ในอดีตเราเคยนำเสนอเรื่องราวการกำเนิดของแบรนด์ Air Jordan ผ่านมุมมองของ ทิงเกอร์ ฮาตฟิลด์ ดีไซน์เนอร์คู่บุญ ไมเคิล จอร์แดน หัวเรือใหญ่แห่ง Air Jordan กันไปแล้ว
แต่คราวนี้เราเจาะลึกลงไปมากกว่าเดิม เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ Jordan XI โดยเฉพาะ มาติดตามกันไปพร้อมกับ Main Stand ว่าเบื้องหลังของหนึ่งในสนีกเกอร์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดตลอดกาลนี้มีเรื่องราวอะไรซ่อนอยู่บ้าง
ถ้าจะเล่าถึงจุดเริ่มต้นของ Jordan XI ให้สมบูรณ์ที่สุดคงต้องย้อนกลับไปไกลเสียหน่อย ในปี 1993 หรือเกือบ 30 ปีที่แล้ว ในช่วงเวลาดังกล่าวชีวิตของ “ไมเคิล จอร์แดน” ยังคงโลดแล่นอยู่ในสังเวียน NBA ภายใต้ชายคาทีม “ชิคาโก บูลส์” แน่นอนว่าเขาคือผู้เล่นซูเปอร์สตาร์อันดับหนึ่งของลีก และด้วยวัย 30 ปี ณ ขณะนั้น ยังมีเวลาอีกหลายฤดูกาลให้เขาได้สร้างประวัติศาสตร์
Photo : @MjsGoat
แต่แล้วเรื่องราวที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อ “เจมส์ จอร์แดน” พ่อผู้ทั้งบุคคลต้นแบบและเพื่อนของ ไมเคิล เสียชีวิตจากการโดนลอบยิงเพื่อชิงทรัพย์ เหตุการณ์นี้สร้างบาดแผลในใจแก่ไมเคิลอย่างร้ายแรง เขาไม่อาจต่อสู้กับมันได้ไหว สิ่งที่ตามมาคือการประกาศรีไทร์ตัวเองจากวงการบาสเกตบอลเมื่อจบฤดูกาล 1992-1993 ด้วยวัยเพียง 30 ปี
หลังจากการตัดสินใจครั้งช็อกโลก ไมเคิล จอร์แดน ก็ก้าวสู่เส้นทางการผจญภัยครั้งใหม่ในกีฬาเบสบอล กับทีมในระดับ Minor League อย่าง Birmingham Barons ซึ่งสาเหตุที่ไมเคิลตัดสินใจเช่นนี้ก็เพราะว่ากีฬาเบสบอลคือกีฬาที่พ่อของเขาวาดฝันให้ตัวเขาประสบความสำเร็จมาตั้งแต่ไมเคิลยังเด็ก ดังนั้นสิ่งที่เขาทำในตอนนี้ก็เพื่อเยียวยาบาดแผลในใจบางอย่าง
ในช่วงเวลาเดียวกัน หลังจากทราบข่าวการรีไทร์ตัวเองของ ไมเคิล ทางด้านไนกี้ก็มีแผนที่จะเลิกผลิต Air Jordan โดยตั้งใจที่จะให้ Jordan X เป็นรุ่นสุดท้าย ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคนคิดว่านี่คงมาถึงจุดสิ้นสุดของ Air Jordan แล้ว ทุกคน ... ยกเว้น ทิงเกอร์ ฮาตฟิลด์
หัวเรือใหญ่แห่ง Air Jordan คนนี้มีความเชื่อมั่นอยู่ลึก ๆ ว่า ไมเคิล จอร์แดน เพื่อนสนิทของเขาจะต้องกลับมาสู่โลกแห่งบาสเกตบอลอีกครั้งแน่ ดังนั้นสิ่งที่เขาจะทำได้คือการแอบออกแบบ Jordan XI อย่างเงียบๆ แต่ทุ่มเทกับมันอย่างหนัก เพื่อสร้างสรรค์ให้เกิดรองเท้าที่สมบูรณ์แบบที่สุด เหมาะกับการต้อนรับการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
วันเวลาล่วงเลยไปกว่า 3 ปี หลายคนอาจจะหมดหวังไปแล้วว่า ไมเคิล จอร์แดน จะกลับมาสู่ที่ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นราชา หรือบ้างก็ว่าคงหมดยุคของหมายเลข 23 แห่ง ชิคาโก บูลส์ ไปแล้ว จนกระทั่งวันที่ 18 มีนาคม 1995 ก็มีแฟกซ์ส่งไปตามที่ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ NBA โดยมีเนื้อความเพียงสั้นๆ ว่า
“I’m back” หรือ “ผมกลับมาแล้ว”
ว่ากันว่าถ้าในยุคนั้นมีอินเตอร์เน็ตหรือทวิตเตอร์ ข่าวการกลับมาของ ไมเคิล จอร์แดน นั้นต้องกลายเป็นเทรนด์อันดับหนึ่งประจำปีอย่างไม่ต้องสงสัย มันคือเหตุการณ์ที่ช็อกคนทั่วโลก แม้แต่คนที่ไม่ใช่แฟนกีฬาบาสเกตบอลเองก็ตาม อย่างไรก็ตาม ทิงเกอร์ ฮาตฟิลด์ นั้นคาดไว้แล้วว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น ... Air Jordan XI ตัวต้นแบบเสร็จสมบูรณ์ต้อนรับการกลับมาของตำนานคนนี้แล้ว
Photo : solecollector.com
“Jordan XI คือรองเท้าคู่โปรดตลอดกาลของผม” ฮาตฟิลด์กล่าวถึงสิ่งที่เขาพยายามทุ่มเทให้มาตลอดระยะเวลา 2 ปี
“Jordan XI นั้นทนทานและเบากว่ารองเท้าคู่ไหนๆ ด้วย วัสดุ Ballistic Mesh เป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างความแข็งแรงและความยืดหยุ่น จอร์แดนบอกเสมอว่าเขาอยากให้รองเท้าที่เขาสวมใส่นั้นสามารถรองรับแรงกระโดดได้อย่างไม่มีข้อจำกัด Jordan XI จึงมีแผ่นสปริงคาร์บอนไฟเบอร์ซึ่งช่วยให้ได้แรงบิดที่ดีขึ้น แผ่นสปริงทำด้วยพลาสติกทนทาน เหมาะสำหรับเกม NBA ที่มีความหนักหน่วง”
“อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ Jordan XI มีความโดดเด่นยิ่งกว่ารุ่นที่ผ่านๆ มาคือ มันเป็นรุ่นแรกที่มีการใช้หนังแก้ว (Patent Leather) ซึ่งมีความแวววาวและยืนหยุ่นสูง เหมือนกับที่ Jordan III สร้างปรากฏการณ์เมื่อปี 1985 เพราะการใช้หนังช้างเป็นวัสดุหลัก”
“นอกจากนั้นผมยังออกแบบ Jordan XI ออกมาให้ดูเป็นทางการมากกว่ารุ่นก่อนๆ มันสามารถสวมใส่ได้ในทุกที่ไม่ใช่แค่ในสนามบาสเกตบอล จะใส่คู่กับชุดทักซิโด้ยังได้เลย”
แต่ถึงแม้ Jordan XI จะเป็นรองเท้าที่ออกแบบมาอย่างดีที่สุดเพื่อต้อนรับการกลับมาของ ไมเคิล จอร์แดน แต่ทั้ง ทิงเกอร์ ฮาตฟิลด์ และ ไนกี้ เองต่างก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้ ไมเคิล สวมใส่มันลงทำการแข่งขันทันที เนื่องจากมันเป็นเพียงตัวต้นแบบ ฮาตฟิลด์ อยากจะทำให้มันสมบูรณ์พร้อมที่สุดก่อน อย่างไรก็ตาม ไมเคิล ยืนกรานว่าจะใส่มันทันที ดังนั้นครั้งแรกที่ทั่วโลกได้ยลโฉม Jordan XI คือในแมตช์การแข่งขันรอบเพลย์ออฟรอบที่สอง ฤดูกาล 1994-1995 ระหว่าง ชิคาโก บูลส์ กับ ออร์แลนโด้ เมจิค
อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่การเปิดตัว Jordan XI ที่น่าจดจำเท่าไรนัก เพราะผลสุดท้าย ชิคาโก บูลส์ พ่ายแพ้ต่อ ออร์แลนโด้ แมจิค ไป 2-4 เกม และนี่คือการพ่ายแพ้ในรอบเพลย์ออฟครั้งแรกของตัว ไมเคิล นับตั้งแต่ปี 1990
ฤดูกาล 1994-1995 อาจจบลงด้วยความผิดหวัง แต่ในฤดูกาลหน้าทุกอย่างจะแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง
Jordan XI โมเดล Concord ที่ ไมเคิล สวมใส่ลงสนามเป็นครั้งแรกวางขายอย่างเป็นทางการครั้งแรกในปี 1995 หลังจากจบฤดูกาล 1994-1995 ซึ่งก็ประสบความสำเร็จพอสมควร แต่สิ่งที่จะทำรองเท้ารุ่นนี้ขึ้นหิ้งเป็นรองเท้าระดับตำนานนั้นเกิดขึ้นต่อจากนี้
Photo : theundefeated.com
ในการแข่งขัน NBA ฤดูกาล 1995-1996 ไมเคิลสวมใส่ Jordan XI ลงสนามทำการแข่งขันตลอดฤดูกาล และถ้าใครเป็นแฟน NBA คงจดจำฤดูกาลนั้นได้เป็นอย่างดี เพราะ ชิคาโก บูลส์ ยุคนั้นซึ่งนำโดย ไมเคิล จอร์แดน, สก๊อตตี้ พิพเพ่น, และเดนนิส ร็อดแมน คือหนึ่งในทีมบาสเกตบอลที่ได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดตลอดกาลของ NBA การันตีด้วยสถิติ ชนะ 72 แพ้ 10 ตลอดฤดูกาล ซึ่งสถิตินี้ได้ครองบัลลังก์สถิติที่ดีที่สุดเป็นระยะเวลากว่า 20 ปี ก่อนจะถูกโค่นด้วย โกลเด้น สเตท วอร์ริเออร์ส ที่ชนะ 73 แพ้ 9 ในฤดูกาล 2015-2016
ชิคาโก บูลส์ ฤดูกาลนั้นยอดเยี่ยมไร้ที่ติ สามารถคว้าแชมป์ NBA ไปได้แบบไม่ยากเย็นนัก โดยในรอบเพลย์ออฟพวกเขาแพ้ไปเพียง 3 เกมเท่านั้น ส่วน ไมเคิล จอร์แดน ก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม คว้ารางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าประจำฤดูกาลไปครอง สิ่งเหล่านี้กลายเป็นแสงสปอร์ตไลท์ที่ส่องให้ Jordan XI โดดเด่นยิ่งขึ้นไปอีก เพราะมันคือรองเท้าที่มีส่วนในการสร้างตำนานแห่ง NBA
นอกจากนั้นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้ Jordan XI อยู่ในความสนใจของผู้คนทั่วโลกคือหลังจากจบเกมสุดท้ายที่ ชิคาโก บูลส์ เอาชนะ ซีแอตเทิล ซูเปอร์โซนิคส์ (โอกลาโฮมา ซิตี้ ธันเดอร์ ในปัจจุบัน) คว้าแชมป์ได้สำเร็จ ก็มีภาพของ ไมเคิล จอร์แดน นอนอยู่บนพื้นในห้องแต่งตัว สวมใส่ Jordan XI มือซ้ายกอดลูกบาสไว้แน่น บนใบหน้ามีน้ำตาไหลออกมา ราวกับว่าเขากำลังปลดปล่อยทุกอารมณ์ความรู้สึกที่มีอยู่ในใจออกมา ปรากฎอยู่ตามสื่อ ภาพนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในภาพอมตะตลอดกาลของวงการกีฬา และยิ่งทำให้ Jordan XI ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นแบบฉุดไม่อยู่
หลังจากวางจำหน่ายครั้งแรกในปี 1995 ด้วยความนิยมของมันทำให้ Jordan XI ไม่เคยหยุดนิ่ง มีการผลิตรุ่นใหม่โมเดลใหม่ออกมาให้แฟนๆ ได้จับจองเป็นเจ้าของกันตลอด โดยในปี 1996 ก็ได้มีการออกสีใหม่อย่าง White/Columbia ออกมาเพิ่มเติม ก่อนที่ในปีเดียวกันภาพยนตร์เรื่อง “Space Jam” ซึ่งมีไมเคิล จอร์แดน แสดงนำจะเข้าฉาย โดยในเรื่องเขาก็สวมใส่ Jordan XI ทำให้ความนิยมต่อรองเท้ารุ่นนี้ยิ่งมากขึ้นไปอีก
Photo : www.si.com
หลังจากนั้นในปี 2000 ก็มีการปล่อย Jordan XI โมเดล Retro ออกวางจำหน่ายเป็นครั้งแรก และในปีต่อมาก็ได้มีการวางจำหน่าย Jordan XI รูปทรง Low Top สี Cool Grey เป็นครั้งแรก ซึ่งรุ่นนี้ถือว่าเป็นรุ่นที่ทำให้ Air Jordan ดูเข้าถึงง่ายขึ้น แม้แต่ผู้หญิงก็สามารถสวมใส่ได้ เป็นหนึ่งในรุ่นสำคัญที่สร้างรากฐานวัฒนธรรมความนิยมมาถึงทุกวันนี้
และตั้งแต่ปี 2006 เป็นต้นมา ในช่วงสิ้นปีท่ามกลางบรรยากาศคริสต์มาส จะมีการวางจำหน่าย Jordan XI โมเดลใหม่ๆ ออกมาอยู่เสมอ นั่นทำให้ Jordan XI ได้รับฉายาว่า “รองเท้าแห่งวันหยุด” และไม่ว่าจะปีไหนๆ มันก็สามารถขายหมดในเวลาอันรวดเร็ว ครองบัลลังก์รองเท้า Air Jordan ที่ขายดีที่สุดต่อเนื่องมายาวนาน ทำยอดขายโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 100-150 ล้านเหรียญต่อปี และในอีกด้านมันคือหนึ่งในของขวัญคริสต์มาสที่เด็กๆ ในอเมริกาอยากได้มากที่สุด
สิ่งเหล่านี้คือเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี ว่าระยะเวลากว่า 25 ปีที่ผ่านมานั้นไม่สามารถทำอะไร Jordan XI ได้เลย มันคือสนีกเกอร์ที่อยู่เหนือกาลเวลาอย่างแท้จริง และยิ่งนานวันความจริงข้อนี้ก็ยิ่งกระจ่างชัดมากขึ้น
แหล่งอ้างอิง
https://www.grailed.com/drycleanonly/jordan-xi-history
https://www.complex.com/sneakers/2019/12/air-jordan-11-xi-everything-you-should-know/became-holiday-wish-list-staple
https://www.forbes.com/sites/raewitte/2018/11/29/how-the-air-jordan-concord-xi-became-the-sneaker-of-the-holidays/#d24f9e118fee
https://theundefeated.com/features/the-day-michael-jordan-announced-his-return-to-the-nba/