเร็จ"
"การที่เขาเตรียมตัวมาอย่างดีนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเรา" เพลเซอร์กล่าว "เราฝึกเขาให้เร่งความเร็ว ใช้เทคนิค จบการแข่งขัน และกระโดดหลาย ๆ ครั้ง"
"คุณจะเห็นได้ว่าตัวเลขในแต่ละสัปดาห์นั้นดีขึ้นเรื่อย ๆ แนวโน้มกำลังดำเนินไปในทิศทางที่คุณสามารถเห็นได้ หากเขาฝึกซ้อมได้ดีและมุ่งมั่นกับงานของเขา เขาจะสามารถไปถึงระดับที่ดีได้"
ข้ามขั้นตอนของการเล่นในเมเจอร์ลีกไปได้เลย เพราะ ดูรัน ก็เล่นได้ดีเสมอ เป็นเบอร์ 9 ตัวพักตัวยิงตัวเล่นในกรอบที่มีคุณภาพแบบหาตัวจับในลีกยาก ซึ่งช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล 2022-23 แอสตัน วิลล่า ก็ยื่นซื้อตัวเขาด้วยราคารวม ๆ ที่ 16 ล้านปอนด์ ... ชิคาโก้ ไฟร์ ทำกำไรราว 14 ล้านปอนด์ในช่วงเวลาสั้น ๆ เพียงปีนิด ๆ และนี่คือดีลที่พวกเขาพร้อมรับข้อเสนอแบบด่วน ๆ เลยทีเดียว
ดูรัน ลงเป็นยิง
ในเดือนมกราคม 2023 อูไน เอเมรี ผู้จัดการทีมวิลล่าได้เซ็นสัญญากับ ดูรัน เป็นรายที่ 2 ในยุคของเขา โดยมีการระบุภายหลังว่า ดูรัน ขอให้ ชิคาโก ไฟร์ ปล่อยเขา เพราะเขาอยากจะมาที่พรีเมียร์ลีก
ในช่วงแรก ๆ เขาเป็นตัวสำรองของ โอลลี่ วัตกินส์ และอาจจะยังไม่มีใครรู้จักเขามากนัก ทว่ากระแสเริ่มมาดังขึ้นในฤดูกาล 2023-24 ที่ วิลล่า ลงเล่นหลายรายการ ซึ่ง ดูรัน ยิงได้ 8 ประตู รวมถึงยิง 2 ลูกใส่ทีมอย่าง ลิเวอร์พูล อีกด้วย
ดูรัน มีความยโสโอหังในตัวพอสมควร เขาเป็นคนที่ชอบเก็บตัวในช่วงแรก แต่ในช่วงที่ฟอร์มเริ่มดี เขาเริ่มสนิทกับซีเนียร์ของทีมอย่าง จอน แม็คกินน์ ที่ทำให้สถานการณ์ของ ดูรัน ในทีมเริ่มดีขึ้น
"บิ๊กจอห์น เป็นคนที่บ้ามาก ... บางครั้งการมีเขาอยู่ในทีมมันก็เหมือนฝันร้าย แต่บางครั้งก็เขาแสดงศักยภาพสุดมหัศจรรย์ของเขาออก" แม็คกินน์ กล่าว
จอห์น เริ่มเล่นมุกตลกกับคนอื่นมากขึ้น เริ่มพูดภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น แต่แล้วเขาก็ทำให้หลายคนโกรธเขาจากการทำตัวไม่เหมาะสมด้วยการประกาศตัวแบบกลาย ๆ ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ว่าเขาต้องการย้ายไปเล่นให้กับ เชลซี หลังมีข่าวว่า สิงห์บลูส์ ติดต่อมา โดยเหตุผลหลัก ๆ คือเขาคิดว่าเขาควรจะได้โอกาสลงสนามมากกว่านี้ แม้จะมี วัตกินส์ ดาวซัลโวประจำทีมขวางทางอยู่ก็ตาม
บางสื่อถึงกับอ้างว่า ดูรัน เชื่อว่าตนเองเป็นกองหน้าที่เก่งกว่าที่ วัตกินส์ เป็นด้วยซ้ำ ... เขาทำตัวเป็นปัญหา แต่ อูไน เอเมรี่ มีวิธีรับมือที่ดีมาก ดูรัน อยากจะย้ายทีมแบบสุด ๆ แต่ เอเมรี่ ทำให้เขาเข้าใจว่า ณ ตอนนี้เขาอยู่จุดไหน และในอนาคตเขามีสิทธิ์เดินทางไปถึงจุดใด ... มันเหมือนตอนที่ เปเรีย เตือนสติเขาตอนที่เขายังเป็นนักเรียน และเรื่องนี้ทำให้ ดูรัน เย็นใจลง และไม่ทำตัวให้เป็นกระแสที่ทำให้แฟนบอลไม่พอใจอีกต่อไป
"ต้องยกเครดิตให้เอเมรี่ เมื่อคุณมีผู้เล่นที่ต้องการย้ายออก โดยปกติแล้วผู้จัดการทีมจะบอกว่าปล่อยเขาไป"
"เขาโอบแขนของเขาไว้รอบตัวเขาแล้วพูดว่า 'นายจะได้โอกาส เราต้องการนาย' และนั่นคือหลักฐานที่ดีที่สุด ความแตกต่างที่เขาสร้างให้เกิดขึ้นนั้นยิ่งใหญ่มาก ทั้งสองฝ่าย ทั้งผู้เล่นและฝ่ายบริหาร จะบอกว่าพวกเขาทำได้ดี" โธมัส ฮิตเซิลสเปอร์เกอร์ อดีตกองกลางของแอสตัน วิลล่า ให้สัมภาษณ์ในรายการ BBC
ถึงตอนนี้ ดูรัน เป็นกองหน้าเบอร์ 9 ที่ยิงประตูแทบทุกเกมที่ได้ลงเล่น แอสตัน วิลล่า เริ่มต้องคิดหนักแล้วว่าเขาหรือวัตกินส์ ใครควรได้ออกสตาร์ท เพียงแต่หนนี้มันแตกต่างตรงที่เขาไม่ได้กดดันด้วยคำพูดหรือการแสดงออกผ่านโซเชี่ยลมีเดีย แต่เขาใช้ความสามารถและผลงานในสนามเป็นตัวกดดันแทน ซึ่งนี่คือวิธีที่ถูกต้องที่สุดสำหรับนักเตะระดับท็อป และนักฟุตบอลอาชีพทุก ๆ คน
ข้อดีของ จอห์น ดูรัน ถูกเปิดเผยโดย มอร์แกน โรเจอร์ส ตัวรุกรุ่นราวคราวเดียวกันที่ออกมาชมว่า เวลาที่เล่นกับ ดูรัน สิ่งหนึ่งที่เชื่อถือได้คือเรื่องสมาธิ ความเยือกเย็น เอาชนะสถานการณ์กดดันได้ดี เหนือสิ่งอื่นใดคือ ดูรัน ขยันไล่บอลและปะทะกับกองหลังคู่แข่งตลอด มันทำให้นักเตะตำแหน่งอื่นเล่นง่ายขึ้น
"ตอนที่ จอห์น ดูรัน มาถึงสโมสร ผมไม่รู้เลยว่าเขาอายุ 20 ปี คือเขาไม่เหมือนเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับผมเลยแม้แต้น้อย วิธีการที่เขาเล่น เขามักจะเป็นผู้เล่นที่คอยช่วยเล่นเกมรับ เมื่อเขาลงสนาม เขาจัดเต็มด้วยพลังทั้งหมดที่มี เขาก็รู้ว่าเขาจะได้โอกาส และมั่นใจเสมอว่าเมื่อโอกาสมาถึงเขาจะทำได้"
"สำหรับเขาทุกเกมก็เหมือนกันหมด เขาเป็นคนที่ผ่อนคลายที่สุดที่ฉันเคยเจอ เขาเป็นคนละคนเมื่อเขาลงเล่น" โรเจอร์ส ว่าแบบนั้น ซึ่งจากสิ่งที่เขาบอกดูเหมือนเราจะเห็นมันชัดขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
จากกองหน้าที่ดูยังไงก็ไม่น่าเบียด วัตกินส์ ได้ ตอนนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้แล้ว ทุกประตูที่เขายิงได้ไม่ใช่ลูกง่าย ๆ นอกจากฝีมือแล้วต้องมีความกล้าความมุทะลุผสมปนเปอยู่ด้วย ... เขาอายุแค่ 20 ปีเท่านั้น ดูแล้วไม่เร็วก็ช้าตำแหน่งดาวยิงหมายเลข 1 ของ แอสตัน วิลล่า หรือทีมใหญ่ ๆ ในพรีเมียร์ลีกสักทีมจะต้องเป็นของเขาอย่างแน่นอน
แหล่งอ้างอิง
https://www.nytimes.com/athletic/5805530/2024/10/02/jhon-duran-aston-villa-colombia-unai-emery/
https://www.bbc.com/sport/football/articles/cr4xwxvvypeo
https://en.wikipedia.org/wiki/Jhon_Dur%C3%A1n
https://www.espn.co.uk/football/colombia-col/story/4907594/jhon-durans-journey-from-colombia-to-mls-to-aston-villa
https://www.chicagotribune.com/sports/soccer/ct-chicago-fire-scouting-jhon-jader-duran-20210113-5z5ua4txlrcvrbvuqttf3jv63u-story.html