จากข่าวนี้ อังเดรย์ เชฟเชนโก้ ประธานสมาคมฟุตบอลยูเครน เตรียมนำเครื่องจับเท็จ มาใช้กับผู้ตัดสินฟุตบอลของยูเครน เพื่อลดปัญหาการทุตจริต อาทิ ล็อกผล ล้มบอล หรือ ติดสินบน
แต่หากมองใกล้ตัวมาที่ประเทศไทย ครั้งนึง มีการนำเครื่องจับเท็จ มาใช้กับผู้ตัดสินชาวไทยแล้วครั้งหนึ่ง ในฤดูกล 2012
เหตุการณ์ในวันนั้น ย้อนไปในเกมไทยลีก ที่ชัยนาท เอฟซี เปิดบ้านพบ บีอีซี เทโร ศาสน โดยในเกมดังกล่าว มานพ ปานสาคร ผู้ตัดสินในเกม มีจังหวะผิดพลาดมหันต์ ซึ่งเหตุการณ์ที่แฟนยังจำได้ดี คือ จังหวะที่กรกช วิริยะอุดมศิริ ของเทโร เตะมุมเข้าประตู แต่บอลทะลุตาข่ายขาด แต่ว่า มานพ ปานสาคร กลับปฏิเสธการให้ประตู
และยังมีกรณีที่นักเตะชัยนาทเปิดปุ่มใส่แข้งเทโร ซึ่งต้องเป็นใบแดง แต่ผู้ตัดสินมานพ กลับให้เป็นใบเหลือง
ส่งผลให้ "บิ๊กย้อย" พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา ที่ปรึกษาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบรามการประพฤติมิชอบในวงการฟุตบอล (คปบ.) ลงมาดูเรื่องนี้ด้วยตัวเอง และสั่งการให้นำผู้ตัดสิน มานพ ปานสาคร และ วราฤทธิ์ สุวรรณจิระ ผู้ช่วยผู้ตัดสิน เข้าเครื่องจับเท็จ
ผลการเข้าเครื่องจับเท็จของกรรมการ 2 คน พบว่า มานพ ปานสาคร พูดเท็จ หลังจากเข้าเครื่องจับเท็จถึง 2 ครั้ง ขณะที่ วราฤทธิ์ สุวรรณจิระ ให้การไม่เป็นเท็จ ทั้งคู่ต้องตอบคำถามเดียวกันคือ “ท่านรับเงินค่าจ้างให้ทำหน้าที่ตัดสินช่วยเหลือให้ทีม ชัยนาท เอฟซี ชนะจริงหรือไม่" ซึ่งทั้งคู่ตอบตรงกันว่า "ไม่จริง" โดยผลจากการตรวจจากเครื่องจับเท็จปรากฏว่า นายมานพ ปานสาคร ให้การ”เป็นเท็จ” ส่วน นาย วราฤทธิ์ สุวรรณจิระ นั้นผลออกมาว่าให้การ”เป็นจริง “
"สำหรับผลของการเข้าเครื่องจับเท็จนั้นมีความแม่นยำและเชื่อถือได้เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์จนสามารถเป็นหลักฐานที่เอาผิดได้" "เสธ.ตุ้ม" พลตรีชินเสณ ทองโกมล ประธานผู้ตัดสินในช่วงเวลานั้นเปิดเผย
จากนั้น สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย สั่งแบน มานพ ปานสาคร ห้ามตัดสินเป็นเวลา 4 ปี แต่ได้รับการลดหย่อนโทษกลับมาเป่าได้ใน 1 ปี และนั่นคือกรณีโด่งดังของวงการฟุตบอลไทย ในการนำผู้ตัดสินเข้าเครื่องจับเท็จ