ย้อนกลับไปในช่วงปลายเดือนธันวาคม 2024 บูกาโย่ ซาก้า ริมเส้นตัวเก่งของอาร์เซน่อล ได้รับบาดเจ็บบริเวณกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง ในเกมที่ “ปืนใหญ่” ถล่ม คริสตัล พาเลซ 5-1
ซึ่งในตอนแรกทางทีมแพทย์ประเมินว่า บูกาโย่ ซาก้า ไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัด และพักเพียงเดือนกว่าเท่านั้น แต่สุดท้ายแล้วได้ข้อสรุปว่า ซาก้า ต้องขึ้นเขียง ก่อนจะพักรักษาตัวยาวจนถึงเดือนมีนาคม 2025
อย่างไรก็ตามล่าสุด บูกาโย่ ซาก้า ได้ออกมาเล่าเรื่องราวถึงตอนที่ตนเองต้องเข้ารับการผ่าตัด รวมถึงการรักษาตัว ว่าไม่ได้แย่อย่างที่คิด เพราะได้มีเวลาสำหรับอยู่กับครอบครัวมากขึ้น อ่านหนังสือมากขึ้น และเอาใจใส่ลูกสุนัขตัวใหม่ ทักเกอร์ สุนัขพันธุ์ค็อกเกอร์พูเดิล
โดย บูกาโย่ ซาก้า เริ่มลำดับเหตุการณ์ก่อนเข้ารับการผ่าตัดดังนี้ “มันแย่มากจริง ๆ ปกติคุณจะมีเวลามากกว่านี้ในการตัดสินใจเรื่องเข้ารับการผ่าตัด”
“แต่ตอนนั้นเป็นช่วงคริสต์มาส และศัลยแพทย์ก็ต้องการใช้เวลาอยู่กับครอบครัว ผมเลยต้องตัดสินใจทันทีว่าจะผ่าตัดเลยหรือไม่”
“เพราะหากผมผ่าตัดเร็วเท่าไหร่ก็เริ่มฟื้นตัวได้เร็วเท่านั้น จากนั้นก็ต้องตัดสินใจว่าจะผ่าเวลาไหน แล้วผมจะต้องอยู่ในโรงพยาบาลวันคริสต์มาสไหม? … นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมอยากให้เกิดขึ้น”
“สุดท้ายผมต้องผ่าตอนเวลาประมาณตีห้าหรือหกโมงของวันคริสต์มาสอีฟ ต้องยกเครดิตให้ศัลยแพทย์เลย พวกเขาตื่นเช้ามากเพื่อมาผ่าตัดให้ผม ผมออกจากโรงพยาบาลประมาณบ่ายสามหรือสี่โมง แล้วก็กลับบ้าน”
“วันคริสต์มาสผมไปบ้านลูกพี่ลูกน้อง แต่ต้องใส่เฝือกขาอันใหญ่และใช้ไม้ค้ำยัน ผมต้องให้คนเอาของขวัญมาให้ ไม่ใช่ว่ามันจะแย่ที่สุดหรอกนะ แต่ตอนที่ทุกคนลุกไปที่ห้องกินข้าว ผมใช้เวลาประมาณ 10 นาทีถึงจะเดินไปถึงที่นั่นได้”
ท่ามกลางช่วงเวลาแย่ ๆ แบบนั้น บูกาโย่ ซาก้า เผยว่าในขณะเดียวกันเขาได้มายด์เซ็ตที่พัฒนาขึ้น
“เมื่อลองมองย้อนกลับไป ผมรู้สึกพอใจกับวิธีที่ผมรับมือกับทุกอย่าง สองวันแรกเป็นช่วงที่ยากที่สุด มันคือช่วงที่คุณเริ่มตระหนักว่าคุณบาดเจ็บจริง ๆ และต้องผ่าตัด แล้วคุณก็เริ่มคิดว่า ‘ตนเองจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม?’”
“เพราะมีนักเตะบางคนที่เจ็บแบบนี้แล้วกลับมาไม่เหมือนเดิมอีกเลย แต่หลังจากผ่านไปสองวัน การผ่าตัดก็เรียบร้อยและประสบความสำเร็จ จากนั้นคุณก็เริ่มมองไปข้างหน้า”
“ผมมองโลกในแง่ดีมาก และทุ่มเทกับทุกอย่างที่จำเป็น ทั้งเรื่องโภชนาการ การเข้ายิม การซ้อมในสนาม และนักกายภาพบำบัดเองก็พูดเหมือนกันว่าผมทำเต็มที่ ผมรู้สึกว่าผมกลับมาในสภาพที่ดีมาก”
“ผมได้ใช้เวลากับครอบครัวมากขึ้น และได้ทำสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ในบ้านมากขึ้น ซึ่งตอนที่ผมยังลงเล่นต่อเนื่อง ผมแทบไม่ได้สนใจเลย ในแง่นั้นมันก็ดี และผมก็กลับมาพร้อมกับมุมมองที่สมดุลมากขึ้นระหว่างฟุตบอลกับชีวิต และตอนนี้ผมพยายามรักษาสมดุลนั้นให้ดียิ่งขึ้น มันช่วยผมในด้านจิตใจ”
“ส่วนเจ้าทักเกอร์ ตอนแรกมันค่อนข้างยากสำหรับผม เพราะมันยังเป็นเพียงลูกสุนัข และผมไม่สามารถไล่ตามมันได้จริงๆ แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่ดี ฮ่า ฮ่า”
นอกจากนี้ บูกาโย่ ซาก้า ยังได้รับหนังสือ The Power of Now: A Guide to Spiritual Enlightenment โดย Eckhart Tolle มาจาก คาร์ลอส คูเอสต้า ผู้ช่วยของ มิเกล อาร์เตต้า อีกด้วย ซึ่งช่วยให้เขาพัฒนาทางด้านจิตใจไปอีกระดับ
“ผมอ่านหนังสือพัฒนาตนเองครับ หนึ่งในหนังสือที่ผมได้รับจากคาร์ลอส คูเอต้า คือ The Power of Now เป็นหนังสือที่ดีมาก มันเกี่ยวกับการไม่คิดถึงอดีต ไม่คิดถึงอนาคต แต่ให้มีสติอยู่กับปัจจุบันเสมอ และถามตัวเองตลอดว่า ‘อะไรคือสิ่งจำเป็นในตอนนี้?’”
“บางครั้งผมจะคิดว่า ‘โอ้ เราจะกลับมาฟิตเหมือนเดิมได้ไหม?’ หรือย้อนคิดว่า ‘เราน่าจะทำอะไรเพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บได้บ้าง?’ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็นเลย มันจะนำพาแต่พลังลบและความคิดลบมาสู่ร่างกาย”
“หนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดที่ผมได้จากหนังสือเล่มนี้คือ การถามตัวเองเสมอว่า ‘ตอนนี้ อะไรคือสิ่งที่จำเป็น?’ และพยายามใช้ชีวิตตามแนวทางนั้น”
และ บูกาโย่ ซาก้า ยังได้ทิ้งท้ายถึงฤดูกาล 2024-25 ที่เพิ่งจบไปว่า การได้เห็นสเปอร์ส และเชลซี คว้าแชมป์ยูโรปา ลีก และคอนเฟอเรนซ์ ลีก ตามลำดับ เมื่อเดือนที่แล้ว ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด
“แน่นอนครับ เป็นธรรมดาที่จะรู้สึกแบบนั้น เพราะคุณก็อยากเป็นคนที่อยู่ตรงตำแหน่งแชมป์เหมือนกัน”
“ผมไม่พอใจกับฤดูกาลที่ผ่านมาเลย ทั้งสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราและตอนจบ แต่สิ่งเดียวที่ผมทำได้ตอนนี้คือมองไปข้างหน้า และพยายามเป็นเวอร์ชันที่ดีที่สุดของตัวเอง และช่วยให้เพื่อนร่วมทีมทำแบบเดียวกัน”
แม้จะมีอาการบาดเจ็บรบกวนถึงขึ้นผ่าตัดแต่ บูกาโย่ ซาก้า ก็ยังยิงได้ถึง 12 ประตู 14 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 37 เกมรวมทุกรายการ ในฤดูกาล 2024-25