ฤดูกาลนี้ฟุตบอลไทยลีก 2023/24 ใช้ผู้ตัดสินลงทำหน้าที่ 28 คน จาก 240 เกม ซึ่งน้อยกว่าฤดูกาลที่แล้วที่ใช้ 32 คน ซึ่งวันนี้จะมารีวิวโดยผู้ใช้จริงว่าผู้ตัดสินทั้งหมดมีผลงานเป็นอย่างไรบ้าง
สงกรานต์ บุญมีเกียรติ : 22 นัด
แจ้งเกิดเต็มตัวในฤดูกาลนี้ ไม่ว่าจะเป็นการลงตัดสินด้วยความแม่นยำกติกา บุคลิก คาแรคเตอร์ ชัดเจน สมดีกรี ฟีฟ่า อิลิท แถมยังลบข้อครหาที่คณะกรรมการผู้ตัดสินตั้งไว้มาอย่างยาวนานว่าไม่ให้ผู้ตัดสินลงทำหน้าที่ทีมจังหวัดบ้านเกิดของตัวเอง (บุรีรัมย์) แต่สิ่งที่แจ้งเกิด “เปาสงกรานต์” ได้มากที่สุด คือการโชว์สปีด 9 วิ่งแซงนักเตะ บีจี ปทุมฯ จนกลายเป็นไวรัลทั่งโซเชียล
ชัยฤกษ์ งามสม : 20 นัด
ยังคงเป็นที่รักของคณะกรรมการผู้ตัดสินให้ลงทำหน้าที่แตะหลัก 20 เกม โดยเลกแรก 12 นัด ส่วนเลก 2 พอใช้วิธีจับสลาก เลยได้นั่ง VAR เป็นส่วนใหญ่ แต่ยังมีเกมให้ตัดสินถึง 8 นัด และเป็นผู้ตัดสินที่แจกจุดโทษมากที่สุด 9 ครั้ง และแจกใบแดงมากที่สุด 6 ใบแดง แต่โดยรวมถือว่า “ทีโพ” เพราะไม่ค่อยมีประเด็นให้สโมสรได้ร้องเรียน
(ยกเว้นเกมระหว่าง บุรีรัมย์ 0-0 บีจี ปทุมฯ ไม่ให้จุดโทษ บีจี ที่ เคาซิค แฮนด์บอล เพราะขนาด VAR ยังไม่มีมุมที่เห็นชัดเจน ยกเว้นกล้องของ บีจี ที่ถ่ายเห็นชัดๆ ทว่าก็ต้องเข้าใจเพราะเป็นมุมอับจริงๆ)
วรินทร สัสดี : 16 นัด
เปามือดีอีกคนที่ฤดูกาลนี้ได้รับความไว้วางใตให้ทำหน้าที่มากถึง 16 นัด และไม่เคยถูกลงโทษ แต่แจกไป 8 จุดโทษ ซึ่งถือว่ารักษามาตรฐานของตัวเองได้ดี แต่คนอาจไม่ค่อยคุ้นเพราะไม่มีคอนเทนท์ ฤดูกาลหน้าลองวิ่งหัวทิ่มดูซักที คนน่าจะพอจำได้
วิวรรธน์ จำปาอ่อน : 15 นัด
เป่าบ้าง - VAR บ้าง สลับๆ กันไป สำหรับ วิวรรธน์ ผู้ตัดสินดีกรี ฟีฟ่า อิลิท ซึ่งยังคงรักษามาตรฐานของตัวเองได้ดี โดยเฉพาะการมากับฝน จนทำให้เกมระหว่าง ทรู แบงค็อกฯ กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ต้องเลื่อนแข่งขันในเลกแรก
ศิวกร ภูอุดม : 14 นัด
ผู้ตัดสินมือ 1 ของไทยมีเกมลงเป่าแค่ 14 นัด แบ่งเป็นเลกแรก 9 นัด และเลก 2 แค่ 5 นัด เนื่องจากมีชื่อไปทำหน้าที่ที่ต่างประเทศจนแจ้งเกิดที่เกาะอินโดฯ และถูกพูดถึงในเกมกับ บุรีรัมย์ 1-1 การท่าเรือ ทว่าโดยรวมยังคงเป็นมือ 1 ที่หลายคนไว้เนื้อเชื่อใจ
นที ชูสุวรรณ : 13 นัด
เป็นอีกหนึ่งซีซันที่ท็อปฟอร์มเหมือนเดิม ขนาดอาการบาดเจ็บก็ทำอะไรเขาไม่ได้ จนมีเกมเป่าถึง 13 นัด น่าเสียดายที่โดนแบนไป 6 สัปดาห์ จากเหตุ “นกหวีดลั่น” โปลิศ เทโร 1-2 บุรีรัมย์ ไม่เช่นนั้นคงมีเกมเป่ามากกว่านี้ มิหนำซ้ำไปนั่ง VAR บีจี ปทุมฯ 0-0 พีที ประจวบ ก็ไปแทรกแซง กชภูมิ ที่ตัดสินถูกแล้วให้เปลี่ยนเป็นผิด ยังดีที่ บีจี ไม่ได้ยื่นฟ้องร้อง เลยไม่โดนลงโทษ นอกจากนั้นยังเป็นผู้ตัดสินที่แจกจุดโทษมากที่สุด 9 ครั้ง เท่ากับ ชัยฤกษ์
กชภูมิ มีศรีเดชา : 13 นัด
วัยรุ่นชื่อดังบางแสน ประเดิมฤดูกาล บีจี ปทุมฯ 0-0 พีที ประจวบ ก็เกือบลงทะเลบางแสนซะแล้ว เพราะตัดสินให้ใบเหลือง จักพัน ไพรสุวรรณ ตรงกลางสนามถูกต้องแล้ว แต่โดน นที ชูสุวรรณ VAR แทรกแซงเข้ามา เลยเปลี่ยนคำตัดสิน ต่อมาคณะกรรมการผู้ตัดสินบอกเป็นใบเหลืองถูกแล้วพ่อ ทำให้ถูกตักเตือนนิดหน่อย แต่ไม่โดนลงโทษเพราะ บีจี ไม่ได้ร้องเรียน ซึ่งทั้งซีซั่นเป่าไป 13 นัดด้วยกัน
วินัด โพธิ์พัฒน์ : 13 นัด
ถือว่าเอาตัวรอดได้ดีเลยสำหรับ วินัด ตลอด 13 เกมในฤดูกาลนี้ เพราะไม่มีเหตุการณ์ไหนให้แฟนบอลได้วิพากษ์วิจารณ์ แต่เกือบเสียชื่อเล็กน้อยในนัดสุดท้าย บุรีรัมย์ 8-2 ขอนแก่น ซึ่งไม่มี VAR ช่วยตัดสิน ทำให้การวินิจฉัยบางเคสดูค้านสายตาทั้ง 2 ทีม แต่ดีที่เกมไม่มีผลอะไรแล้ว
ไพโรจน์ บุญกำเนิด : 11 นัด
ฤดูกาลนี้ไม่มีคอนเทนท์อะไร แถมกลับมาคืนดีกับ “โค้ชเตี้ย” สะสม พบประเสริฐ แล้ว จากที่เคยโดนจับบ่าแล้วเจ็บถึงทรวง มาซีซันนี้รักกันกระหนุงกระหนิง ซึ่งถือว่ามาตรฐานทรงๆ เป่าไป 11 เกม ไม่มีถูกร้องเรียน
ศรายุทธ จักรเงิน : 11 นัด
มีชื่อเป่า 11 นัด พร้อมโดนแบน 1 สัปดาห์ ในเกมนัดตกค้างเลกแรก ทรู แบงค็อกฯ 0-1 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นอกนั้นไม่มีอะไรให้พูดถึง นอกจากมาตรฐานที่ควรจะเป็น
มงคลชัย เพชรศรี : 10 นัด
“เปาสิงห์” เป็นคนพูดน้อย แต่การเป่าแต่ละครั้งหนักแน่นดีจริง แต่น่าเสียดายที่มีเกมเป่าแค่ 10 นัดเท่านั้น และไม่เคยโดนลงโทษเลย
นิวัฒน์ อินสะอาด : 9 นัด
อีกหนึ่งมือดี ท่าเป๊ะ ผมเนี๊ยบ แต่ฤดูกาลนี้มาเสียรังวัดในเกม อุทัยธานี 1-1 สิงห์ เชียงรายฯ เพราะมีมุมมองที่ยากจะเข้าใจกับจังหวะที่ ริคาร์โด ซานโต๊ส เตะวืดแต่ให้จุดโทษ ทำให้โดนแบนไป 2 เดือน
อาคม เจริญสุข : 9 นัด
เลกแรกมีชื่อเป่าแค่ 1 นัดเท่านั้น แต่พอเลก 2 ใช้วิธีจับสลาก ปรากฎว่าท็อปฟอร์มมาก มีชื่อเป่ามากถึง 8 เกม ซึ่งโดยรวมไม่มีอะไรต้องพูดถึงเท่าไหร่
วิศเวศ สังข์นคร : 8 นัด
หลังจากโดนเตือนเรื่องทำท่าดีใจในห้อง VAR เมื่อฤดูกาลที่แล้ว มาซีซันรี้ วิศเวศ สงบเสงี่ยมขึ้นเยอะ แต่ขนาดสงบยังต้องจบที่ ขอนแก่น เพราะโดนแบนจากเกม ขอนแก่น 4-3 พีที ประจวบ (มีครบทั้ง 8 ใบเหลือง, 2 ใบแดง, 3 จุดโทษ) แต่พอกลับมาก็ทำหน้าที่ได้ดีตามมาตรฐาน รวมแล้วเป่าไป 8 เกม
สหภพ ศรีบุญลือ : 7 นัด
อาจารย์สหภพ ตัวเล็กๆ หน้าตาจิ้มลิ้ม หายหน้าหายตาไปในช่วงท้ายฤดูกาล ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร หรืออาจเป็นเพราะอายที่จะกระโดดหลบบอล แต่กลายเป็นล้มกลางสนามแพท ท่าเรือ 3-3 อุทัยธานี เลยขออยู่เงียบๆ และทิ้งผลงานไว้ที่ 7 เกม
นพภเดช เมืองงาม : 7 นัด
สุดหล่อของแม่ยกมีเกมเป่าน้อยอีกแล้วแค่ 7 นัด (มากกว่าฤดูกาลที่แล้วที่เป่าแค่ 4 นัด) แต่ไม่วายโดนแบนไป 4 สัปดาห์ เพราะไปนั่ง VAR อุทัยธานี 1-1 เชียงราย แต่ไม่ได้แทรกแซงลูกจุดโทษเตะวืดช่วงท้ายเกม (นิวัฒน์ อินสอาด เป่า) ทำให้ซวยไปด้วยเลย
ต่อพงษ์ สมสิงห์ : 6 นัด
ระดับ ฟีฟ่า อิลิท ลงเป่าไม่กี่เกมก็โดนแบนไป 3 สัปดาห์ จากเกม ตราด 4-3 นครปฐม พอพ้นแบนก็น่าเสียดายที่มีอาการบาดเจ็บ ทำให้เน้นนั่งหน้าจอดู VAR ซะมากกว่า พอหายเจ็บกลับมาได้เป่า ขอนแก่น 2-2 แบงค็อก ก็โดนฟ้องจนถูกแบน 1 สัปดาห์อีก เบ็ดเสร็จซีซั่นนี้ได้เป่าแค่ 6 นัดเท่านั้น
ภานุมาศ พันสะโม : 6 นัด
มีเกมเป่าแค่ 6 นัด แต่ 5 ใน 6 นัด มีทั้งลูกจุดโทษหรือไม่ก็ใบแดง มีแค่นัดสุดท้าย ชลบุรี 2-0 เชียงราย ที่แจกไปแค่ 4 ใบเหลือง เรียกได้ว่าแต่ละเกมต้องมีเรื่องให้ตัดสินใจพอสมควร
สัชฌุกร แสนจู : 6 นัด
ฤดูกาลที่แล้วได้เป่าแค่แมตช์เดียว แต่ฤดูกาลนี้ได้รับความไว้วางใจให้ตัดสินถึง 6 เกม และไม่เคยถูกลงโทษด้วย
อนุสรณ์ หนูแก้ว : 5 นัด
มีเป่า 5 เกม แต่ 4 เกมแรกมีจุดโทษทุกนัด แถมโดนแบน 2 สัปดาห์ จากการไปนั่ง VAR นครปฐม 2-2 เมืองทอง ยูไนเต็ด ซึ่งไปแทรกแซงในจังหวะที่ ปวราย์ ศรีจันทร์ ผู้ตัดสินตัดสินถูกแล้ว
ปวราย์ ศรีจันทร์ : 5 นัด
อย่างซวย! อุตส่าห์ขึ้นมาเป่า ไทยลีก อีกฤดูกาล และมีเกมมากกว่าเดิมรวม 5 นัด แต่มาโดนแบน 6 สัปดาห์ จากเกม นครปฐม 2-2 เมืองทอง ยูไนเต็ด เพราะตัดสินถูกแล้วที่ให้ประตูกับ เมืองทองฯ แต่โดน อนุสรณ์ หนูแก้ว VAR แทรกแซงเข้ามา ทำให้เปลี่ยนคำตัดสินไม่ให้ประตู เมืองทองฯ ซะงั้น
อลงกรณ์ คนไว : 3 นัด
ท่าวิ่งน่ารักๆ เลยถูกใจคณะกรรมการผู้ตัดสินให้มีเกมเป่า 3 นัด (มากกว่าฤดูกาลที่แล้วที่เป่า 1 นัด แล้วโดนแบน) ซึ่งถือว่ามาตรฐานดีขึ้น
ไพศาล เบ็ญเด็มอะหลี : 3 นัด
ได้เป่า 3 เกมในเลก 2 เท่านั้น
วุฒิพงษ์ เกตุคำ : 3 นัด
เลกแรกเป่าอยู่นัดเดียว ส่วนเลก 2 ได้เป่า 2 เกม ก่อนโดนแบน 2 เดือน เพราะ “นกหวีดลั่น” เกม สุโขทัย 1-0 ราชบุรี เรียกได้ว่าโดนแบนยาวพ่วงไปถึงฤดูกาลหน้า
จีรวิชญ์ พรแก้ว : 2 นัด
หน้าใหม่ ไทยลีก กำลังสะสมชั่วโมงบิน ทำให้มีเป่าแค่ 2 นัดในเลกแรก ส่วนเลก 2 หายหน้าหายตาไปเลย
วีรพล เม่าแพ้ว : 1 นัด
ฤดูกาลที่ 2 ติดต่อกัน แต่ยังคงมีเกมเป่าแค่ 1 นัดเหมือนเดิม แล้วก็หายไปเลย
ซาปูดิง กาหลง : 1 นัด
เป่านัดเดียว ตราด 1-2 ทรู แบงค็อกฯ หลังจากนั้นไม่มีชื่อเลย
ชัยกฤต อินบุญส่ง : 1 นัด
เป่าแค่ 1 นัด แต่เป็นเกมที่ทำให้แฟนบอล บีจี ปทุมฯ สุดเซ็ง (ไม่เกี่ยวกับผู้ตัดสิน) เพราะบุกนำ ตราด 1-0 แต่โดน ตราด ยิงแซงชนะ 2-1